สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku <div id="sponsors"> <p>วารสารสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย<br />คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผ่านการรับรองคุณภาพจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) จากวารสารกลุ่มที่ 2 ได้เลื่อนเป็นกลุ่มที่ 1 ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2564</p> <p>Editor : ผศ. ดร. ปัทมพร วงศ์วิริยะ</p> </div> คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (Faculty of Architecture, Khon Kaen University) th-TH สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย 2651-1177 <p>ทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ</p> Local Textiles Development to The Royal Peacock Certification Quality Thai Silk in Kalasin Province https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/265662 <p>‘Local Textiles Development to The Royal Peacock Certification (The RPC) Quality Thai Silk in Kalasin Province’ is public-service, academic article of which presenting Kalasin local textiles elevating process in community-based producer and entrepreneur groups with regard to The Royal Peacock logo and standard certification by Participatory Action Research (PAR). The target population was 20 groups of producer and entrepreneur in Kalasin Province participated in textiles product analysis, workshop training series in The Royal Peacock Certificationstandard requirements, product prototype production for The RPC standard, standardcertifying process, and trends and benefit from standardization. The findings included the success in the silk and cotton textiles of the producer and entrepreneur groups were certified The Royal Peacock Certification standard as well with the elevating training process on knowledge, green technology and skills in natural dyeing and primary fiber inspection leading to certified silk products. The product results in standardization by authorized officials of The Queen Sirikit Department of Sericulture from all of the 20 groups (100%) and more in the groups have been producing to be certified with the trend in producing certified local textiles to a greater extent income increasing in community-base, silk product entrepreneurs. </p> Kittanut Yanpisit Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-23 2024-01-23 23 1 1 17 10.14456/bei.2024.1 การศึกษาความเหลื่อมล้ำในเมืองด้านการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/266068 <p>จากปรากฏการณ์ความเหลื่อมล้ำในมิติด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมือง ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงด้านสังคมเศรษฐกิจ เท่านั้น หากยังรวมถึงโอกาสในการเข้าถึงกิจกรรมต่าง ๆ ในเมือง โดยเฉพาะการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ของเมือง งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาปรากฏการณ์การเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมือง เพื่อทำความเข้าใจถึงสภาพความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะและเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในมิติด้านการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมือง การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ เก็บข้อมูลพฤติกรรมการเข้าถึงพื้นที่เมืองนครราชสีมา