วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM <p><strong>วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา (Burapha Journal of Business Management: BJBM)</strong></p> <p> วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา จัดทำโดยคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดรับบทความวิจัยและบทความวิชาการทางด้านบริหารธุรกิจ กำหนดเผยแผร่ จำนวน 2 ฉบับต่อปี (ในเดือนมิถุนายน และเดือนธันวาคม) เป็นวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีอ้างอิงวารสารไทย (TCI) กลุ่มที่ 1 ซึ่งการรับรองคุณภาพวารสารครั้งนี้มีผลตั้งแต่ปี 2568 ถึงปี 2571 มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยที่มีคุณภาพทางด้านบริหารธุรกิจของบุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางวิชาการของคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ และนิสิต นักศึกษา และส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของบุคลากร คณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ และ นิสิตนักศึกษา ผลงานที่รับพิจารณาตีพิมพ์ต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น บทความทุกเรื่องที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ต้องได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการและผ่านการพิจารณาความถูกต้องและคุณภาพทางวิชาการ (Peer reviewed) จากผู้ทรงคุณวุฒิ (Reviewer) ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 ท่าน โดยการประเมินแบบปกปิดรายชื่อและสังกัดทั้งผู้ประเมินและผู้เขียนบทความ (Double – blind peer review)</p> <p>ISSN 2730-230X (Online)</p> <p> </p> th-TH <p>บทความที่จะตีพิมพ์เพื่อเผยแพร่ในวารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา จะต้องเป็นบทความที่ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารอื่น ๆ ทั้งนี้ หากพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ ด้วยข้อคิดเห็นที่ปรากฏและแสดงในเนื้อหาบทความต่าง ๆ ให้ถือว่าเป็นความเห็นและความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียนบทความนั้น ๆ มิใช่ความเห็นและความรับผิดชอบใด ๆ ของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา สำหรับในกรณีผู้ประสงค์จะนำข้อความในวารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา ไปเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา ตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์</p> journalbbs@buu.ac.th (Asst. Prof. Wanvicechanee Tanoamchard, Ph.D.) journalbbs@buu.ac.th (Mr.Watcharin Yodmongkol) Sat, 28 Jun 2025 18:03:27 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันความจริงเสริม (AR) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/278609 <p>งานวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเว็บแอปพลิเคชันความจริงเสริม (AR) ในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่พระราชวังจันทน์และชุมชนสระสองห้อง ซึ่งเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก ชุมชนแห่งนี้มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความสำคัญเชิงวัฒนธรรมที่ล้ำค่า แต่การนำเสนอข้อมูลในปัจจุบันยังมีลักษณะแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจไม่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล<br />ความจริงเสริม (AR) ถูกนำมาใช้ในการสร้างแบบจำลอง 3 มิติของพระราชวังจันทน์และชุมชนสระสองห้อง พร้อมทั้งเพิ่มเนื้อหาเสริม เช่น เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ภาพวัตถุโบราณ และมัลติมีเดียที่ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับพื้นที่สำคัญ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน เพื่อสำรวจสถานที่และเรียนรู้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้อย่างลึกซึ้ง<br />ผลการพัฒนาและทดลองใช้งานต้นแบบเว็บแอปพลิเคชันความจริงเสริม (AR) กับนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจใช้เว็บแอปพลิเคชันความจริงเสริมในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 60 คน พบว่า เว็บแอปพลิเคชันความจริงเสริม (AR) ช่วยเพิ่มการรับรู้ข้อมูล ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ และสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวของชุมชนเจ้าบ้าน ส่งเสริมการสร้างรายได้ และอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น แนวทางนี้จึงถือเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียง พร้อมทั้งสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยในด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและการส่งเสริมการท่องเที่ยวอัจฉริยะในระดับประเทศและระดับสากล</p> กนกกาญจน์ เสน่ห์ นมะหุต, เกษวดี พุทธภูมิพิทักษ์, จักรกฤษณ์ เสน่ห์ นมะหุต ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/278609 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามมาตรฐาน SHA ในเขตพื้นที่บางรัก กรุงเทพมหานคร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277345 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัจจุบันของธุรกิจสถานประกอบการเพื่อสุขภาพในเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร (2) เพื่อประเมินและเปรียบเทียบระดับความรู้ของผู้ประกอบการก่อนและหลังการอบรมตามมาตรฐาน SHA (3) เพื่อพัฒนาให้สถานประกอบการผ่านการรับรองมาตรฐาน SHA และ (4) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยส่งเสริมและอุปสรรคต่อการดำเนินงานตามมาตรฐาน SHA การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน คัดเลือกแบบเจาะจงจากสถานประกอบการเพื่อสุขภาพจำนวน 15 แห่ง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพคือ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบสังเกตสถานที่ แบบตรวจประเมินตามเกณฑ์ SHA แบบฟอร์มการสังเกตแบบมีส่วนร่วม และแบบติดตามผลหลังการพัฒนา ในส่วนของเครื่องมือวิจัยเชิงปริมาณ คือ แบบประเมินความรู้ และหนังสือการพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ผลการวิจัยเชิงคุณภาพพบว่า อุปสรรคหลัก ได้แก่ ขั้นตอนที่ซับซ้อน ข้อจำกัดด้านบุคลากร งบประมาณ และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน SHA อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการมีทัศนคติที่ดีและตั้งใจเข้าร่วมเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ส่วนผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่า ค่าเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับ SHA เพิ่มขึ้นจาก 7.64 เป็น 9.78 หลังการอบรม และสถานประกอบการทั้ง 15 แห่งผ่านการรับรองมาตรฐาน SHA ครบถ้วน การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาศักยภาพสถานประกอบการตามมาตรฐาน SHA ช่วยยกระดับคุณภาพบริการและพร้อมรับมือวิกฤตการระบาดของ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> อนิรุทธิ์ เจริญสุข, มนษิรดา ทองเกิด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277345 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์พฤติกรรมและแรงจูงใจในการใช้บริการศัลยกรรม เสริมความงามใบหน้ากลุ่มเจเนอเรชันแซด ในจังหวัดขอนแก่น https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/276536 <p>การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมและแรงจูงใจของผู้ใช้บริการศัลยกรรมเสริมความงามใบหน้า และเสนอแนะแนวทางการวางแผนการตลาดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้บริการกลุ่มเจเนอเรชันแซดในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยการแจกแบบสอบถามจากผู้ใช้บริการ จำนวน 400 คน และสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างจากผู้ใช้บริการจำนวน 12 คน พบว่า ผู้ใช้บริการ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 21-23 ปี มีรายได้ 15,001-20,000 บาทต่อเดือน บริการศัลยกรรมเสริมความงามประเภทไม่ผ่าตัดที่นิยมได้แก่ เลเซอร์หน้าใส โบท็อกซ์ และ Pico รักษารอยสิว และบริการศัลยกรรมเสริมความงามประเภทผ่าตัดที่นิยม ได้แก่ การเสริมจมูก ตกแต่งริมฝีปาก และเสริมคาง มีแรงจูงใจในระดับมากที่สุด ได้แก่ การสร้างความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือและความชำนาญของแพทย์ ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและบริการ การรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และแพทย์ให้คำปรึกษา ทั้งก่อนและหลังบริการ โดยจะค้นหาข้อมูลและพิจารณาในเรื่องของชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาล/คลินิก ความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับการบริการและคุณภาพที่จะได้รับจากสื่อออนไลน์ และมักจะเปรียบเทียบผลลัพธ์กับความคาดหวังก่อนการรับบริการ ผู้ที่เคยผ่านการศัลยกรรมเสริมความงามใบหน้ามีความต้องการที่จะใช้บริการเพิ่มเติมในอนาคต ต้องการบอกต่อ อยากให้คำแนะนำ และต้องการเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยทำศัลยกรรมเสริมความงามใบหน้ามาแล้วให้กับผู้ที่มาปรึกษา</p> จินณพัษ โดมินิค, ปิยพร ทบลา, มัสยา พรมสิทธิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/276536 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 บทบาทการเป็นตัวแปรส่งผ่านขององค์กรแห่งการเรียนรู้ในความสัมพันธ์ระหว่างทุนมนุษย์และผลการดำเนินงานขององค์กร: หลักฐานเชิงประจักษ์ จากบริษัทมหาชนในประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/278387 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของทุนมนุษย์และองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน 2. ศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของทุนมนุษย์และองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนในประเทศไทยจำนวน 269 บริษัท เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมีโครงสร้างปลายปิด แบ่งเป็น 5 ระดับ โดยข้อคำถามแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ทุนมนุษย์ องค์กรแห่งการเรียนรู้ และผลการดำเนินงานระดับองค์กร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง<br />ผลการวิจัยพบว่าความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของทุนมนุษย์และองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทมหาชนในประเทศไทยมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยทุนมนุษย์สามารถพยากรณ์องค์กรแห่งการเรียนรู้ได้ร้อยละ 75 และองค์กรแห่งการเรียนรู้สามารถพยากรณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทมหาชนในประเทศไทยได้ร้อยละ 24 นอกจากนี้ยังพบอีกว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้มีอิทธิพลทางอ้อมในฐานะตัวแปรส่งผ่านความสัมพันธ์ระหว่างทุนมนุษย์กับผลการดำเนินงานของบริษัทมหาชนในประเทศไทย</p> พชร ใจอารีย์, สันติธร ภูริภักดี, เกิดศิริ เจริญวิศาล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/278387 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 แบบจำลองจุดสัมผัสเส้นทางก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทต้นไม้ของผู้บริโภค Gen Y แบบออนไลน์และแบบออฟไลน์ ภาคตะวันออก ประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/278047 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาจุดสัมผัสเส้นทางก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทต้นไม้ของผู้บริโภค Gen Y แบบออนไลน์และออฟไลน์ ตรวจสอบความสอดคล้องเชิงโครงสร้าง และนำเสนอแบบจำลองจุดสัมผัสของทั้งสองช่องทาง เป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มตัวอย่าง คือ Gen Y ในภาคตะวันออกที่เคยซื้อต้นไม้ผ่านสองช่องทาง ทำการวิจัยตามลำดับวัตถุประสงค์ คือ การวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์เชิงลึก 20 คน และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา การวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม 400 คน ใช้การวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนาและองค์ประกอบเชิงยืนยัน จากนั้นนำผลการวิจัยทั้งสองรูปแบบมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อนำเสนอแบบจำลอง ผลการศึกษาพบว่า แบบจำลองจุดสัมผัสเส้นทางก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทต้นไม้ของผู้บริโภค Gen Y แบบออนไลน์ การรับรู้ ได้แก่ สื่อสังคมออนไลน์และการตลาดดิจิทัล แหล่งข้อมูลและการโฆษณาออฟไลน์ คุณภาพและลักษณะของผลิตภัณฑ์ ความท้าทาย และการบริการของผู้ขาย การค้นหาข้อมูล ได้แก่ การค้นหาข้อมูลจากช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเปรียบเทียบ และการประเมินทางเลือกก่อนการซื้อ ได้แก่ การบริการและความสะดวกสบาย คุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ความน่าเชื่อถือและการขนส่ง และไม่มีการประเมินทางเลือกก่อนการซื้อ และแบบจำลองจุดสัมผัสดังกล่าวแบบออฟไลน์ การรับรู้ ได้แก่ ประสบการณ์การเลือกซื้อและบริการ สื่อสังคมออนไลน์และการตลาดดิจิทัล คุณภาพและลักษณะของผลิตภัณฑ์ และแหล่งข้อมูลและการโฆษณาออฟไลน์ การค้นหาข้อมูล ได้แก่ การค้นหาข้อมูลจากช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเปรียบเทียบ และการประเมินทางเลือกก่อนการซื้อ ได้แก่ การบริการและความสะดวกสบาย คุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และความน่าเชื่อถือและการขนส่ง</p> กรกช ชมดวง, เพชรรัตน์ วิริยะสืบพงศ์, ปิยะพร ธรรมชาติ, ชลาภรณ์ ยูน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/278047 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 อิทธิพลของนวัตกรรมบริการ คุณภาพสินค้า และการตลาดแบบครบวงจรต่อ ความภักดีผ่านบทบาทของความเชื่อมั่นในตราสินค้าและความพึงพอใจ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277878 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของนวัตกรรมบริการ และคุณภาพสินค้า และการตลาดแบบหลายช่องทางผ่านบทบาทของความเชื่อมั่นในตราสินค้า ความพึงพอใจ และความภักดีของตรา โดยกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริโภคที่มีประสบการณ์ซื้อและใช้สินค้าของตราสินค้ายูนิโคล่ (Uniqlo) ในประเทศไทย จำนวน 400 