วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ <p>วารสารศิลป์ปริทัศน์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ยินดีรับบทความวิจัย บทความวิชาการทางด้านศิลปกรรมศาสตร์ โดยบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาจะต้องไม่เป็นบทความวิจัย บทความวิชาการที่เคยได้รับการเผยแพร่ในวารสารใดมาก่อน หรือ ไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ของวารสารอื่น บทความทุกบทความที่ลงในวารสารฉบับนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่านต่อหนึ่งบทความ (โดยผลการพิจารณาจะต้อง ผ่าน ทั้ง 3 ท่าน) (ตั้งแต่ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ.2565) (double blinded) โดยวารสารศิลป์ปริทัศน์ได้จัดทำวารสารเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Online) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน 2561) เป็นต้นไป กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขต้นฉบับ และการพิจารณาตีพิมพ์ตามลำดับก่อนหลัง ซึ่งวารสารศิลป์ปริทัศน์ จะนำไปเผยแพร่ในฐานข้อมูล Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) กลุ่มที่ 2</p> <p>คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จึงขอประชาสัมพันธ์และเชิญชวนคณาจารย์และผู้สนใจ ร่วมส่งบทความวิจัยหรือบทความวิชาการ เพื่อเผยแพร่ในวารสารวิชาการ "วารสารศิลป์ปริทัศน์" (Online) ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม) โดยส่งบทความผ่านทางเว็บไซต์ได้ตั้งแต่บัดนี้ <strong>จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568</strong></p> <p><strong>หมายเหตุ ผู้มีความประสงค์ลงบทความในวารสาร จะต้องพิจารณาข้อมูล เงื่อนไข ขอบเขต วารสาร ที่เมนูหัวข้อ เกี่ยวกับวารสาร (About the Journal) เพื่อพิจารณารายละเอียด นโยบาย เงื่อนไข ขอบเขต ของวารสาร และทางวารสารจะถือว่าท่านได้อ่านและตกลงตามข้อกำหนดและเงื่อนไขตามที่วารสารกำหนด </strong></p> Faculty of Fine and Applied Arts, Suan Sunandha Rajabhat University th-TH วารสารศิลป์ปริทัศน์ 2651-1991 <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารศิลป์ปริทัศน์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ</p> <p>บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารศิลป์ปริทัศน์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศิลป์ปริทัศน์</p> การตีความศิลปะเชิงนามธรรมในบริบทสิ่งแวดล้อมร่วมสมัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/279513 <p>งานวิจัยเรื่อง Somewhere else: Dream of Ocean การตีความศิลปะเชิงนามธรรมในบริบทสิ่งแวดล้อมร่วมสมัย มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา และค้นคว้าปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมสมัย วิเคราะห์ข้อมูลปัญหาสิ่งแวดล้อม และแนวคิด แรงบันดาลใจของผลงาน Somewhere else: Dream of Ocean สร้างสรรค์ผลงานภาพพิมพ์นามธรรม สร้างความตระหนักรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมสมัย วิธีดำเนินการวิจัยใช้แนวทางการวิจัยเชิงวิพากษ์ (Critical Analysis) โดยผสมผสานกรอบแนวคิดศิลปะเชิงนามธรรม และศิลปะเชิงนิเวศ ร่วมกับการศึกษาข้อมูลจากผู้จัดนิทรรศการ ศิลปินที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์เชิงลึกกับ Zhang Yatao ผู้จัดงานนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ The Blue Dream 2024 Sunrise at Sea และการวิเคราะห์ผลงานศิลปะเชิงเปรียบเทียบ เพื่อเข้าใจเจตนารมณ์ และกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน ผลการวิจัยพบว่า ผลงาน "Somewhere else: Dream of Ocean" ที่สร้างด้วยเทคนิคภาพพิมพ์แกะไม้ สามารถถ่ายทอดแนวคิดเรื่องภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการใช้สีเข้ม (สีดำและสีน้ำเงิน) ตัดกับโทนสีที่สื่อถึงน้ำทะเล โครงสร้างลายเส้นที่บิดเบือนและไหลเวียน และการจัดองค์ประกอบที่ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวและไม่แน่นอน ผลงานสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกกังวล สงบ และใคร่ครวญต่ออนาคตของสิ่งแวดล้อม โดยเชื่อมโยงกับแนวคิดการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าศิลปะเชิงนามธรรมสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารประเด็นสิ่งแวดล้อมร่วมสมัย และการบูรณาการเทคนิคดั้งเดิมกับแนวคิดร่วมสมัยสามารถสร้างมิติใหม่ในการสื่อสารทางศิลปะเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม</p> Pasutt Kanrattanasutra ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 124 135 ตามใจไทยแท้: การผลักดันศิลปะการใช้ชีวิตแบบผ่อนคลายสู่ซอฟท์พาวเวอร์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/275077 <p><span style="font-weight: 400;">บทความวิชาการนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสนอแนวคิด รูปแบบการทำงาน และแนวทางในการผลักดันสังคมไทย ในการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ที่เหมาะสมกับอัตลักษณ์ของไทย โดยใช้กระบวนการเชิงคุณภาพด้วยการศึกษาจากเอกสารงานวิจัย แนวคิดทฤษฎี ตลอดจนการลงพื้นที่ศึกษากรณีตัวอย่าง ณ ประเทศเกาหลี นำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ และสรุปเป็นแนวคิดในการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ที่เหมาะสมกับอัตลักษณ์ของไทย จากการศึกษาพบว่า ประเทศชั้นนำหลายประเทศมีอัตลักษณ์ทางสังคมในรูปแบบที่เรียกว่า สังคมแบบเข้มงวด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดประสิทธิผลในการพัฒนาประเทศได้อย่างก้าวกระโดด แต่อัตลักษณ์ ทางสังคมของประเทศไทยนั้นเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม เรียกว่าเป็นสังคมแบบผ่อนคลาย จึงไม่สามารถเดินไปในทิศทางเดียวกับประเทศที่มีสังคมแบบเข้มงวดเหล่านั้นได้ ประเทศไทย จึงควรหาแนวคิด และวิถีทางในการพัฒนาให้เหมาะกับอัตลักษณ์ของตนเอง โดยใช้แนวคิดอย่าง Work-life balance, Work 3.0, Happiness as KPI และสังคมแบบปรับตัว (adaptive culture) มาเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนา โดยบทความนี้ขอเสนอแนวคิดที่ชื่อว่า “ตามใจไทยแท้” มาเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาทิศทางการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ทางสังคมของไทย ซึ่งมีใจความหลักคือ การประยุกต์คุณลักษณะสำคัญ 4 ประการ คือ การให้อิสระและทางเลือกกับผู้คน, การยอมรับความหลากหลายทางอัตลักษณ์ และความเชื่อ, การผสมผสานแนวคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ด้วยจินตนาการและความหลากหลาย และการมุ่งเน้นสร้างความสุข และคุณค่าเชิงบวกให้กับชีวิตมนุษย์ มาใช้ในการออกแบบสินค้า บริการ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศ</span></p> รักษิต ปัญญาเลิศลักขณา กิติคุณ วรสรธร ศิรินทรา อาจเจริญ นภดล สังวาลเพ็ชร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 40 48 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าปักด้วยกระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม ชุมชนบ้านสันกอง จ.เชียงราย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/275406 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยกระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม เพิ่มศักยภาพและต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนจากงานหัตถกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมีรูปแบบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) ที่มีการเก็บข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ โดยใช้เครื่องมือการวิจัยได้แก่ แบบบันทึกข้อมูล แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมิน มีขั้นตอนการวิจัยคือ 1) ศึกษาข้อมูลจากงานวิจัยและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2) สำรวจ คัดเลือกชุมชนเพื่อศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ศักยภาพชุมชน 3) กระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วม และ 4) การศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบผลิตภัณฑ์</p> <p>ผลการศึกษาสรุปสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นด้วยกันคือ 1) ชุมชนหรือกลุ่มวิสาหกิจที่มีศักยภาพเหมาะสมสำหรับเป็นต้นแบบในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์คือ กลุ่มผ้าปักมือ บ้านสันกอง ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน <br />จ.เชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ส่งเสริมด้านอาชีพ เศรษฐกิจพอเพียง และภูมิปัญญาชาวบ้านและข้อมูลศักยภาพชุมชนในด้านต่างๆ เช่น ด้านองค์ความรู้ หัตถกรรม ภูมิปัญญา วัสดุและกระบวนการผลิต เป็นต้น 2) ผลการพัฒนาองค์ความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ตามกระบวนการออกแบบอย่างมีส่วนร่วมก่อให้เกิดการสร้างลวดลายและรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ 3) ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจที่มีต่อลวดลายอยู่ในระดับดี ( = 4.36, S.D.=0.47) และด้านรูปแบบและการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบอยู่ในระดับดี ( = 4.32, S.D.=0.46)</p> วัฒนพล อยู่สวัสดิ์ รัชนิกร กุสลานนท์ รัชนี ลือดารา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 112 123 การออกแบบคาแรคเตอร์เพื่อการสื่อสารอัตลักษณ์ ของสาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/280752 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบคาแรคเตอร์ที่สามารถถ่ายทอดอัตลักษณ์ของสาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอิงจากแนวคิดด้านการสร้างสัญลักษณ์ (symbol) และอัตลักษณ์องค์กร (organizational identity) โดยเน้นการนำเสนอคุณลักษณะเฉพาะของสาขาวิชาผ่านกระบวนการออกแบบคาแรคเตอร์ กระบวนการวิจัยสร้างสรรค์ในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ (1) การศึกษาข้อมูลอัตลักษณ์จากเอกสาร ตราสัญลักษณ์ และการสัมภาษณ์เชิงลึกจากบุคลากรในสาขาวิชา (2) การออกแบบและพัฒนาคาแรคเตอร์โดยใช้กรอบแนวคิดการออกแบบเพื่อการสื่อสาร และ (3) การประเมินผลความพึงพอใจจากกลุ่มตัวอย่าง 100 คน ซึ่งประกอบด้วย นักศึกษาสาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ อาจารย์และบุคลากร คณะศิลปกรรมศาสตร์ ผลการวิจัยนำไปสู่การพัฒนาคาแรคเตอร์ “ท่องโก๋” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์สาขวิชาฯ “ดวงตานกฮูก” ซึ่งสื่อถึงความรู้ ความรอบรู้ และการเปิดรับโลกาภิวัตน์ โดยออกแบบให้มีความน่ารัก ทันสมัย และสามารถประยุกต์ใช้ได้ในสื่อหลากหลายรูปแบบ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับ “มากที่สุด” (ค่าเฉลี่ย 4.77) สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของคาแรคเตอร์ในการถ่ายทอดอัตลักษณ์ของสาขาวิชา พร้อมทั้งสามารถต่อยอดในเชิงการประชาสัมพันธ์ การเรียนรู้ และเชิงพาณิชย์ในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม</p> Panuwad Kalip เอกสิทธิ์ เขียวสม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 80 87 การออกแบบเรขศิลป์จากพฤกษาและสัตว์แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ในปกรณ์โลกศาสตร์พุทธศาสนาเถรวาทไทย กรณีศึกษาสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับเจเนอเรชัน ซี https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/275586 <p style="font-weight: 400;">การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาการออกแบบเรขศิลป์จากพฤกษาและสัตว์แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาในปกรณ์โลกศาสตร์พุทธศาสนาเถรวาทไทย กรณีศึกษาสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับเจเนอเรชัน ซี โดยใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods) ประกอบด้วยการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ (Systematic Review) การสนทนากลุ่ม (Focus Group) และการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ (Practice-led Research) ผลการวิจัยพบว่า (1) พฤกษาและสัตว์แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามีความหลากหลายและมีศักยภาพในการประยุกต์ใช้เชิงสร้างสรรค์ (2) แนวคิดสวรรค์ในปกรณ์โลกศาสตร์มีบุคลิกภาพการสื่อสารหลัก 4 ประการ ได้แก่ Casual, Gorgeous, Natural และ Elegant (3) การออกแบบเรขศิลป์จากพฤกษาและสัตว์แห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่ประยุกต์ใช้แนวโน้มการออกแบบเรขศิลป์ปี ค.