วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ th-TH วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2586-9612 รูปแบบการวิจัยทางสังคมศาสตร์เพื่อค้นหาแนวทางให้บริษัทเอกชนปฏิบัติตาม ไม่ละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/276158 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบงานวิจัยที่จะทำให้ค้นพบวิธีการปฏิบัติของบริษัทเอกชน ที่ไม่ละเมิดกฎหมาย PDPA เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มี 2 ขั้นตอน คือ สัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก 6 คน เป็นอาจารย์สอนวิจัย และสนทนากลุ่ม 6 คน กับผู้บริหารทรัพยากรมนุษย์ 6 บริษัทๆ ละ 7 คน เลือกแบบเจาะจง ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการวิจัยทางสังคมศาสตร์ที่เหมาะสมที่จะหาแนวทางการปฏิบัติให้บริษัทเอกชนในการไม่ละเมิดกฎหมาย PDPA ได้แก่ วิจัย R and D (วิจัยและพัฒนา) ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นการค้นหาและพัฒนาทดลองจริงมาแล้วก่อนเผยแพร่ให้มีการปฏิบัติ</p> อภิญญา ทักศินาวรรณ บรรพต วิรุณราช รดา วงศ์เลิศคุณากร มนสิชา โพธิสุข นภาวรรณ ลับบัวงาม Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-11-11 2024-11-11 7 2 1 11 แนวทางความสำเร็จของพนักงานขาย ผลิตภัณฑ์ กองทุน เงินฝาก สินเชื่อ ธนาคาร ABC ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/275125 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวทางความสำเร็จของพนักงานขาย ผลิตภัณฑ์ กองทุน เงินฝาก สินเชื่อ ธนาคาร ABC ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ 2) เพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาบุคลากรของธนาคารให้ประสบความสำเร็จในการเป็นพนักงานขาย ผลิตภัณฑ์ กองทุน เงินฝาก สินเชื่อ เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับ PB Retail และพนักงานธุรกิจ (ที่มีผลงานโดดเด่น) ของธนาคาร ABC ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เป็นการสัมภาษณ์โดยใช้แบบสัมภาษณ์ชนิดมีโครงสร้าง ผู้วิจัยเลือกสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง พนักงานตำแหน่ง PB Retail และตำแหน่งพนักงานธุรกิจ (ที่มีผลงานโดดเด่น) ของธนาคาร ABC ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาเป็นแนวทางในการพัฒนาบุคลากรของธนาคารให้ประสบความสำเร็จในการเป็นพนักงานขายผลิตภัณฑ์ กองทุน เงินฝาก สินเชื่อ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในการเป็นพนักงานขายเป็นปัจจัยด้านการมีความรู้ผลิตภัณฑ์ พนักงานขายต้องมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอขายให้กับลูกค้า และต้องตอบคำถามเกี่ยวกับผลิคภัณฑ์ลูกค้าเข้าใจได้ มีทักษะด้านกระบวนการขาย การสื่อสารกับลูกค้าต้องสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ต้องนำเสนออย่างถูกต้องและครบถ้วนตามหลักความเป็นจริงทุกข้อ ด้านอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยในการขายนอกสถานที่ ที่ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว และโบรชัวร์เพื่อให้ลูกค้าได้กลับไปศึกษาต่อหากมีความสนใจ มีผลต่อการประสบความสำเร็จในการเป็นพนักงานขาย กองทุน เงินฝาก สินเชื่อ ส่วนรูปแบบการพัฒนาบุคลากรเพื่อการประสบความสำเร็จของพนักงาน ประกอบด้วยการฝึกอบรมด้านความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อให้พนักงานทุกคนต้องมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องครบถ้วน การอบรมด้านทักษะที่จะไปนำเสนอขาย การฝึกอบรมด้านทักษะการสื่อสาร เพื่อให้พนักงานสามารถสื่อให้ลูกค้าเข้าใจในผลิตภัณฑ์ได้ การฝึกอบรมการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทำให้ลูกค้าไว้วางใจให้พนักงานได้มีโอกาสได้เข้าไปดูแลเรื่องผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของลูกค้า การเป็นพนักงานขายต้องมีความน่าเชื่อถือ และการฝึกอบรมบุคลิกภาพในการเป็นพนักงานขาย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ลูกค้าจะนำมาตัดสินใจว่าพนักงานมีความน่าเชื่อถือหรือไม่</p> จารุวรรณ ศิริพันธ์ ศรัณยา เลิศพุทธรักษ์ ไพรินทร์ ทองภาพ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-11-19 2024-11-19 7 2 12 26 บทบาทของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/276298 <p>บทความนี้วิจารณ์บทบาทของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาจากสถิติการรับเรื่องร้องเรียนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและการละเลยหน้าที่ในหน่วยงานรัฐ พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีปัญหาด้านความโปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างเป็นปัญหาที่พบมาก ทำให้เกิดความเสียหายทางการเงินแก่รัฐ นอกจากนี้ บทบาทของหน่วยงานตรวจสอบภายนอก เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีความสำคัญในการเปิดเผยปัญหาและช่วยในการตรวจสอบ การส่งเสริมการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงควรเน้นไปที่การสร้างความโปร่งใส การปฏิบัติตามกฎหมาย การมีส่วนร่วมของประชาชน และการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร เพื่อป้องกันการทุจริตและเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน</p> พัทธ์ธีรา เงินสุข พงศกร ศรีรงค์ทอง อรพินธุ์ คุณธรรมนิธิ ปทิตตา ทวีระวงษ์ จิตตากานต์ ศรีสุวรรณ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-11-19 2024-11-19 7 2 27 37 สภาพคล่องทางการเงินที่ส่งผลต่อความล้มเหลวทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/274900 <p> การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ศึกษาลักษณะของสภาพคล่องทางการเงินและความล้มเหลวทางการเงิน และศึกษาสภาพคล่องทางการเงินที่ส่งผลต่อความล้มเหลวทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2563-2565 จากการศึกษานี้ได้ทำการเลือกกลุ่มตัวอย่างของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวนทั้งสิ้น 408 ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับงานวิจัยฉบับนี้ ได้แก่ การวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์สมการถดถอยโลจิสติก ผลการศึกษาพบว่า อัตราส่วนทุนหมุนเวียนและขนาดของกิจการมีผลต่อความล้มเหลวทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในทิศทางเชิงบวก กล่าวคือ บริษัทที่มีอัตราส่วนทุนหมุนเวียนและขนาดของกิจการเพิ่มขึ้น มีผลต่อความล้มเหลวทางการเงินของบริษัทลดลง</p> ปานไพลิน ศรีต่ายขำ กิติยา ห้วยหงษ์ทอง จิรัชญา โชติสุวรรณกุล ผกามาส เบาผล สมิตานัน พิทักษ์ปิยะวรรณ ทิพวรรณ ฤทธิชัย Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-11-19 2024-11-19 7 2 38 51 อิทธิพลของการจัดการความขัดแย้งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของพนักงาน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/276852 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อวิเคราะห์ระดับของการจัดการความขัดแย้งและประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของพนักงาน 2) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของพนักงาน ที่มีปัจจัยส่วนบุคคลต่างกัน และ 3) เพื่อทดสอบอิทธิพลของการจัดการความขัดแย้งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของพนักงาน เป็นวิจัยเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานในสายการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 378 ตัวอย่าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางสถิติ ผลการวิจัยพบว่า 1) พนักงานในสายการผลิตมีการจัดการความขัดแย้งและประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง 2) พนักงานในสายการผลิตที่มีระดับการศึกษาและระยะเวลาปฏิบัติงานต่างกันมีประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานในภาพรวมแตกต่างกัน 3) การจัดการความขัดแย้งโดยวิธีการยอมให้ การหลีกเลี่ยง การประณีประนอม และการร่วมมือ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานของพนักงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p> สัญญา บริสุทธิ์ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-02 2024-12-02 7 2 52 66 สมรรถนะของผู้บริหารงานนิติบุคคลอาคารชุดในยุคดิจิทัล https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277069 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารงานนิติบุคคลอาคารชุดในยุคดิจิทัล โดยมุ่งศึกษาข้อมูล ความสำคัญ ความหมาย องค์ประกอบ แนวคิดของสมรรถนะ และสมรรถนะของผู้บริหารงานนิติบุคคลอาคารชุด ทั้งในด้านการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ด้านการแก้ไขปัญหาและสนับสนุนองค์การ ด้านภาวะผู้นำในการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ด้านกฎหมายพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 ด้านการวางแผนกลยุทธ์ในการบริหารจัดการ ชึ่งบทบาทของผู้บริหารองค์การมีสำคัญต่อการบริหารงานนิติบุคคลอาคารชุดอย่างมากในธุรกิจอสังหาริทรัพย์ในประเทศไทยอย่างไรก็ตามเทคโนโลยีได้ Disruption อย่างก้าวกระโดด องค์กรจึงต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลผู้บริหารงานนิติบุคคลอาคารชุดไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารงานนิติบุคคลอาคารชุดในยุคดิจิทัลรวมถึงบทบาทของผู้บริหารงานในประเทศไทย ดังนั้นสมรรถนะของผู้บริหารงานนิติบุคคลอาคารชุดในยุคดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นกับทุกองค์การในการบรรลุเป้าหมายขององค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตลอดจนการนำไปปฏิบัติในองค์การอย่างยั่งยืนทั้งในหน่วยภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป</p> ปิยะพงษ์ บุตรี อนันต์ ธรรมชาลัย เกรียงศักดิ์ โพยมรัตน์ รวีภัทร์ ฉัตรไชยเดช Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-12 2024-12-12 7 2 67 79 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันทางจิตใจกับองค์การของพนักงานโรงแรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ระดับ 4 ดาว และ 5 ดาวในอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/275973 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความสามารถแห่งตนทางอาชีพ ความภาคภูมิใจแห่งตนในองค์การ และความภาคภูมิใจแห่งตนเชิงสัมพันธ์กับหัวหน้างาน กับความผูกพันทางจิตใจกับองค์การของพนักงานโรงแรม และ 2) ศึกษาการพยากรณ์ร่วมกันของตัวแปรอิสระดังกล่าวที่มีต่อตัวแปรตาม กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานคนไทยในระดับปฏิบัติการที่ปฏิบัติงานอยู่ในโรงแรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ระดับ 4 และ 5 ดาว จำนวน 6 แห่ง จำนวน 184 คน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1) การรับรู้ความสามารถแห่งตนทางอาชีพ ความภาคภูมิใจแห่งตนในองค์การ และความภาคภูมิใจแห่งตนเชิงสัมพันธ์กับหัวหน้างานมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความผูกพันทางจิตใจกับองค์การอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 2) การรับรู้ความสามารถแห่งตนทางอาชีพและความภาคภูมิใจแห่งตนในองค์การ สามารถร่วมกันพยากรณ์ความผูกพันทางจิตใจกับองค์การได้ร้อยละ 34.5 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001</p> สุรินทร์ ชุมแก้ว รภัสศักย์ เหตุทอง สุภาวดี สุทธิรักษ์ ณัฏฐากร พุ่มขำ สิขรินทร์ คชบริรักษ์ ภูวนาท คำสุข Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-19 2024-12-19 7 2 80 92 การยกระดับคุณภาพบริการในธุรกิจขนส่งสินค้าไทย กลยุทธ์บูรณาการด้านบริการ ราคา เทคโนโลยี และความยืดหยุ่น https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/276802 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางการยกระดับคุณภาพบริการในธุรกิจขนส่งสินค้าไทย โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์บูรณาการใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ การให้บริการ ราคา เทคโนโลยี ความครอบคลุม และความยืดหยุ่น การศึกษานี้วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจขนส่งสินค้าไทยผ่าน