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างโดยไม่ใช้ความน่าจะเป็น การเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และโมเดลสมการโครงสร้าง (SEM)<br />ผลการวิจัยพบว่านวัตกรรมบริการและคุณภาพสินค้ามีอิทธิพลต่อความพึงพอใจ คุณภาพสินค้า การตลาดหลายช่องทางและความเชื่อมั่นในตราสินค้ามีอิทธิพลต่อความภักดีของตราสินค้า อีกทั้ง ความเชื่อมั่นในตราสินค้าและความพึงพอใจไม่ได้เป็นตัวแปรคั่นกลางอิทธิพลของนวัตกรรมบริการ คุณภาพสินค้าและการตลาดหลายช่องทางต่อความภักดีของตราสินค้ายูนิโคล่ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01<br />โดยผลการวิจัยในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและการบริหารการทำตลาดแบบครบวงจรตลอดจนการพัฒนานวัตกรรมบริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้าและทำให้ตราสินค้ามีความได้เปรียบทางการแข่งขันต่อไป</p> ลภัสวัฒน์ ศุภผลกุลนันทร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277878 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 Green Supply Chain Management and Managing the Green Enterprise Affecting Performances in Auto-Parts Manufacturers in Thailand https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277337 <p>The purpose of this quantitative study on Green Supply Chain Management and the management of green enterprises affecting performances in auto parts manufacturers in Thailand was to answer the guiding research question: Is there a significant relationship between Green Supply Chain Management practices and the performances of auto parts manufacturing companies in Thailand? The literature review revealed that the relationship between Green Supply Chain Management practices and the performances of auto parts manufacturing companies in Thailand had not been sufficiently explored despite the urgent industry need for these studies. As a methodological approach, SEM modeling was used to collect data from up to 400 respondents in the Thai car manufacturing industry from industrial estates in the provinces of Bangkok, Pathum Thani, Ayutthaya, Chonburi, and Rayong. The findings reveal that managing green enterprises significantly enhances performance and supports Green Supply Chain Management, which, in turn, positively impacts the performance of auto parts manufacturing companies in Thailand.</p> Phanrajit Havarangsi, Chanakiat Samarnbutra, sanhakot vithayaporn ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277337 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700 Macroeconomic Factors Influencing the Standard of Living in Lao PDR https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277984 <p>Laos People’s Democratic Republic (Lao PDR) has experienced a serious inflation problem which caused the price of goods and services to rise for several years up to the present. Moreover, the depreciation of the Kip currency compared to the US dollar and Thai baht, especially fuel price which is an imported commodity has increased. As a result, many people face hardships in daily life due to the rising cost of living. Therefore, this research aims to study the macroeconomic factors affecting the standard of living of Lao PDR. The dependent variable is GDP per capita which represents the standard of Living (STL). The data used was the secondary data of the annual time series from 1990 to 2023, a total of 33 years, and examined by a multiple regression model using the Ordinary Least Square method.</p> <p>The findings indicate that the factors positively influencing STL in Lao PDR include the unemployment rate (UNEM), foreign direct investment (FDI), the industrial sector’s share of GDP (IND), and the exchange rate of kip to the U.S. dollar (EXUS). Moreover, a factor exerting a negative influence is the inflation rate (INF). However, other factors, such as GDP growth, and global oil prices did not significantly explain the STL. This research enhances the government sector in formulating policies to improve a better standard of living for the Laos people.</p> Bunthong Phat , Sirikwan Jaroenwiriyakul ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/BJBM/article/view/277984 Sat, 28 Jun 2025 00:00:00 +0700