https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/issue/feed
Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
2024-08-27T16:30:04+07:00
Umarin Tularak, Ph.D.
umatul@kku.ac.th
Open Journal Systems
<p> วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นวารสารวิชาการด้านมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ </p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong></p> <p>เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ความคิดเห็นทางวิชาการ </p> <p>เพื่อเผยแพร่งานการศึกษาค้นคว้าและวิจัยด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ</p> <p>เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นทางวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</p> <p><strong>ขอบเขต</strong></p> <p>บทความวิจัยและบทความวิชาการที่เกี่ยวข้องกับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ในด้านปรัชญาและศาสนา ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม วัฒนธรรมศึกษา สังคมวิทยา มานุษยวิทยา รัฐประศาสนศาสตร์ พัฒนาสังคม ประวัติศาสตร์และโบราณคดี สารสนเทศและการสื่อสาร และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong>กำหนดออก ปีละ 3 ฉบับ (ราย 4 เดือน)</strong></p> <p>วารสารมีกำหนดออกปีละ 3 ฉบับ ตีพิมพ์รูปแบบระบบวารสารอิเล็คทรอนิคส์</p> <p>-ฉบับเดือนมกราคม – เมษายน (กำหนดออกเดือนเมษายน)<br />-ฉบับเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (กำหนดออกเดือนสิงหาคม)<br />-ฉบับเดือนกันยายน – ธันวาคม (กำหนดออกเดือนธันวาคม)</p>
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/276019
วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ ปีที่ 41 ฉบับที่ 2 (Full Issue)
2024-08-27T15:51:09+07:00
-
kwanso@kku.ac.th
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/271726
การดำรงชีพของผู้สูงอายุอีสาน: มิติพื้นที่และปัจจัยกำหนด
2024-03-06T10:36:10+07:00
ดุษฎี อายุวัฒน์
dusayu@kku.ac.th
วณิชชา ณรงค์ชัย
wanicna@kku.ac.th
รักชนก ชำนาญมาก
rukcch@kku.ac.th
จงรักษ์ หงษ์งาม
jonaka1@kku.ac.th
เกศินี สราญฤทธิชัย
kesinee@kku.ac.th
ณัฐวรรธ อุไรอำไพ
nattawat.au@go.buu.ac.th
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาการดำรงชีพผู้สูงอายุ และปัจจัยกำหนดการดำรงชีพผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ มีหน่วยวิเคราะห์ระดับปัจเจกบุคคล เก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อพฤศจิกายน-ธันวาคม 2561 ด้วยแบบสัมภาษณ์กับกลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุทั้งในเขตเมืองและเขตชนบท จังหวัดขอนแก่นและชัยภูมิ จำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและใช้สถิติถดถอยพหุคูณ เพื่อหาปัจจัยกำหนดการดำรงชีพผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุมีการดำรงชีพในภาพรวม ซึ่งเป็นผลรวมจากคะแนนวิถีการดำรงชีพของผู้สูงอายุใน 5 ลักษณะ คือ การดิ้นรนต่อสู้ในการดำรงชีพ การสร้างทางเลือกในการดำรงชีพ การหาวิธีแก้ไขปัญหาในการดำรงชีพ การอยู่รอดเพื่อการดำรงชีพ และความยั่งยืนในการดำรงชีพ ซึ่งทั้งผู้สูงอายุในพื้นที่เมืองและชนบทส่วนใหญ่มีระดับการดำรงชีพอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 60.6 และ 62.7 ตามลำดับ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีการดำรงชีพด้านการสร้างทางเลือก ด้านการหาวิธีแก้ไขปัญหา และด้านการอยู่รอด อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 47.7, 58.8 และ 62.4 ตามลำดับ ในขณะที่ด้านการดิ้นรนต่อสู้ กว่า 1 ใน 2 ของผู้สูงอายุมีระดับการดำรงชีพอยู่ในระดับต่ำ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากว่า 2 ใน 3 ของผู้สูงอายุกลับมีการดำรงชีพด้านความยั่งยืนในระดับสูง โดยผู้สูงอายุมีวิถีการดำรงชีพรายด้านเป็นแบบแผนเดียวกันทั้งในพื้นที่เมืองและชนบท เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยกำหนดการดำรงชีพของผู้สูงอายุ พบว่า อายุ การเห็นคุณค่าในตนเอง ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว การเข้าถึงทุนการเงิน การเข้าถึงทุนมนุษย์ และการเข้าถึงทุนสังคม เป็นปัจจัยกำหนดการดำรงชีพผู้สูงอายุภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งในเขตเมืองและชนบท อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้ โดยตัวแปรอิสระร่วมกันอธิบายการผันแปรของการดำรงชีพของผู้สูงอายุร้อยละ 47.2 (R<sup>2</sup>=0.472)</p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>:</strong> การดำรงชีพ, การเห็นคุณค่าในตนเอง, การเข้าถึงทุน, ผู้สูงอายุ</p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/272931
การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2024-05-20T17:23:08+07:00
วิภารัตน์ พลายแก้ว
wipharat7340@gmail.com
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> การศึกษาครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบริบทและศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชน และศึกษากลยุทธ์การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบมีส่วนร่วมของตำบลบางสวรรค์ ประชากรที่ใช้ศึกษา ได้แก่ กลุ่มองค์กรบริหารส่วนตำบลบางสวรรค์ กลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการและกลุ่มประชาชนในพื้นที่ โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ศึกษา คือ การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และกระบวนการ AIC โดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า บริบทและศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชน ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในการบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์ไม่แพร่หลายชุมชนขาดความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในการกำหนดกิจกรรม ภาครัฐไม่ให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวชุมชน และต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้บริบทด้านพื้นที่มีความหลากหลายทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี พื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นเกษตรกรรมสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น</p> <p> กลยุทธ์การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบมีส่วนร่วม พบว่า ด้านกลยุทธ์การสร้างความสำคัญ ชุมชนต้องเสริมสร้างองค์กรโดยสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน มีการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวทางชุมชน เน้นธรรมชาติและวัฒนธรรมชุมชนภายใต้การบริหารจัดการที่ร่วมกันวางแผนงาน จัดสรรงบประมาณ กระตุ้นให้เยาวชนรุ่นใหม่ในชุมชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนา เพื่อกระจายรายได้ สร้างอาชีพสู่ชุมชน ด้านกลยุทธ์การสร้างแนวทางพัฒนา ต้องมีแนวทางในการปรับปรุงภูมิทัศน์สร้างเอกลักษณ์โดดเด่นที่สามารถขยายขอบข่ายชุมชนไปยังกลุ่มต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ชุมชน มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ด้านกลยุทธ์การสร้างแนวทางปฏิบัติต้องสร้างเครือข่ายบริการนักท่องเที่ยวโดยมีการประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ให้มีการจัดระบบการขนส่งที่สะดวกปลอดภัยได้มาตรฐาน และต้องวางแผนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในชุมชน ซึ่งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ดูแลทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของชุมชนต่อไป</p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>การพัฒนาศักยภาพ, การท่องเที่ยวโดยชุมชน, สุราษฎร์ธานี</p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/271540
การสร้างแบรนด์กลุ่มศิลปินเพลงเกาหลีผ่านชุมชนออนไลน์ของแฟนคลับชาวไทย
2024-01-29T09:16:33+07:00
ชัญญา กาญจนปรมาภา
chompunuch@yahoo.com
ชมพูนุช ปัญญไพโรจน์
chompunuch@yahoo.com