SWOT Analysis และ PESTEL Analysis พร้อมทั้งทบทวนแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับคุณภาพการบริการ เพื่อนำเสนอกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการยกระดับคุณภาพบริการ ผลการศึกษาพบว่า การยกระดับคุณภาพบริการในธุรกิจขนส่งสินค้าไทยจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการกลยุทธ์ใน 5 ด้านหลัก โดยเน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI, IoT และ Big Data มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นลูกค้า นอกจากนี้ ยังเสนอแนะให้ผู้ประกอบการและผู้กำหนดนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมที่ครอบคลุม และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาหลักสูตรและงานวิจัยที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและยกระดับคุณภาพระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยในระยะยาว</p> ธารเพชร เนื่องนุช ธีทัต ตรีศิริโชติ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-19 2024-12-19 7 2 93 107 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจากประเทศเวียดนาม : กรณีศึกษากลุ่มผู้บริโภคเจเนอเรชันซีในจังหวัดชลบุรี https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/276922 <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจากประเทศเวียดนาม ได้แก่ ปัจจัยฟาสต์แฟชั่น ปัจจัยภาพลักษณ์ประเทศแหล่งกำเนิดสินค้า ปัจจัยการรับรู้คุณค่า และปัจจัยอิทธิพลทางสังคมที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับธุรกิจการนำเข้าเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจากประเทศเวียดนามและเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้กับผู้ประกอบการที่มีความสนใจเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจากประเทศเวียดนาม เนื่องจากกระแสเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นเป็นที่นิยมในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ผู้บริโภคมีความทันต่อกระแสแฟชั่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเสื้อผ้าแฟชั่นจากประเทศเวียดนามถือว่ากำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งการวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ผ่านแบบสอบถามออนไลน์จำนวน 400 คน ได้แก่ กลุ่มตัวอย่างเจเนอเรชันซีในจังหวัดชลบุรี ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไม่อาศัยหลักของความน่าจะเป็น ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบอาศัยความสะดวก แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ทางสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป (SPSS ) โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01</p> กษิดินทร์ คุ่ยสมใจ ณฐธนพล พรมศรี นงนภัส สันทะศิริ ปุญชรัสมิ์ สวนสุวรรณ์ นริศรา ภาควิธี Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-19 2024-12-19 7 2 108 125 แนวทางในการส่งเสริมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวโดยการใช้ทุนทางสังคมในการขับเคลื่อนธุรกิจ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277077 <p>บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง “บทบาทของทุนทางสังคมในการขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชน กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวโดยชุมชน” ซึ่งมีขึ้นเพื่อศึกษาการดำรงอยู่ของทุนทางสังคม การทำงานของทุนทางสังคมในการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวให้ประสบความสำเร็จ รวมไปถึงการหาแนวทางการส่งเสริมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว โดยใช้ทุนทางสังคมในการขับเคลื่อนธุรกิจ ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ การวิจัยเอกสารเพื่อค้นคว้าข้อมูลวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง จากเอกสาร ตำรา งานวิจัย บทความทางวิชาการ รวมถึงสื่อสารสนเทศต่าง ๆ การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม และการสัมภาษณ์เพื่อรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน และการเชื่อมโยงเครือข่ายจากวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตัวอย่าง 3 แห่ง ได้แก่ 1) วิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมบ้านเชียง 2) วิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านนาต้นจั่น และ 3) วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลบ้านแหลม โดยพบว่า การดำรงอยู่ของทุนทางสังคมที่ปรากฏในชุมชนทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ทุนทางกายภาพ ความสัมพันธ์ ทุนทางวัฒนธรรม มนุษย์ และ เครือข่ายทางสังคม ซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวใน 3 ลักษณะ คือ 1) การเป็นทุนเพื่อการท่องเที่ยว 2) การสร้างเครือข่ายเพื่อการเติบโตของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว และ 3) การทำให้เกิดอัตลักษณ์ของธุรกิจท่องเที่ยว ในบทความชิ้นนี้ ผู้วิจัยได้นำเสนอแนวทางในการส่งเสริมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว และ แนวทางในการส่งเสริมการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยว 3 แนวทาง ได้แก่ 1) การส่งเสริมทุนทางสังคมในบริบทของทุนของชุมชน 2) การส่งเสริมพัฒนาด้านการจัดการทุนทางกายภาพ ความสัมพันธ์ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชน&nbsp; และ 3) การส่งเสริมและสนับสนุนที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน</p> สุภณิดา พวงผกา ธัชกร ธิติลักษณ์ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-20 2024-12-20 7 2 126 141 การพัฒนาการเรียนรู้คำศัพท์โดยใช้เกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277272 <p>งานวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย คือ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้คำศัพท์ภาษา อังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้เกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 