ศ. 2024 แบบ Geometry ได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากกลุ่มเป้าหมาย ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการผสมผสานแนวคิดดั้งเดิมกับการออกแบบร่วมสมัย เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่</p> สุธาดา วาดเขียน ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 49 62 การปรับสภาพศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ กรณีศึกษา ศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ วัดแจ้ง เทศบาลเมือง จ.ปราจีนบุรี https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/278607 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ 2) วิเคราะห์สภาพปัจจุบันของศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ 3) ออกแบบร่างต้นแบบของศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ และ 4) ปรับสภาพศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ ในพื้นที่วัดแจ้ง เทศบาลเมือง จ.ปราจีนบุรี ตามต้นแบบภาพร่างที่พัฒนาขึ้นแบบเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยี Augmented reality (AR) และ Animation ผู้ให้ข้อมูลในการวิจัย ประกอบด้วย ผู้พิการและผู้สูงวัย ผู้ดูแลผู้พิการ นักกิจกรรมบำบัด นักกายภาพบำบัด จำนวน 12 คน ได้มาจากการเลือกตามวัตถุประสงค์ และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ประเมินผลการปรับสภาพศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ จำนวน 385 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย</p> <p> <strong> </strong>ผลการวิจัย พบว่า 1) ศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุควรมีจุดลงทะเบียนคัดกรองแยกเป็นสัดส่วน มีจุดวางเตียงควรแบ่งพื้นที่ชัดเจนแยกออกจากจุดรับทานอาหาร มีห้องเก็บของควรปรับจากเดิมใช้เป็นที่ล้างจาน พื้นที่ให้บริการควรจัดวางอุปกรณ์ให้เป็นสัดส่วน เน้นความปลอดภัยและเข้าถึงง่าย 2) ผลการประเมินผลการปรับสภาพศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ ในพื้นที่วัดแจ้ง เทศบาลเมือง จ.ปราจีนบุรี ตามต้นแบบภาพร่างที่พัฒนาขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Augmented reality (AR) และ Animation จากกลุ่มตัวอย่าง มีผลการประเมินภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.783) และผลการประเมินทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ (1) การออกแบบสัดส่วนการใช้งานในพื้นที่ (2) ความเหมาะสมกับการใช้งาน (3) คุณค่าทางความงดงาม (4) ความสามารถนำไปเป็นต้นแบบประยุกต์สร้างในพื้นที่อื่น (5) เป็นผลงานที่คนปกติสามารถใช้พื้นที่ร่วมด้วยได้ (6) เป็นประโยชน์แก่ผู้พิการและผู้สูงอายุ (7) มีรูปแบบไม่ซ้ำกับผลงานผู้อื่น และ (8) ความชื่นชอบผลงานการปรับสภาพศูนย์ฟื้นฟูผู้พิการและผู้สูงอายุ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.719 – 4.865</p> นฤทธิ์ วัฒนภู รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเสริม วัฒนกิจ พูลพงศ์ สุขสว่าง การุณย์ อินทวาส อุทัย หวังพัชรพล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 95 110 การบูรณาการวัฒนธรรมยูเรเชียนในการออกแบบพิพิธภัณฑ์ ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/273799 <p><span style="font-weight: 400;">วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือ (1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์คุณค่าและความสำคัญของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ลักษณะพื้นฐาน และสถานะการจัดการของพิพิธภัณฑ์ทางตอนเหนือของจีน การบูรณาการวัฒนธรรมยุโรปและเอเชีย และแนวทางการออกแบบทางศิลปะ และ (2) วิเคราะห์สภาพแวดล้อม ลักษณะรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ Northern China การพัฒนาและการบูรณาการวัฒนธรรมยูเรเชียนสำหรับการออกแบบรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ทางตอนเหนือของจีน</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการทบทวนวรรณกรรมและใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วย ภัณฑารักษ์ นักออกแบบ นักวิชาการด้านวัฒนธรรมยูเรเชียน จำนวน 5 คน เพื่อให้ได้รูปแบบการบูรณาการสำหรับการออกแบบพิพิธภัณฑ์ทางตอนเหนือของจีน</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">ผลการวิจัยพบว่า (1) วัฒนธรรมยูเรเชียน มีองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั้งยุโรปและเอเชีย การบูรณาการวัฒนธรรมยูเรเชียนสะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม รูปแบบสถาปัตยกรรม นิทรรศการ สัญลักษณ์ และลักษณะเฉพาะของภูมิภาคทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งการรวมองค์ประกอบทางวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน โดยคำนึงถึงความหมายแฝง ลักษณะรูปแบบการจัดแสดงและคุณลักษณะของวัฒนธรรม และ (2) การออกแบบพิพิธภัณฑ์ที่มีความหมายแฝงทางวัฒนธรรมยูเรเชียน สะท้อนให้เห็นสุนทรียภาพของการผสมผสานสไตล์คลาสิคของยุโรปและองค์ประกอบดั้งเดิมของเอเชียเข้าด้วยกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนและอิทธิพลทางวัฒนธรรมของการบูรณาการ การมีปฏิสัมพันธ์ของวัฒนธรรมร่วมและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เสริมสร้างการรับรู้และเคารพต่อวัฒนธรรมร่วม ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนสื่อสารข้ามวัฒนธรรม ให้เกิดความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม ตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมในการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมยูเรเชียน</span></p> ชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ โหว หมิง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 27 39 The การออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/278741 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวา 2) เพื่อออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวา 3) เพื่อสร้างแนวทางออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวาใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบผสม (Mixed Method) โดยการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มจักสานเรื่องกระบวนการจักสาน ประเมินความพึงพอใจด้วยแบบสอบถามผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสาน วิเคราะห์ด้วยค่าสถิติพื้นฐาน ผลการวิจัยพบว่า เศษวัสดุผักตบชวาที่เหลือจากการจักสาน มีปริมาณที่เยอะสามารถนำกลับมาทำประโยชน์ได้ ผลการประเมินความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสาน ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 50 คน รูปแบบที่มีความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวา คือ รูปแบบที่ 2 มีระดับความหมาะสมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.48 ลำดับที่ 2 คือ รูปแบบที่ 1 มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.46 ลำดับที่ 3 คือ รูปแบบที่ 3 มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.31 ภาพรวม ทั้ง 3 รูปแบบ มีระดับความหมาะสมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.41 จากแบบสอบถามมีความเห็นด้านรูปแบบความสวยงาม ด้านการใช้ประโยชน์ ด้านอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความเห็นชอบต่อรูปแบบผลิตภัณฑ์มาก