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>วัตถุประสงค์การวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาการสร้างแบรนด์กลุ่มศิลปินเพลงเกาหลีโดยชุมชนออนไลน์ของแฟนชาวไทย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก กลุ่มผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้นำและสมาชิกของชุมชนทวิตเตอร์ของแฟนศิลปินชาวไทยจำนวน 30 คน เลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า การสร้างแบรนด์ศิลปินเพลงเกาหลีสอดคล้องกับแนวคิดวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมของแฟนคลับและแนวคิดการสร้างแบรนด์ของ Kevin Lane Keller โดยการสร้างแบรนด์ศิลปินเพลงเกาหลีเริ่มต้นจากการที่ผู้นำชุมชน ได้แก่ ผู้บริหารแอคเคาท์และทีมงาน สร้างแอคเคาท์ทวิตเตอร์ขึ้นมาเพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์และข่าวสารที่ทันสมัยของศิลปินให้กับแฟนคลับชาวไทยเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ทางบวกให้กับศิลปินและหวังว่าสมาชิกในชุมชนออนไลน์และคนทั่วไปจะรู้สึกทางบวกและผูกพันกับศิลปิน จากนั้นพวกเขาก็จะเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์และในสถานที่ตั้งที่กลุ่มชุมชนออนไลน์ทำเพื่อสนับสนุนศิลปินฯ จนถึงขั้นลงทุนทรัพยากรส่วนบุคคล โดยกลุ่มผู้ดูแลบ้านเบสจะอุทิศเวลา พลังงาน และเงินส่วนตัวโดยไม่มีค่าจ้างในการสนับสนุนศิลปินทุกรูปแบบ ขณะที่สมาชิกจะใช้เวลาในการเปิดรับข้อมูลข่าวสารของศิลปินมากขึ้นและซื้อสินค้าที่ศิลปินเป็นพรีเซนเตอร์ นอกจากนี้ ยังมีการปกป้องเหล่าศิลปินจากข่าวทางลบด้วยวิธีต่าง ๆ </p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ:</strong> การสร้างแบรนด์, ศิลปินเพลงเกาหลี, ชุมชนออนไลน์, แฟน, ทวิตเตอร์ </p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/271247
รูปแบบการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศในสถาบันการศึกษาผ่านการนำเสนอของ สื่อดิจิทัลไทย
2024-02-28T15:45:21+07:00
ปวีณ วรรคสังข์
paween_waksung@kkumail.com
ภาณุ สุพพัตกุล
panusu@kku.ac.th
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของการเลือกปฏิบัติทางเพศต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศในสถาบันการศึกษาที่ปรากฏผ่านการนำเสนอของสื่อดิจิทัลไทย และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเพศต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศในสถาบันการศึกษา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพแบบการวิจัยเชิงเอกสาร เก็บรวบรวมข้อมูลจากการสืบค้น 3 แหล่งข้อมูล ได้แก่ 1) เว็บไซต์กูเกิ้ลนิวส์ 2) ข้อความทวีตที่เป็นสาธารณะในทวิตเตอร์หรือ “X” และ 3) ข้อมูลเปิดจากเว็บไซต์ของกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ซึ่งเผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 ถึง 2565 กลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา และนักศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ปรากฏในการนำเสนอของสื่อดิจิทัลไทย ผลการวิจัย พบว่า สถาบันการศึกษานั้นมีรูปแบบการเลือกปฏิบัติทางเพศที่สามารถจำแนกใน 2 ระดับ คือ ระดับสถาบัน (institutional level) โดยมีกฎที่ไม่สนับสนุนให้ได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียม และระดับระหว่างบุคคล (interpersonal level) โดยเป็นการจัดหมวดหมู่เพศของผู้เรียนโดยครูอาจารย์ และการต่อต้านความหลากหลายทางเพศในพื้นที่สาธารณะของบุคลากรทางการศึกษา เมื่อวิเคราะห์ในระดับโครงสร้างของสถาบัน พบว่า สถาบันการศึกษาบางแห่งยังจัดหมวดหมู่แบบหญิงชายอย่างเข้มงวดผ่านกฎต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมโยงต่อความสำเร็จของการกระทำการทางเพศภาวะ (Doing Gender) และบุคคลข้ามเพศมักถูกทำให้เป็นชายขอบมากกว่าผู้มีความหลากหลายทางเพศกลุ่มอื่น เช่น เกย์ ดี้ ที่มีการแสดงออกทางเพศภาวะ (Gender Display) สอดคล้องกับเพศสรีระ ส่วนระดับปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล พบว่า ครูอาจารย์บางคนเชื่อว่าตนมีอำนาจจัดหมวดหมู่เพศของผู้เรียนตามกรอบเพศแบบจารีตได้ ด้วยการแสดงความคิดเชิงต่อต้านและลงโทษ สะท้อนถึงความเข้มแข็งของบรรทัดฐานรักต่างเพศภายในโครงสร้างสถาบันการศึกษาไทย ข้อเสนอแนะนั้นควรสนับสนุนการแสดงออกตามเพศภาวะและผลักดันการแบ่งปันประสบการณ์ถูกเลือกปฏิบัติทางเพศของผู้เรียน เพื่อกระตุ้นการตั้งคำถามต่อกิจกรรมอันเข้าข่ายที่นำไปสู่การลดทอนอำนาจของโครงสร้างดังกล่าวต่อไป</p> <p> </p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>รูปแบบการเลือกปฏิบัติทางเพศ, ผู้มีความหลากหลายทางเพศ, สถาบันการศึกษาไทย, สื่อดิจิทัล</p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/271848