2) เพื่อศึกษา ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้คำศัพท์ โดยใช้เกมคำศัพท์ภาษา อังกฤษ ประชากรของการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน534 คน กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 42 คน ของโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย โดยการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมประกอบ 2) แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้คําศัพท์ 3) แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการเรียนรู้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 2 โดยใช้เกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญที่ .05 2) ระดับความ พึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้คำศัพท์ โดยใช้เกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่ ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย () เท่ากับ 4.73 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.46</p> โยษิตา ศรีเจริญ สุภิญญา ปัญญาสีห์ ธนเวท ธูสรานนท์ ทัศนีย์ จันติยะ จิราภรณ์ กาแก้ว Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-23 2024-12-23 7 2 142 155 ระบบจัดการโลจิสติกส์อุตสาหกรรม 4.0 และทัศนคติค่า GP ต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการผู้ให้บริการขนส่งอาหารของผู้ประกอบอาหาร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/276476 <p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1.เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของทัศนคติค่า GPระบบการจัดการโลจิสติกส์อุตสาหกรรม 4.0 และคุณภาพการบริการและการตัดสินใจใช้บริการ Food Delivery และ 2. เพื่อศึกษาอิทธิพลที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ Food Delivery โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลกับผู้ที่เคยบริการบริษัท Food delivery ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 300 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ตัวแบบสมการโครงสร้างด้วย Smart PLS 4.0 ผลการศึกษาพบว่า ความคาดหวังของผู้บริโภคมีอิทธิผลเชิงบวกต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ตัวแปรวัฒนธรรมกระแสนิยมมีอิทธิผลเชิงบวกต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ตัวแปรการบริการเชิงบวกต่อการกลับมาใช้บริษัท Food delivery ซ้ำ ตัวแปรความพึงพอใจของผู้ใช้บริการอิทธิผลเชิงบวกต่อการกลับมาใช้บริการบริษัท Food delivery ซ้ำ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 ส่วนการบริการไม่มีอิทธิผลเชิงบวกต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญ</p> พัชรี สิมชาติ สุรสิทธิ์ อุดมธนวงศ์ อัจฉรา เอกยะติ ปรีชา สวน Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 156 173 ความสุขในการเรียนของนิสิตคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กำแพงแสน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277003 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยสนับสนุนความสุขในการเรียน 2) เพื่อศึกษาระดับความสุขในการเรียน 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลกับความสุขในการเรียน 4) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยสนับสนุนกับความสุขในการเรียน การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามปลายปิดแบบออนไลน์ด้วย Google Forms เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จำนวน 120 คน การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t-test และ ค่า f-test ผลการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคล ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงจำนวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ 82.5 เป็นเพศชาย จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 นิสิตกำลังศึกษาในระดับชั้นปีที่ 1-4 ชั้นปีละ 30 คน คิดเป็นชั้นปีร้อยละ 25.0 กลุ่มวิชาที่ศึกษา ด้านศิลปศาสตร์ จำนวน 104 คน คิดเป็นร้อยละ 86.7&nbsp; กลุ่มวิชาด้านวิทยาศาสตร์&nbsp; จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 13.3 &nbsp;และปัจจัยสนับสนุนความสุขในการเรียน นิสิตมีระดับความสุขสูงสุดในแต่ละด้าน ดังนี้ ด้านครอบครัว คือ ครอบครัวของนิสิตมีความรักใคร่ ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ร้อยละ 74.2 ด้านการเห็นคุณค่าในตนเอง คือ นิสิตมีความเชื่อมั่นว่าตนสามารถเรียนจนจบ ร้อยละ 70.8&nbsp; และด้านการเห็นคุณค่าในการเรียน คือ นิสิตมาเรียนอย่างสม่ำเสมอ&nbsp; ร้อยละ 72.5&nbsp;&nbsp; 2) ระดับความสุขในการเรียน ภาพรวมทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.00, S.D. = 0.92) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับความสุขในการเรียนของนิสิตสูงสุด ได้แก่ ด้านสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัย อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.08, S.D. = 0.93) รองลงมา ได้แก่ ด้านการเรียนการสอน อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 3.96, S.D. = 0.86) และต่ำสุด ได้แก่ ด้านความสัมพันธ์เพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 3.95, S.D. = 0.98) 3)การศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลกับความสุขในการเรียนของนิสิต&nbsp; พบว่า เพศ แตกต่างกัน มีระดับความสุขในการเรียนไม่แตกต่างกัน ส่วนชั้นปี และกลุ่มวิชา แตกต่างกัน มีความสุขในการเรียนที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05&nbsp; &nbsp;และ 4) การเปรียบเทียบปัจจัยสนับสนุนกับความสุขในการเรียน พบว่า ปัจจัยสนับสนุนด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวกับความสุขในการเรียนโดยรวม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05&nbsp; ปัจจัยสนับสนุนด้านการเห็นคุณค่าในตนเองกับความสุขในการเรียนโดยรวม 3 ด้าน แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 &nbsp;และปัจจัยสนับสนุนด้านการเห็นคุณค่าในการเรียนกับความสุขในการเรียนโดยรวม 3 ด้าน แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> พิมพ์ธรรม เอื้อเฟื้อ ประสาร มาลากุล ณ อยุธยา Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 174 190 การสำรวจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสบการณ์การซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวต่างชาติในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในกรุงเทพมหานคร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277311 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวแบบครอบครัว ณ ชายหาดบางแสน และเพื่อวิเคราะห์ระดับความสำคัญของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบสะดวก กำหนดขนาดตัวอย่างเป็นนักท่องเที่ยวจำนวน 400 คน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหลากหลายและครอบคลุมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจึงทำการเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามโดยวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วยสถิติการวิเคราะห์ t-test เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม และ One-way ANOVA เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างมากกว่า <br />2 กลุ่มขึ้นไป ซึ่งผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 31 – 40 ปี อยู่ในระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้เฉลี่ย 15,001 – 30,000 บาท และมาท่องเที่ยวกับครอบครัวจำนวน 4 – 5 คน ผลสรุปปัจจัยด้านอาหาร ( =3.69) ปัจจัยด้านบรรยากาศและสิ่งอำนวย ความสะดวก ( =3.66) และปัจจัยด้านความพึงพอใจและประสบการณ์การท่องเที่ยว ( =3.63) อยู่ในระดับมาก โดยอายุและระดับการศึกษามีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.001 อาชีพและรายได้เฉลี่ยมีผลต่อปัจจัยด้านอาหารและปัจจัยด้านประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.001 และ 0.01 และจำนวนสมาชิกในครอบครัวมีผลต่อปัจจัยด้านบรรยากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05</p> กฤษ ธีรารักษ์ อภิญญา สุพิชญ์ ดนุพล แสงนาค อัญชิษฐา ภูอุดม Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 191 209 การพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในยุควิถีถัดไปของชุมชนห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277541 <p>งายวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์ศักยภาพทุนของชุมชนห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม 2) เพื่อนำมาพัฒนากิจกรรมทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีถัดไป ที่น่าสนใจและดึงดูดแก่ผู้มาเยือนภายหลังจากสถานการณ์โควิด 19 และยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานประกอบด้วยการสนทนากลุ่มและวิเคราะห์ SWOT ผู้นำชุมชน 25 คน และใช้แบบประเมินศักยภาพกับผู้นำชุมชนและนักท่องเที่ยวทั้งสิ้นจำนวน 74 คน จากนั้นผู้วิจัยและผู้นำชุมชนร่วมกันพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยว โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหาและสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนห้วยม่วงมีทรัพยากรทางการเกษตร ภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้สำคัญของชุมชน ได้แก่ การปลูกผักอินทรีย์ การลี้ยงกุ้ง การทำนา และการแปรรูปอาหารจากทรัพยากรชุมชน เป็นต้น ผลการประเมินศักยภาพของชุมชนโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (X=4.22, S.D.= 0.68) และเกิดโปรแกรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีถัดไป โดยรูปแบบกิจกรรมเป็นรูปแบบ 2 วัน โดยมีกิจกรรมการดูแลสุขภาพด้วยอาหารและภูมิปัญญาท้องถิ่น การเน้นไปที่การขายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นต่อเนื่องหลังการบริการ มีการใช้ระบบคิวอาร์โค้ดในการให้ข้อมูลด้านการเกษตรแทนการใช้คน และเน้นการประชาสัมพันธ์และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์แฟนเพจมากยิ่งขึ้น</p> เขวิกา สุขเอี่ยม ดนชิดา วาทินพุฒิพร Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 210 220 การศึกษาเชิงวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการฝึกยูโดต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277638 <p>บทความนี้เป็นบทความวิชาการ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสมรรถภาพทางกาย โดยการนำทักษะกีฬายูโดมาใช้ เช่น การล้มตัว การเคลื่อนไหวเข้าท่าทุ่ม และการจับยึด มาประยุกต์ใช้ในการปรับทักษะการเคลื่อนไหวเฉพาะส่วน อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ป้องกันตัวในชีวิตประจำวันได้ เมื่อฝึกทักษะจนร่างกายและกล้ามเนื้อเกิดความคุ้นชิน จะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ระบบประสาท และการทำงานร่วมกันระหว่างตากับมือ ตากับเท้า ระบบไหลเวียนโลหิต รวมถึงการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความสมดุลของร่างกาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับลักษณะบุคลิกภาพและการเจริญเติบโตให้สมวัย นอกจากนี้ กีฬายูโดยังปลูกฝังคุณธรรม เช่น ความสุภาพ มารยาท การให้เกียรติ และความเคารพต่อตนเองและผู้อื่น โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้นและการยอมรับซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาให้ผู้ฝึกเติบโตเป็นสมาชิกที่ดีในสังคม บทความนี้จึงมีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการตอบสนองนโยบายของประเทศในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเยาวชนในอนาคต</p> ณัฐวุฒิ วุฒิพงษ์ ศิริชัย ศรีพรหม Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 221 229 บรรยากาศแห่งการสนับสนุนและแรงจูงใจภายในที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ของบุคลากรในสังกัดกรุงเทพมหานคร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/278061 