จำนวน 150 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอ้างอิง ได้แก่ การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ยังคงมีความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมืองระหว่างกลุ่มอายุต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่คนวัยหนุ่มสาวในวัยทำงาน เป็นกลุ่มที่เดินทางเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมืองด้วยระบบขนส่งส่วนบุคคลและขับด้วยตนเองมากที่สุด สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ พบว่าส่วนใหญ่ผู้สูงอายุตอนต้นและตอนกลาง มักจะเดินทางโดยเป็นผู้โดยสารของระบบขนส่งส่วนบุคคล และมีการเดินและปั่นจักรยานบ้างเป็นส่วนน้อยสำหรับพื้นที่สาธารณะในละแวกบ้าน โดยปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมือง เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่การสัญจรให้ปลอดภัย และมีชีวิตชีวา สร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้เดินทาง ตลอดจนผสานการเชื่อมต่อด้วยระบบขนส่งทุกระบบ ซึ่งนักวางแผนพัฒนาเมืองไม่ควรมองข้ามในการนำไปปรับปรุงและพัฒนาการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมืองเพื่อตอบสนองความต้องการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะเมืองของคนทุกกลุ่มและรองรับสังคมผู้สูงอายุได้อย่างมีคุณภาพในอนาคต</p> รชยา พรมวงศ์ ปัทมพร วงศ์วิริยะ จตุพร หงส์ทองคำ Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-02-09 2024-02-09 23 1 19 37 10.14456/bei.2024.2 การวิิเคราะห์โครงสร้างไม้ในสิิมอีีสาน จัังหวััดร้อยเอ็็ด https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/268136 <p> งานวิจัยโครงสร้างไม้ในสิมอีสานสกุลช่างจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจและวิเคราะห์เพื่อทราบถึงวิธีแก้ปัญหาด้านโครงสร้างของช่างโบราณ ในการวิจัยนี้ได้ทำการสำรวจสิมในเขตพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 4 หลัง โดยมีการจัดทำภาพจำลองส่วนประกอบโครงสร้างไม้เพื่อการวิเคราะห์แรงต่างๆที่เกิดขึ้นในโครงสร้างตลอดจนวิเคราะห์ถึงการเลือกใช้วิธีการเข้าไม้ในรอยต่อของส่วนต่างๆของช่างโบราณ</p> <p>จากการวิจัยนี้พบว่า ช่างโบราณที่ทำการก่อสร้างสิมทั้ง 4 หลังมีการใช้รูปแบบโครงสร้างหลังคาไม้ในระบบโครงถัก มีการออกแบบให้ถ่ายแรงผ่านศูนย์กลางของส่วนประกอบโครงสร้างเพื่อลดแรงดัด และมีการเลือกการเข้าไม้ที่จุดเชื่อมต่ออย่างสัมพันธ์กับพฤติกรรมการรับแรงของโครงสร้าง หากแต่การเลือกใช้ขนาดของส่วนประกอบโครงสร้างนั้น พบว่าช่างโบราณที่ก่อสร้างสิมในงานวิจัยนี้ นิยมเลือกใช้ไม้ที่มีขนาดหน้าตัดใหญ่ทั้งสิ้น</p> <p> </p> อรรถ ชมาฤกษ์ Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-02-19 2024-02-19 23 1 39 55 10.14456/bei.2024.3 อัตลักษณ์และการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมของเรือนโคราช: กรณีศึกษาบ้านโคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/268388 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุอัตลักษณ์เรือนโคราชของบ้านโคกกระชาย ถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาการปลูกสร้างเรือน พร้อมทั้งวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรม โดยสำรวจรังวัดเรือนกรณีศึกษา 6 หลัง และสัมภาษณ์ ผู้อยู่อาศัย ช่างก่อสร้าง และปราชญ์ชาวบ้าน จากนั้นจึงวิเคราะห์ข้อมูลด้วยหลักการวิเคราะห์รูปลักษณ์ จากการศึกษาพบว่า เรือนโคราชของชาวโคกกระชายมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น โดยมีรูปแบบเรือนที่สัมพันธ์กับองค์ประกอบโครงสร้าง ได้แก่ เรือนสองจั่วและเรือนสามจั่ว