คือ รูปแบบที่ 2 ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.48 มีความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวา เพื่อการผลิตและการนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ สามาถนำประโยชน์จากวัสดุเหลือทิ้งเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และสามารถตกแต่งผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานผักตบชวาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มีความสวยงามและแปลก น่าสนใจมากยิ่งขึ้น</p> <p> แนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการจักสานผักตบชวา เป็นการใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งซึ่งเป็นปัญหากับสิ่งแวดล้อม และเป็นแนวทางในสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการและต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนจักสานผักตบชวา เพื่อประโยชน์ของชุมชน</p> ยุวดี พรธาราพงศ์ บุศรินทร์ มั่นวิชาชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 69 79 การประยุกต์ใช้แนวคิดทางการยศาสตร์ในการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้สำหรับแอปพลิเคชันอีมาร์เก็ตเพลสเพื่อธุรกิจไฮเปอร์โลคัลบนสมาร์ตโฟน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/274464 <p style="font-weight: 400;">บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาแนวทางการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้สำหรับแอปพลิเคชันอีมาร์เก็ตเพลสเพื่อธุรกิจไฮเปอร์โลคัลบนอุปกรณ์ประเภทสมาร์ตโฟน โดยมุ่งเน้นไปที่การหาแนวทางการออกแบบโครงร่างของแอปพลิเคชัน (Wireframe) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ เพื่อที่จะนำคำตอบไปใช้เป็นพื้นฐานในขั้นตอนการออกแบบทางภาพ (Visual Design) ในกระบวนการออกแบบส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User Interface) โดยผู้วิจัยตั้งต้นจากการวิจัยผู้ใช้ (User Research) ด้วยวิธีการสนทนากลุ่มในรูปแบบกึ่งโครงสร้างกับผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชันวายจำนวน 7 คน เพื่อหาคำตอบเชิงทัศนคติและประสบการณ์ในการใช้งานแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลสที่อยู่ในรูปแบบแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน โดยจากการเก็บข้อมูล วิเคราะห์และอภิปรายผล สามารถสรุปออกมาได้เป็นโจทย์ในการออกแบบจากแนวทางกลยุทธ์ในการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX Strategy) ในส่วนของโครงร่างของแอปพลิเคชันได้ดังนี้ 1) เน้นความง่าย มีองค์ประกอบเท่าที่จำเป็น ให้ข้อมูลครบถ้วน และต้องเอื้อต่อการกวาดสายตาดูเร็ว ๆ 2) ลำดับข้อมูล และองค์ประกอบเชิงโต้ตอบให้เป็นสัดส่วน สมเหตุสมผล การทำงานของสายตาและนิ้วหัวแม่มือสอดคล้องกัน 3) เอื้อต่อการใช้งานด้วยมือข้างเดียว และ 4) ให้ประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้ทั้งระหว่างและหลังใช้งาน</p> <p style="font-weight: 400;">ผู้วิจัยใช้กระบวนการวิจัยสร้างสรรค์ในการศึกษาหาแนวทางการออกแบบ โดยทำการศึกษาและคัดเลือกทฤษฎีควบคู่ไปกับการทดลองออกแบบโครงร่างของแอปพลิเคชัน โดยมีการประเมินผลงานออกแบบร่วมกับกลุ่มเป้าหมายเป็นระยะ โดยจากผลการวิจัยสามารถระบุและจำแนกแนวคิดทางการยศาสตร์ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) แนวคิดทางการยศาสตร์ด้านกายภาพ (Physical Ergonomics) และ 2) แนวคิดทางการยศาสตร์ด้านการมองเห็น (Visual Ergonomics) โดยผู้วิจัยได้ทำการออกแบบต้นแบบโครงร่างของแอปพลิเคชันอีมาร์เก็ตเพลส เพื่อแสดงแนวทางการประยุกต์ใช้แนวคิดดังกล่าวในการออกแบบ รวมทั้งเพื่อใช้ต่อยอดในกระบวนการออกแบบเรขศิลป์ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ในระยะต่อไป</p> ปวรงค์ บุญช่วย ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 12 26 อันธการ: นิทรรศการศิลปะบนเรือนร่างและการออกแบบเครื่องแต่งกาย 2024 