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอิทธิพลของบรรยากาศแห่งการสนับสนุนและแรงจูงใจภายในที่มีต่อพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ของบุคลากรในสังกัดกรุงเทพมหานคร 2) ทดสอบตัวแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของบรรยากาศแห่งการสนับสนุนและแรงจูงใจภายในที่มีต่อพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ของบุคลากรในสังกัดกรุงเทพมหานครโดยเปรียบเทียบกับข้อมูลเชิงประจักษ์ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ รวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นบุคลากรในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 240 ตัวอย่าง ผลการวิจัยพบว่า บุคลากรรับรู้บรรยากาศแห่งการสนับสนุนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีการรับรู้บรรยากาศแห่งการสนับสนุนด้านความเป็นหนึ่งเดียวกันของบุคลากรมากที่สุด มีแรงจูงใจภายในในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีแรงจูงใจภายในด้านความท้าทายในงานสูงกว่าแรงจูงใจภายในด้านความสนุกสนานในงาน และมีพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีพฤติกรรมในด้านความมุ่งมั่นในการเรียนรู้มากที่สุด การวิเคราะห์ตัวแบบสมการโครงสร้างพบว่าตัวแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของบรรยากาศแห่งการสนับสนุนและแรงจูงใจภายในที่มีต่อพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ของบุคลากรมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยบรรยากาศแห่งการสนับสนุนมีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อแรงจูงใจภายในและพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ของบุคลากร แรงจูงใจภายในมีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ และมีบทบาทเป็นตัวแปรคั่นกลางส่งผ่านอิทธิพลทางอ้อมของบรรยากาศแห่งการสนับสนุนที่มีต่อพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ จากผลการวิจัยนี้จะเป็นแนวทางให้องค์กรที่มีบริบทใกล้เคียงนำผลการศึกษาไปปรับใช้ในการเสริมสร้างบรรยากาศองค์กรที่สนับสนุนพฤติกรรมมุ่งเน้นการเรียนรู้ของบุคลากร อันเป็นพฤติกรรมเชิงบวกของบุคลากรที่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เกิดการปรับตัวและพัฒนาได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นพลวัตต่อไป</p> พณีพรรณ สมบัติ คมกริช นันทะโรจพงศ์ สัญญา บริสุทธิ์ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 230 246 การศึกษาสภาพปัญหาจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 กรณีศึกษาสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277965 <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; สมาคมกีฬาในประเทศไทย ประสบปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการ อันเนื่องมาจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัญหาจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 กรณีศึกษาสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย 2. เพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขและปรับปรุงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 กรณีศึกษาสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมระหว่างเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารของสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ผู้บริหารของสโมรสรกีฬาอาชีพ นักกีฬาอาชีพ บุคลากรทางด้านกีฬา และผู้จัดการแข่งขันวอลเลย์บอลอาชีพ จำนวน 260 คน ซึ่งสุ่มจากประชากรทั้งหมด 678 คน โดยวิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือในการเก็บข้อมูลคือ แบบสอบถามซึ่งได้รับการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญได้ค่าเท่ากับ 0.90 และตรวจสอบความเชื่อมั่นด้วยค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของ Cronbach ได้ค่าเท่ากับ 0.94</p> <p>ผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่า สภาพปัญหาจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 กรณีศึกษาสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.30 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.58 และผลการวิจัยเชิงคุณภาพจากการสนทนากลุ่ม พบว่า การแก้ไขปัญหาสโมสรและสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ. กีฬาอาชีพ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบด้านทั้งในมิติของกฎหมาย การเงิน การบริหารจัดการ การดูแลนักกีฬา และการตลาดและสื่อสาร การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของวอลเลย์บอลในประเทศให้มีความยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ</p> <p><strong>คำสำคัญ: </strong>พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556, สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย</p> <p>&nbsp;</p> <p>&nbsp;</p> บรรจบ ภิรมย์คำ ณัฐวุฒิ พลศรี ภาสพงศ์ ภิรมย์คำ นธายุ วันทยะกุล Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 247 256 นวัตกรรมทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูลความรับผิดชอบต่อสังคมที่ส่งผลต่อ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277946 <p>การวิจัยครั้งนี้ เป็นงานวิจัยเอกสารมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ 1) ความสัมพันธ์ระหว่างนวัตกรรมทางการเงินที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน และ 2) ความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดเผยข้อมูลความรับผิดชอบ ต่อสังคมที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 229 บริษัท โดยการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นกระดาษทำการที่ใช้ในการเก็บข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 ผลการวิจัยพบว่า นวัตกรรมทางการเงินด้านความเข้มข้นในการลงทุนด้านทุนมนุษย์ (HCI) และด้านความเข้มข้นของการวิจัยและพัฒนา (RAD) ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน (PER) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และได้สมการถดถอย