การศึกษานวนิยายเรื่อง แผลเก่า โดยใช้ทฤษฎีวรรณกรรมวิจารณ์แนวจิตวิทยา
2024-01-31T09:26:55+07:00
ทำนอง วงศ์พุทธ
tong9705@gmail.com
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษานวนิยายเรื่อง แผลเก่า ของไม้ เมืองเดิม โดยใช้ทฤษฎีวรรณกรรมวิจารณ์แนวจิตวิทยา ผลการศึกษาพบว่า ในแง่ของโครงเรื่อง โครงเรื่องของ แผลเก่า เป็นโครงเรื่องที่แสดงถึงความหวาดกลัวต่อความเหนือกว่าของสังคมอารยะหรือสังคมเมืองของเพศชายซึ่งกำลังสูญเสียอำนาจในพื้นที่ที่เขาเคยเป็นผู้ครอบครอง ในแง่ของตัวละครเห็นได้ชัดว่าตัวเอกชายถูกสร้างให้มีภาพลักษณ์ของความเป็นชายและความเป็นนักเลงในระดับที่เข้มข้นไปจนถึงขั้นล้นเกิน อาจวินิจฉัยว่าเป็นการแสดงออกของกลไกการป้องกันตัวชนิดการแสดงปฏิกิริยาแบบตรงกันข้าม ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของความกลัวที่มีต่อความเหนือกว่าของบิดาซึ่งแสดงออกในรูปของความทันสมัยและความเป็นอารยะของชาวกรุงที่ชนบทไม่อาจต้านทาน ในประเด็นสัญลักษณ์พบว่าศาลเจ้าพ่อพระไทรคือจุดรวมศูนย์ทางสัญลักษณ์ของเรื่อง พระไทรคือสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย การที่ตัวเอกเคารพบูชาพระไทรในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแง่หนึ่งจึงหมายถึงความสำนึกในความยิ่งใหญ่ของความเป็นเพศชาย ส่วนการเคารพบูชาต่อแพรแดงเปื้อนเลือดก็สื่อถึงการเชิดชูต่อการได้ครอบครองพรหมจรรย์ เนื้อหาทางจิตวิทยาประเด็นสุดท้ายคือสัญชาตญาณมุ่งตาย เห็นได้ว่าพฤติกรรมของตัวละครในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการคิดฆ่าตัวตาย ความเป็นนักเลง หรือแม้แต่ยามตกอยู่ในห้วงของความรัก ก็มีสัญชาตญาณมุ่งตายเป็นทั้งแรงขับและเป้าหมาย การที่สัญชาตญาณมุ่งตายปรากฏในพฤติกรรมของตัวละครนี้สอดคล้องกับการที่ตัวบทเป็นวรรณกรรมประเภทโศกนาฏกรรม ทั้งนี้เพราะนวนิยายประเภทนี้สร้างความรื่นรมย์ด้วยการผ่านอารมณ์โศก แต่ก็เป็นการเสพอารมณ์ไปพร้อมกับความตระหนักรู้ว่าตัวบทนั้นมีกลไกการสร้างอารมณ์อื่นมาชดเชย</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong>: ทฤษฎีวรรณกรรมวิจารณ์แนวจิตวิทยา, แผลเก่า</p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/274240
สัจนิยมมหัศจรรย์กับการนำเสนอแนวคิดในวรรณกรรมที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ พ.ศ. 2539-2564
2024-05-23T09:25:46+07:00
ZHANG QI
1945839063@qq.com
จันทร์สุดา ไชยประเสริฐ
1945839063@qq.com
<p><strong>บทคัดย่อ </strong></p> <p>การวิจัย เรื่อง ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน และเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษากระบวนการสร้างภาพลักษณ์ผู้หญิงในตำนาน นิทาน เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี 2) วิเคราะห์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน และเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเอกสาร (Documentary Research) จากตำนาน นิทานและเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยีที่เก็บรวบรวมและได้ตีพิมพ์เผยแพร่จำนวน 26 เล่ม ใช้วิธีการวิเคราะห์ตัวบท (Textual Analysis) โดยใช้แนวคิดภาพลักษณ์ และแนวคิดวรรณกรรมวิจารณ์แนวสตรีนิยมและเสนอผลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการสร้างภาพลักษณ์ผู้หญิงในตำนาน นิทาน เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยีนั้นเป็นกระบวนการสร้างผ่านองค์ประกอบของวรรณกรรม คือสร้างผ่านโครงเรื่องของตำนาน นิทานและเพลง และสร้างผ่านตัวละคร 5 ตัวละคร ได้แก่ ตัวละครเทพธิดา ตัวละครแม่ ตัวละครวีรสตรี ตัวละครภรรยาและตัวละครหญิงพรหมจรรย์ ในส่วนของการวิเคราะห์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยีพบว่า มี 2 ภาพลักษณ์หลัก คือ 1) ภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่นิยามตามขนบ 2) ภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่นิยามผ่านผู้หญิง โดยมีภาพลักษณ์ร่างกาย ภาพลักษณ์พฤติกรรมและภาพลักษณ์นิสัยความเป็นหญิงในประกอบการสร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิง</p> <p><strong>คำสำคัญ: </strong>ภาพลักษณ์ของผู้หญิง, ตัวละคร, ตำนาน นิทาน และเพลง, กลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี</p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/273785
ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน และเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี
2024-05-01T10:09:11+07:00
Yu Fang
64810036@go.buu.ac.th
เทพพร มังธานี
Mungthanee@yahoo.com
ธนิต โตอดิเทพย์
Mungthanee@yahoo.com
<p><strong>บทคัดย่อ </strong></p> <p>การวิจัย เรื่อง ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน และเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษากระบวนการสร้างภาพลักษณ์ผู้หญิงในตำนาน นิทาน เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี 2) วิเคราะห์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน และเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเอกสาร (Documentary Research) จากตำนาน นิทานและเพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยีที่เก็บรวบรวมและได้ตีพิมพ์เผยแพร่จำนวน 26 เล่ม ใช้วิธีการวิเคราะห์ตัวบท (Textual Analysis) โดยใช้แนวคิดภาพลักษณ์ และแนวคิดวรรณกรรมวิจารณ์แนวสตรีนิยมและเสนอผลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการสร้างภาพลักษณ์ผู้หญิงในตำนาน นิทาน เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยีนั้นเป็นกระบวนการสร้างผ่านองค์ประกอบของวรรณกรรม คือสร้างผ่านโครงเรื่องของตำนาน นิทานและเพลง และสร้างผ่านตัวละคร 5 ตัวละคร ได้แก่ ตัวละครเทพธิดา ตัวละครแม่ ตัวละครวีรสตรี ตัวละครภรรยาและตัวละครหญิงพรหมจรรย์ ในส่วนของการวิเคราะห์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในตำนาน นิทาน เพลงของกลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยีพบว่า มี 2 ภาพลักษณ์หลัก คือ 1) ภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่นิยามตามขนบ 2) ภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่นิยามผ่านผู้หญิง โดยมีภาพลักษณ์ร่างกาย ภาพลักษณ์พฤติกรรมและภาพลักษณ์นิสัยความเป็นหญิงในประกอบการสร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิง</p> <p><strong>คำสำคัญ: </strong>ภาพลักษณ์ของผู้หญิง, ตัวละคร, ตำนาน นิทาน และเพลง, กลุ่มชาติพันธุ์ปู้ยี</p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/266413
คุณลักษณะของงานวิจัยเกี่ยวกับนโยบายทางการเมืองของ Xi Jinping บนฐานข้อมูล Scopus: การวิเคราะห์บรรณมิติ
2023-07-15T13:47:33+07:00
Jundou Li
1416118293@qq.com
ธนนันท์ บุ่นวรรณา
thanabo@kku.ac.th
วิระพงศ์ จันทร์สนาม
wirach@kku.ac.th
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับนโยบายทางการเมืองสีจิ้นผิง ในฐานข้อมูลระดับสากล ทำการรวบรวมและวิเคราะห์บทความจำนวน 585 ฉบับ จากฐานข้อมูล Scopus ตั้งแต่ปี 2011-2022 โดยใช้วิธีการวิเคราะห์บรรณมิติ ผลการวิจัยพบว่า หัวข้อหรือประเด็นที่นักวิจัยควรให้ความสนใจในการวิจัยในอนาคต ได้แก่ 1) อำนาจทางการเมืองระดับโลกของจีน 2) การเผยแพร่วัฒนธรรม ประเทศจีน 3) ความมั่นใจทางวัฒนธรรม 4) อุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม 5) เส้นทางสายไหม 6) ยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ 7) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 8) การมีโชคชะตาร่วมกัน 9) แนวความคิดของจีน และ 10) การทูตต่างประเทศของจีน ส่วนคุณลักษณะหรือองค์ประกอบของงานวิจัยเกี่ยวกับนโยบายของสีจิ้นผิง ประกอบไปด้วย 1) ประเทศจีน 2) คุณลักษณะความคิดริเริ่ม 4) เศรษฐกิจ 5) เส้นทางสายไหม 6) หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง 7) หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางทางทะเล และ 8) พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong>: นโยบายทางการเมือง, สีจิ้นผิง, การวิเคราะห์บรรณมิติ</p> <p> </p> <p> </p> <p> </p>
2024-08-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Journal of Humanities and Social Sciences (HUSOKKU)