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/280342 <p>บทความ อันธการ: นิทรรศการศิลปะบนเรือนร่างและการออกแบบเครื่องแต่งกาย 2024 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลงานศิลปะบนเรือนร่างและการออกแบบเครื่องแต่งกายของนักศึกษาของสาขาศิลปะการแสดง แขนงวิชาศิลปะการละครและความเป็นผู้ประกอบการสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ภายใต้โครงการ The Body Painting and Costume Design 2024 ครั้งที่ 14 โดยมีแนวคิด “อันธการ” (The Darkness) เป็นการระดมสมองของคณาจารย์และกลุ่มศิลปินเพื่อวางแนวคิดหลักและแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานออกแบบ นักศึกษาสามารถศึกษาค้นคว้าและตีความความหมายของความมืดมนอันธการเพื่อเป็นโจทย์ในการนำไปสร้างแนวคิดย่อยของกลุ่มหรือเฉพาะบุคคลได้ บทความนี้มีวิธีการค้นคว้าวิจัยเชิงคุณภาพได้แก่การศึกษารวบรวมข้อมูลเชิงเอกสาร วิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการออกแบบของนักศึกษา การสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์ ตลอดจนการบันทึกภาพถ่ายและวิดีโอผลงานออกแบบและการจัดการแสดงผลงาน</p> <p>จากการศึกษาวิเคราะห์ผลงานบอดี้เพ้นท์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 พบว่ามีจำนวน 30 ผลงานสามารถจำแนกผลงานเป็นสามแนวคิดย่อยดังนี้ 1. ความมืด ภาพยนตร์ 2. ความมืด ความต่างวัฒนธรรม และ 3. ความมืด จิตวิญญาณผีไทย เรียงตามลำดับนักศึกษาเลือกตีความประเด็นมุมมองความมืดที่สะท้อนผ่านตัวละครในภาพยนตร์ ที่มีเรื่องเล่า ความเชื่อทางวิญญาณ ผีและสิ่งที่เหนือธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะของผลงานการออกแบบมีสีสันไม่ฉูดฉาดเน้นงานวาดลายเส้นเพื่อสะท้อนอัตลักษณ์และลักษณะเฉพาะของตัวละครเป็นหลัก ในขณะที่ผลงานการออกแบบเครื่องแต่งกายของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 3 สร้างแนวคิดหลักเป็นมาจากมุมมืดของกรุงเทพมหานคร (The Darkness of BANGKOK) โดยจำแนกออกเป็นสามแนวคิดย่อยคือ 1. การแบ่งแยกทางชนชั้น 2. ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และ 3. ชีวิตที่เร่งรีบในสังคมเมือง ตามลำดับ โดยมีจำนวนผลงานทั้งสิ้น 34 ชื้นงาน โดยนักศึกษาเลือกนำเสนอผลงานและการใช้วัสดุที่มีความแตกต่างหลากหลาย มีการเลือกใช้วิธีการตัดเย็บที่เน้นการประดิษฐ์ทำมือเป็นงานเชิงช่างมากกว่าที่จะตัดเย็บเป็นแพทเทิร์น หลายผลงานมีการใช้วัสดุแบบรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้นำกลับมาทำเครื่องแต่งกาย การใช้สีมีความหลากหลายทั้งแบบคุมโทนสีเข้มสีดำที่สะท้อนตามแนวคิด หรือมีสีสันที่ฉูดฉาดเพื่อสะท้อนแนวคิดย่อยของแต่ละกลุ่มได้อย่างน่าสนใจ นิทรรศการครั้งนี้จัดแสดงงานที่ Ultra Arena ชั้น 5 Bravo BKK<em> นอกจากนี้ยังมีกลุ่มศิลปินมานำเสนอผลงานศิลปะบนเรือนร่างและผลงานการออกแบบแฟชั่นของผู้ประกอบการสร้างสรรค์ที่เป็นทั้งศิษย์เก่า ศิลปินและเครือข่ายผู้ประกอบการกับทางสาขาวิชา ผลงานนิทรรศการมีการ</em>บันทึกภาพการแสดง เบื้องหลังกระบวนการทำงาน บันทึกบทสัมภาษณ์ศิลปินนักออกแบบแบรนด์เสื้อผ้า นางแบบ นางแบบ และอินฟลูเอนเซอร์เพื่อเผยแพร่ช่องทางออนไลน์ ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์ การสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสาขาวิชาสู่สาธารณะชนในวงกว้าง โครงการนี้สามารถสร้างองค์ความรู้ทางวิชาชีพการออกแบบ สร้างทักษะความสามารถด้านศิลปะการแสดงและความเป็นผู้ประกอบการสร้างสรรค์ให้กับนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> สรร ถวัลย์วงศ์ศรี กุสุมา เทพรักษ์ บรรดิษฐ์ วรานุยุตร อภิสรา ยุทธโรจน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 1 11 การรีแบรนด์นาฏศิลป์ไทยสวนสุนันทายุคดิจิทัลเพื่องานอุตสาหกรรมการแสดง https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/278443 <p>การรีแบรนด์นาฏศิลป์ไทยสวนสุนันทายุคดิจิทัลเพื่องานอุตสาหกรรมการแสดง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรีแบรนด์ของหลักสูตรนาฏศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ในบริบทของยุคดิจิทัล