คือ PER = 0.62 + 0.11 (HCI) + 0.14 (RAD) หรือ PER = 0.20 (HCI) + 0.36 (RAD) และพบว่า การเปิดเผยข้อมูลความรับผิดชอบต่อสังคมด้านเศรษฐกิจ (ECO) ด้านสิ่งแวดล้อม (ENV) และด้านสังคม (SOC) ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน (PER) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และได้สมการถดถอย คือ PER = 0.62 + 0.12 (ECO) + 0.16 (ENV) + 0.33 (SOC) หรือ PER = 0.23 (ECO) + 0.05 (ENV) + 0.36 (SOC)</p> ศิริกัญญา พึ่งงาม ขวัญนรี กล้าปราบโจร Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 257 268 การศึกษาสมรรถนะในการจัดการอุตสาหกรรมไมซ์ให้สอดคล้องความต้องการของตลาดแรงงาน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/278071 <p>งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถนะของบุคลากรในการจัดการอุตสาหกรรมไมซ์และ เพื่อศึกษาความต้องการของตลาดแรงงานด้านการให้บริการในอุตสาหกรรมไมซ์ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ใช้แนวคิดและทฤษฎีด้านการจัดการ สมรรถนะบุคลากร และสมรรถนะเฉพาะด้านของ บุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ผลการศึกษาพบว่า ด้านสมรรถนะบุคลากร พบว่า บุคลากรมีเป้าองค์กรร่วมกัน บุคลากรขานรับกับแนวคิด วิสัยทัศน์ทั้งของผู้บริหาร และทั้งแผนยุทธศาสตร์จากภาครัฐแล้วน ามาปรับเป็น ยุทธศาสตร์เฉพาะในองค์กร อีกทั้งยังสามารถท างานออกมาให้ตรงกับความต้องการ และเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ได้อย่างดีผลลัพธ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เพราะบุคลากรมีความรู้ความเข้าใจในนโยบายและแผนงานในองค์กร ด้านการจัดการการจัดสรรจ านวนบุคลากรในฝ่ายงานอย่างเหมาะสม ปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรคือปัญหางาน ล้นคนบุคลากรที่ท างานประจ าในองค์กรมีน้อยกว่าแผนที่ตั้งไว้ส าหรับตลาดแรงงานให้ความสนใจกับบุคลากร ในอุตสาหกรรมไมซ์ที่มีความรู้ความสามารถเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษในขั้นดีเยี่ยม โดยเน้นการพูดและการเขียน เป็นนักแก้ปัญหา แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีเต็มความสามารถ เป็นนักวางแผน เข้าใจงานและวางแผนงานตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นนักบริหารจัดการ สามารถจัดการให้งานประสบผลสำเร็จตามเวลา สถานที่ และข้อจำกัดต่าง ๆ ที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว มีความรู้ด้านกฎหมาย ให้คำแนะนาช่วยเหลือด้านพิธีการทางศุลกากร และการตรวจคนเข้าเมือง และการยื่นขอคืนภาษีเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่สามารถดึงคนเข้ามาร่วมงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ควบคุมด้านการเงิน การใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน เป็นนักประสานงานในการเข้าถึงสถานที่พิเศษต่าง ๆ</p> นิรมล ขวาของ เขวิกา สุขเอี่ยม อรชร ว่องพรรณงาม Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 269 281 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 4 ดาว ในกรุงเทพมหานคร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/278065 <p>การวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 4 ดาวในกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 4 ดาวในกรุงเทพมหานคร ผู้วิจัยได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ คือจำนวนพนักงานที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 4 ดาวในกรุงเทพมหานคร (Chain ต่างประเทศ) โดยใช้วิธีการหากลุ่มตัวอย่างจากการคำนวณสูตรขนาดตัวอย่างที่ไม่ทราบจำนวนประชากรที่แน่ชัดของ W.G.Cochran,(1953) และทำการเก็บข้อมูลทั้งหมด 400 ตัวอย่าง โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก (Convenience Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ ใช้สถิติพรรณนาซึ่งประกอบไปด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test สำหรับตัวแปรที่มี 2 กลุ่ม และกรณีตัวแปรกลุ่มย่อย 3 กลุ่มขึ้นไปใช้ One - way ในกรณีพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จึงทำการเปรียบเทียบพหุคูณด้วยวิธี Least significance (LSD) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 และนำสถิติมาใช้ทดสอบสมมุติฐานด้วยวิธีการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple regression analysis) จากผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li class="show">1<strong>.</strong> ผลการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 4 ดาวในกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นว่าปัจจัยค้ำจุนหรือปัจจัยอนามัยมีผลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการของโรงแรมระดับ 4 ดาวในกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญซึ่งสามารถอธิบายได้ถึง 50% ของความแปรปรวนในผลการปฏิบัติงาน ในขณะที่ปัจจัยจูงใจมีผลสำคัญและมีนัยสำคัญต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการในโรงแรมระดับ 4 ดาว โดยปัจจัยนี้สามารถอธิบายได้ถึง 56.8% ของความแปรปรวนในผลการปฏิบัติงาน</li> <li class="show">ปัจจัยค้ำจุนหรือปัจจัยอนามัย และปัจจัยจูงใจ มีอิทธิพลต่อผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการในโรงแรมระดับ 4 ดาวในกรุงเทพมหานครในทุกด้าน แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกลุ่มปัจจัยมีบทบาทสำคัญต่อการปฏิบัติงานของพนักงานอย่างชัดเจน ทั้งในด้านคุณภาพของงาน ปริมาณของงาน และด้านระยะเวลาที่กำหนดของงานแล้วเสร็จ โดยปัจจัยค้ำจุนที่มีผลกระทบมากที่สุดคือด้านนโยบายและการบริหารองค์กร และสำหรับปัจจัยจูงใจที่มีผลมากที่สุดคือด้านการยอมรับนับถือ</li> <li class="show">ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า องค์กรควรมีการพัฒนาและปรับปรุงนโยบายและการบริหารองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้การยอมรับและนับถือในผลงานของพนักงาน