ซึ่งองค์ประกอบโครงหลังคาแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานเทคนิคการก่อสร้างรูปแบบเก่าและใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และมีเทคนิคการติดตั้งที่แตกต่างจากที่อื่น นอกจากนั้นยังพบลักษณะเฉพาะของฝาเรือนที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการด้านรูปแบบและระบบการติดตั้ง ลักษณะเฉพาะดังกล่าวเกิดจาก การที่ช่างสร้างที่พักอาศัยตามแบบแผนเรือนโคราชและได้มีการปรับเปลี่ยนดัดแปลงด้วยภูมิปัญญาของช่างท้องถิ่น เพื่อให้เข้ากับบริบทพื้นที่และวิถีชีวิต จึงเกิดลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่น ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม ประกอบกับการเกิดขึ้นของวัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปแบบเรือน โครงสร้าง และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมโดยตรง</p> การุณย์ ศุภมิตรโยธิน Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-22 2024-03-22 23 1 57 72 10.14456/bei.2024.4 การประเมินอาคารหลังการใช้งาน กรณีศึกษา อาคารเรียนรวมและพัฒนาทักษะพื้นฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/270020 <p>การประเมินอาคารหลังการใช้งานเป็นกระบวนการประเมิน เพื่อได้ข้อมูลประสิทธิภาพการใช้อาคารในระหว่างการใช้งาน บทความนี้นำเสนอการประเมินคุณภาพพื้นที่ใช้งานของอาคารเรียนรวมและพัฒนาทักษะพื้นฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินอาคารหลังการใช้งาน วิธีการดำเนินการโดยการเดินสำรวจและประเมิน ในเวลาที่มีการใช้งานปกติ และนอกเวลาทำการปกติ ทำการบันทึก และถ่ายภาพ การใช้พื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากวัตถุประสงค์ของการออกแบบ และ การใช้งานอาคารโดยผู้ใช้อาคาร ผลการศึกษาแสดงพบว่า พื้นที่ใช้งานที่แตกต่างจากแบบอาคาร ได้แก่ พื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ พื้นที่ร้านค้า พื้นที่ส่วนงานบริการอาคาร และพื้นที่โถงบางส่วนในอาคาร การประเมินพื้นที่ที่ถูกใช้งานโดยผู้ใช้อาคาร การใช้พื้นที่โดยไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในแบบอาคาร ส่วนสุดท้ายของงานศึกษานำเสนอตัวอย่างรายการตรวจสอบสำหรับผู้ออกแบบและเจ้าของอาคารเพื่อใช้สำหรับปรับปรุงหรือการออกแบบอาคารใหม่ที่มีการใช้งานคล้ายกัน ข้อมูลที่ได้นำเสนอในการศึกษาเป็นแนวทางเพื่อใช้สำหรับผู้ออกแบบและผู้บริหารเพื่อกำหนดอาคารให้ตรงกับความต้องการในการใช้งานของผู้ใช้ได้ต่อไป</p> ยิ่งสวัสดิ์ ไชยะกุล Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-30 2024-04-30 23 1 73 85 10.14456/bei.2024.5 บ้านพักอาศัยสำหรับครอบครัวเชิงขยายเพื่อสังคมผู้สูงอายุในชุมชนเมือง https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/268436 <p>การเปลี่ยนแปลงทางพลวัตประชากร สภาพสังคมและเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการสร้างครอบครัวในสังคมไทย ทั้งด้านรูปแบบ ลักษณะครัวเรือน การอยู่อาศัย ไม่เพียงแต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้ว เนื่องจากสัดส่วนของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนลักษณะรูปแบบการอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกในครอบครัวขยายในชุมชนเมือง งานวิจัยนี้เป็นผลจากการศึกษา ผลงานสร้างสรรค์การออกแบบบ้านพักอาศัยสำหรับครอบครัวเชิงขยายเพื่อสังคมผู้สูงอายุในชุมชนเมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา รูปแบบทางสถาปัตยกรรม แนวความคิด และการวางผังที่เหมาะสมในการออกแบบ เพื่อตอบสนองประโยชน์ใช้สอยของผู้อยู่อาศัย ซึ่งต้องคำนึงถึงพฤติกรรมและลักษณะทางกายภาพของผู้อยู่อาศัย หรือมิติสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ วิธีการศึกษาและขั้นตอนการดำเนินการวิจัยได้จากการศึกษาและสังเกตพฤติกรรมของผู้ใช้งานผ่านการสัมภาษณ์ พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะความคิด ทำการสำรวจสภาพทางภูมิศาสตร์และกายภาพของที่ตั้ง ศึกษากฎหมายควบคุมอาคารที่เกี่ยวข้อง ออกแบบและเขียนแบบก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้าง และเก็บข้อมูลหลังการใช้งาน ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการในออกแบบ ได้แก่ การจัดสรรพื้นที่การใช้กิจกรรมร่วมกัน การเน้นการมองเห็นกันและกัน ควรจัดให้มีการออกแบบทางเลือกหลากหลายรูปแบบ การจัดวางกลุ่มกิจกรรมมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย ทั้งยังช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ รวมทั้งสภาวะทางจิตใจของคนในครอบครัว รัฐบาลควรมีนโยบายสนับสนุนหรือลดภาษีสำหรับสินค้าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ</p> สุชน ยิ้มรัตนบวร Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-30 2024-04-30 23 1 87 103 10.14456/bei.2024.6 การออกแบบอาร์ตทอยด้วยวัสดุเซรามิกส์แรงบันดาลใจจากตัวละครเอกในวรรณคดีไทยที่ถูกกลั่นแกล้งล้อเลียนเรื่องรูปลักษณ์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/271457 <p>งานวิจัยนี้มุ่งหวังที่จะศึกษาเรื่องตัวละครในวรรณคดีไทยที่ถูกกลั่นแกล้งล้อเลียนเรื่องรูปลักษณ์ มาใช้ในการออกแบบอาร์ตทอยโดยใช้วัสดุเซรามิกส์จากดินพื้นบ้านโดยมีวิธีการศึกษาหาข้อมูลภาคเอกสารด้านตัวละครวรรณคดี จากหนังสือตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มาวิเคราะห์เพื่อหาอัตลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวโดยเลือกตัวละคร 4 ตัว ได้แก่ เงาะป่า แก้วหน้าม้า ขุนช้าง ผีเสื้อสมุทร ด้านการออกแบบอาร์ตทอยได้ทำแบบสอบถามเพื่อหาปัจจัยในการออกแบบอาร์ตทอย นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์กำหนดแนวทางในการออกแบบ สร้างแบบร่างจำนวน 10 แบบ มีการสื่อสารโดยใช้สิ่งที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ รูปร่าง สีหน้า รูปลักษณ์สัดส่วน ท่าทาง&nbsp; พาหนะ และเทคนิคการขึ้นรูป ด้านนามธรรมได้แก่ สัญลักษณ์ และความหมายของสิ่งของ(ความหมายโดยนัย Connotation) ประเมินผลการออกแบบโดยการเก็บแบบสอบถามผลการประเมินแบบที่ได้ค่าคะแนนลำดับต้นๆ เป็นแบบที่ใช้ท่าทางนอนอิงหมอนสามเหลี่ยม แบบขี่สัตว์ประหลาดตัวละครมีสองหน้า แบบผิดสัดส่วน และแบบที่ใช้เทคนิคในการขึ้นรูป ด้านวัสดุดินพื้นบ้านได้นำดินบ้านหนองเรือมาทำการทดลองจำนวน 16 สูตรด้วยตารางสามเหลี่ยม สูตรที่นำมาใช้ในการขึ้นรูปคือสูตรที่ 13 มีส่วนผสมของดินหนองเรือร้อยละ 50 ดินทรายร้อยละ 10 และดินขาวร้อยละ 40 เนื้อดินมีความเหนียวดีขึ้นรูปได้ดี หลังเผาที่อุณหภูมิ 1,200 (° C) ในบรรยากาศแบบ ออกซิเดชั่น เนื้อดินมีสีน้ำตาลแดง หดตัวร้อยละ12 และดูดซึมน้ำร้อยละ 6&nbsp; นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยการหยอดน้ำดิน การตกแต่งด้วยน้ำดินสี การเขียนสี และการเคลือบมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน</p> <p>ผลลัพธ์จากการวิจัยและการทดลองนี้มีประโยชน์ในการออกแบบคาแรคเตอร์ที่สื่อความหมายและมีอัตลักษณ์ โดยการนำเอาลักษณะของตัวละครมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างคาแรคเตอร์อาร์ตทอยที่สื่อความหมายได้</p> สุภาพร อรรถโกมล Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-30 2024-04-30 23 1 105 119 10.14456/bei.2024.7 Employees’ Response to Hybrid Work Environment https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/269547 <p>ในขณะที่เรากำลังก้าวผ่านช่วงเวลาของสถานการณ์โรคระบาด