โดยการจัดการเรียนการสอนของหลักสูตรจะเน้นให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาในเรื่องของทักษะการแสดง การออกแบบ สร้างสรรค์การแสดง และการบริหารจัดการการแสดง เพื่อให้นักศึกษามีความพร้อมสู่ความต้องการในอุตสาหกรรมการแสดงสมัยใหม่ การวิจัยนี้ มีวิธีการดำเนินการวิจัยจากการศึกษา และวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์ และการสังเกตการณ์ โดยผลการวิจัยพบว่า การรีแบรนด์เป็นกลยุทธ์สำคัญในกระบวนการพัฒนาหลักสูตรการศึกษา โดยเฉพาะในสาขาวิชาศิลปะการแสดงที่ต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม เทคโนโลยี และความต้องการของอุตสาหกรรมการแสดง การปรับปรุงภาพลักษณ์และโครงสร้างของหลักสูตรไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับผู้เรียน แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนในด้านต่างๆ ได้แก่ ทักษะการแสดง คือ การผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AR (Augmented Reality) ในการฝึกซ้อมการแสดง ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะ ความสามารถ ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นใจในการแสดง ทักษะการออกแบบสร้างสรรค์การแสดง คือ การใช้โปรแกรมออกแบบและสื่อมัลติมีเดีย ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาสามารถพัฒนาผลงานสร้างสรรค์ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ชมในยุคดิจิทัล และทักษะการบริหารจัดการการแสดง คือ การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการโปรโมท และจัดการการแสดง ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้ชมและลดต้นทุนในการดำเนินการ โดยการรีแบรนด์ในมิติเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสะท้อนถึงความสำเร็จและแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้นักศึกษามีความพร้อมสู่งานอุตสาหกรรมการแสดง และช่วยเพิ่มขีดความสามารถของศิลปะการแสดงไทยอันนำไปสู่เวทีระดับชาติและนานาชาติได้ต่อไป</p> รติพัทธ์ ศิริพงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 63 68 การพัฒนาชุดสอนดนตรีรูปแบบออนไลน์ของโรงเรียนในพื้นที่ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม https://so01.tci-thaijo.org/index.php/APJ/article/view/261660 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p><strong> </strong>บทความวิจัยเรื่องการพัฒนาชุดสอนดนตรีรูปแบบออนไลน์ของโรงเรียนในพื้นที่ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชุดการสอนดนตรีในรูปแบบออนไลน์เครื่องมือเอกขับร้อง และทฤษฎีดนตรีเบื้องต้นให้กับโรงเรียนในพื้นที่ตำบลแพรกหนามแดงเพื่อนำไปประกอบการสอนและพัฒนาความสามารถทักษะดนตรีให้นักเรียนในโรงเรียน โดยผู้วิจัยคำนึงถึงความเหมาะสมสภาพแวดล้อมและศักยภาพของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาในพื้นที่ตำบลแพรกหนามแดง งานวิจัยนี้มีวิธีการดำเนินงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีการสัมภาษณ์เก็บรวบรวมข้อมูลจากคณะครู อีกทั้งการสังเกตการณ์ร่วม จากการวิเคราะห์ข้อมูลการสัมภาษณ์ และการสังเกตการณ์ร่วม ผลการวิจัยพบว่า ในการสร้างชุดการสอนออนไลน์เนื้อหาวิชาทักษะดนตรี ที่ผู้วิจัยจัดทำในวิชาขับร้อง และ วิชาทฤษฎีดนตรีพื้นฐานนั้นมีความเหมาะสมในด้านเนื้อหาที่สอดคล้องกับการเรียนในหลักสูตร และจะสนับสนุนการพัฒนานักเรียนให้มีพื้นฐานความรู้ทางดนตรีในแต่ละเครื่องมือนั้น ชุดการสอนออนไลน์ต้องมีเนื้อหาการสอนที่ประกอบด้วย ดังนี้ 1) เนื้อหากระชับ 2) แบบฝึกหัดที่ไม่ยากเกินไป 3) ภาษาสื่อสารที่เข้าใจง่าย 4) การสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง 5) ระยะเวลาของคลิปสอน </p> อวัสดากานต์ ภูมี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศิลป์ปริทัศน์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 13 1 88 94