ควรมีระบบการให้รางวัลและแรงจูงใจที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้พนักงานมีความพยายามในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแบบเปิดกว้างจากพนักงานจะช่วยให้การบริหารงานมีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและมุ่งมั่นในการทำงานในองค์กรมากขึ้น</li> </ol> อุไรพร สิงห์สร้อย ศิริญญา วิรุณราช Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 282 298 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี ตามแนวทางเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อดำเนินงานที่เป็นเลิศ (EdPEx) https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/278066 <p>การค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยส่วนบุคคลมีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร 2) ศึกษาปัจจัยการจูงใจมีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร และ 3)ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ตามแนวทางเกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อดำเนินงานที่เป็นเลิศ (EdPEx)</p> <p>กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นบุคลกรสายวิชาการ และบุคลากรสายสนับสนุน ที่ปฏิบัติงาน ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จำนวน 337 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามที่ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาและความน่าเชื่อถือ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์ค่าที่แบบ Independent การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และสมการถดถอยพหุคูณเชิงเส้น</p> <p>ผลการศึกษา พบว่าระดับความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ผลการเปรียบเทียบด้านปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา สายงานที่ปฏิบัติงาน ประเภทบุคลากร และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกันมีผลต่อความสัมพันธ์กับความผูกพันต่อองค์กรไม่แตกต่างกัน และพบว่า ปัจจัยการจูงใจอยู่ในระดับมาก โดยด้านความสำเร็จของงาน ด้านการยกย่องนับถือหรือการยอมรับ ด้านลักษณะของงาน ด้านความรับผิดชอบ ด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งของงานส่งผลต่อความสำเร็จของงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนปัจจัยด้านการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก โดยด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ ด้านสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ด้านประสบการณ์การทำงาน ด้านการฝึกอบรม ด้านความมั่นคงในการทำงาน ด้านการมีส่วนร่วมในการบริหาร ส่งผลต่อความสำเร็จของงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>ความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร, แรงจูงใจ, ผลการปฏิบัติงาน &nbsp;</p> <p>&nbsp;</p> พรรษชล กลัดอ่ำ ศิริญญา วิรุณราช Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 299 312 บอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมชุมชนท่าพระจันทร์ของเด็กปฐมวัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/278117 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเสริมสร้างการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมในชุมชนท่าพระจันทร์แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ที่ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบด้านพัฒนาการตามวัยและการเข้าถึงการเรียนรู้ในชุมชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผลการศึกษาดังกล่าว ทำให้ผู้วิจัยได้ออกแบบและพัฒนาเกมกระดาน (board game) ชุด “ล่าเหมียวเที่ยวท่าพระจันทร์” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมชุมชนท่าพระจันทร์ของเด็กปฐมวัย พร้อมทั้งนำไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 โรงเรียนวัดมหาธาตุ จำนวน 20 คน พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมชุมชนท่าพระจันทร์เพิ่มขึ้น 55%</p> สุทัศนีย์ นิธิตรีรัตน์ รัชนีกร แซ่วัง Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-27 2024-12-27 7 2 313 324 รูปแบบการประชุมแบบไฮบริดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของ สำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/278287 <p>การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับการยอมรับเทคโนโลยี ความพึงพอใจในการ ใช้งาน ประสิทธิภาพการสื่อสาร และประสิทธิภาพการบริหารงานของสำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ 2. เพื่อศึกษาอิทธิพลของการยอมรับเทคโนโลยี ความพึงพอใจในการใช้งาน และประสิทธิภาพการสื่อสาร ที่มีต่อประสิทธิภาพการบริหารงานของสำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิธีการวิจัยเป็นแบบเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งทำการศึกษากับผู้อำนวยการกองและหัวหน้าส่วนงาน จำนวน 34 ท่าน โดยใช้ประชากรทั้งหมด เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้การแจกแจงความถี่ ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่า ระดับความคิดเห็นของประชากรที่ศึกษาเกี่ยวกับการยอมรับเทคโนโลยี ประสิทธิภาพการสื่อสาร ประสิทธิภาพการบริหารงาน อยู่ในระดับมาก และความพึงพอใจในการใช้งาน อยู่ในระดับปานกลาง ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การยอมรับเทคโนโลยี ความพึงพอใจในการใช้งาน และประสิทธิภาพการสื่อสารมีอิทธิพลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการบริหารงานของสำนักงานวิทยาเขตกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 0.01 โดยสามารถนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทางด้านวิชาการและการบริหารจัดการในด้านต่างๆ เช่น การกำหนดนโยบายสนับสนุนการใช้ระบบการประชุมแบบไฮบริดอย่างเป็นรูปธรรม และการประเมินและปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี</p> อรธีรา มนูจันทรัถ Copyright (c) 2024 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry) 2024-12-31 2024-12-31 7 2 325 342