วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry)
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI
คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
th-TH
วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry)
2586-9612
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277140
<p>การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการตัดสินใจ ความพึงพอใจในงาน แรงจูงใจ และความยั่งยืนของผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของการตัดสินใจ ความพึงพอใจในงาน และแรงจูงใจ ที่มีต่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โดยวิธีการวิจัยแบบเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งทำการศึกษากับผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จำนวน 38 ราย โดยใช้ประชากรทั้งหมด เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้การแจกแจงความถี่ ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวน และและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ระดับความคิดเห็นของผู้ประกอบการโรงอาหารเกี่ยวกับการตัดสินใจ ความพึงพอใจ แรงจูงใจ ความยั่งยืนทางธุรกิจ อยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การตัดสินใจมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ความพึงพอใจในงานมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และแรงจูงใจมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความยั่งยืนของผู้ประกอบการโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยสามารถนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทางด้านวิชาการและการบริหารจัดการในด้านต่างๆ</p>
อรธีรา มนูจันทรัถ
อภิญญา สุพิชญ์
ดนุพล แสงนาค
อัญชิษฐา ภูอุดม
Copyright (c) 2025 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry)
2025-02-13
2025-02-13
8 1
1
22
-
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวแบบครอบครัว ณ ชายหาดบางแสน
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277373
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวแบบครอบครัว ณ ชายหาดบางแสน และเพื่อวิเคราะห์ระดับความสำคัญของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบสะดวก กำหนดขนาดตัวอย่างเป็นนักท่องเที่ยวจำนวน 400 คน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหลากหลายและครอบคลุมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจึงทำการเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามโดยวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน ประกอบด้วยสถิติการวิเคราะห์ t-test เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม และ One-way ANOVA เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 2 กลุ่มขึ้นไป ซึ่งผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 31 – 40 ปี อยู่ในระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้เฉลี่ย 15,001 – 30,000 บาท และมาท่องเที่ยวกับครอบครัวจำนวน 4 – 5 คน ผลสรุปปัจจัยด้านอาหาร ( x bar =3.69) ปัจจัยด้านบรรยากาศและสิ่งอำนวยความสะดวก ( x bar =3.66) และปัจจัยด้านความพึงพอใจและประสบการณ์การท่องเที่ยว ( x bar =3.63) อยู่ในระดับมาก โดยอายุและระดับการศึกษามีผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.001 อาชีพและรายได้เฉลี่ยมีผลต่อปัจจัยด้านอาหารและปัจจัยด้านประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.001 และ 0.01 และจำนวนสมาชิกในครอบครัวมีผลต่อปัจจัยด้านบรรยากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05</p>
ธนปกรณ์ ตันติวรานุรักษ์
อภิญญา สุพิชญ์
ดนุพล แสงนาค
อัญชิษฐา ภูอุดม
Copyright (c) 2025 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry)
2025-02-13
2025-02-13
8 1
23
34
-
การปรับตัวข้ามวัฒนธรรมของพนักงานในบริษัทข้ามชาติ: กรณีศึกษาบริษัทรันเนอร์ จีพีวี เทคโนโลยี ไทยแลนด์ จำกัด เฟส 4 อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/277379
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับการปรับตัวข้ามวัฒนธรรมของพนักงานในบริษัท ข้ามชาติ: กรณีศึกษาบริษัทรันเนอร์จี พีวี เทคโนโลยี ไทยแลนด์ จำกัด เฟส 4 อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี และ 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการปรับตัวของพนักงานในบริษัทข้ามชาติที่มีสถานภาพส่วนบุคคลได้แก่เพศ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือพนักงานชาวจีนในบริษัทรันเนอร์จี พีวี เทคโนโลยี ไทยแลนด์ จำกัด เฟส 4 จำนวน 35 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า T-test ผลการวิจัยพบว่า 1) พนักงานในบริษัทข้ามชาติมีการปรับตัวข้ามวัฒนธรรมในระดับมาก (X̄=4.39, S.D=0.78) โดยมีการปรับตัวด้านการทำงานในระดับมาก (X̄=3.83, S.D=1.42) ด้านสุขภาพกายและจิตใจในระดับมากที่สุด (X̄=4.65, S.D=0.56) ด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคลในระดับมากที่สุด (X̄=4.57, S.D=0.60) และด้านสภาพความเป็นอยู่ในระดับมากที่สุด (X̄=4.52, S.D=0.57) 2) ผลการเปรียบเทียบพบว่า พนักงานเพศหญิงปรับตัวด้านสุขภาพกายและจิตใจ และด้านสภาพความเป็นอยู่ได้ดีกว่าเพศชาย พนักงานที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีปรับตัวด้านการทำงานได้ดีกว่าระดับต่ำกว่าปริญญาตรี แต่ปรับตัวด้านสุขภาพกายและจิตใจได้น้อยกว่า พนักงานที่มีรายได้ 20,001-30,000 บาทปรับตัวด้านการทำงาน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และสภาพความเป็นอยู่ได้ดีกว่ากลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท พนักงานที่มีความสามารถในการใช้ภาษาไทยระดับมากและอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 3 ปี มีการปรับตัวดีกว่าในทุกด้าน ส่วนอายุที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อการปรับตัว สำหรับการศึกษานี้จะมีประโยชน์ต่อการบริหารจัดการบุคลากรข้ามชาติในบริบทของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ช่วยเสริมสร้างการลงทุนระหว่างประเทศโดยลดอุปสรรคทางวัฒนธรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และยังช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบแผนงานในการดูแลและสนับสนุนพนักงานต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p>
พัฒน์พินันท์ อยู่สำราญ
อภิญญา สุพิชญ์
ดนุพล แสงนาค
อัญชิษฐา ภูอุดม
Copyright (c) 2025 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry)
2025-02-18
2025-02-18
8 1
35
53
-
การยอมรับเทคโนโลยี และการรับรู้ความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ธนาคารออมสิน ของกลุ่มคนวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JLASI/article/view/279209
<p>การศึกษาการยอมรับเทคโนโลยี และการรับรู้ความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ธนาคารออมสิน ของกลุ่มคนวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการยอมรับเทคโนโลยี การรับรู้ความเสี่ยง และการตัดสินใจในการใช้บริการขอสินเชื่อธนาคารผ่านแอปพลิเคชัน My Mo ธนาคารออมสิน ของกลุ่มคนวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาการยอมรับเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน My Mo ธนาคารออมสิน ของกลุ่มคนวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาการรับรู้ความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน My Mo ธนาคารออมสิน ของกลุ่มคนวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเป็นการศึกษาเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มคนวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน ที่ขอสินเชื่อ และใช้บริการขอสินเชื่อธนาคารผ่านแอปพลิเคชัน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะการถดถอยพหุคุณเชิงพหุ ผลการศึกษา พบว่า 1) การยอมรับเทคโนโลยี การรับรู้ความเสี่ยง และการตัดสินใจในการใช้บริการขอสินเชื่อธนาคารผ่านแอปพลิเคชัน My Mo ธนาคารออมสิน ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นโดยรวมเห็นด้วย 2) การยอมรับเทคโนโลยีส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน My Mo ธนาคารออมสิน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความเสี่ยงด้านการเงิน และความเสี่ยงด้านสังคมส่งผลการตัดสินใจใช้บริการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน My Mo ธนาคารออมสิน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p>
วชิรา มุสิกวัน
อัศวิณ ปสุธรรม
Copyright (c) 2025 วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ (Journal of Liberal Arts and Service Industry)
2025-04-24
2025-04-24
8 1
54
68