การทำงานแบบไฮบริดได้รับความสนใจขึ้นอย่างมาก ในการเป็นแนวทางการทำงานภายหลังโควิด จากการทบทวนวรรณกรรมได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ ของการทำงานแบบไฮบริดที่มีต่อพนักงานและงานที่ทำ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความคิดเห็นของพนักงานต่อสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด และสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมกายภาพด้านต่าง ๆ และปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการทำงาน การศึกษานี้ใช้กรณีศึกษาจากบริษัทผลิตข่าวออนไลน์ในประเทศไทย เพื่อสำรวจว่าหลักการต่าง ๆ ที่พบในการทบทวนวรรณกรรมได้มีการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติอย่างไร วิธีการวิจัยประกอบด้วยการสัมภาษณ์ผู้จัดการทั่วไป และการแจกแบบสอบถามเพื่อประเมินความพึงพอใจของพนักงาน การสนับสนุนผลิตภาพในการทำงาน และการรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่าง สภาพแวดล้อมกายภาพด้านต่าง ๆ และปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการทำงาน การวิจัยนี้ใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่าแนวคิดสถานที่ทำงาน และการจัดวางสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่ได้รับผลกระทบจากบริบทขององค์กร (ได้แก่ ประเภทธุรกิจ โครงสร้างองค์กร และลักษณะของพนักงาน) ส่งผลต่อความพึงพอใจของพนักงานและการสนับสนุนผลิตภาพในการทำงาน นอกจากนี้ การสนับสนุนผลิตภาพในการทำงานของพนักงานและของทีมยังพบว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนด้านความพึงพอใจของพนักงาน เงื่อนไขทางสภาพแวดล้อมกายภาพ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังเชื่อมโยงกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อความสำเร็จในการทำงาน การศึกษานี้ได้นำเสนอข้อค้นพบที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมกายภาพและปัจจัยที่สนับสนุนความสำเร็จในการทำงานของพนักงาน</p> Chaiwat Riratanaphong Artitaya Klongnarong Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-30 2024-04-30 23 1 121 136 10.14456/bei.2024.8 ความรู้สึกที่มีต่อถิ่นที่ของสถาปัตยกรรมนอกระบบบนพื้นที่แบบไม่เป็นทางการ : กรณีีศึึกษา ตลาดร่มหุบ จังหวัดสมุทรสงคราม https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/268574 <p style="font-weight: 400;"><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของสถาปัตยกรรมในพื้นที่แบบไม่เป็นทางการ ซึ่งในบทความนี้แทนด้วยคำว่า สถาปัตยกรรมนอกระบบ ที่ส่งผลถึงความรู้สึกที่มีต่อถิ่นที่ โดยมองผ่านการวิเคราะห์การรับรู้ และประสบการณ์ ของผู้ใช้พื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจถึงการเกิดอัตลักษณ์ ปรากฏการณ์ และการคงอยู่ของพื้นที่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึง “ความเป็นถิ่นที่” ของพื้นที่แบบไม่เป็นทางการ ‘ตลาดร่มหุบ’จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพื้นที่ศึกษา ซึ่งเกิดปรากฏการณ์ของการยึดครองพื้นที่สาธารณะเพื่อการค้าขายข้างทางรถไฟ ส่งผลให้เกิดการซ้อนทับกันของพื้นที่ และหน้าที่ใช้สอย จนกลายเป็นพื้นที่สองความหมายในเวลาเดียวกัน การหุบ และกางร่มของร้านค้าเพื่อหลบจากการเคลื่อนเข้าและออกของขบวนรถไฟ ส่งผลต่อการเกิดขึ้นของ สถาปัตยกรรมนอกระบบ งานวิจัยนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ โดยการลงพื้นที่สังเกต สัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ และเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม เพื่อวิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูล ผ่านกรอบแนวคิดเรื่องถิ่นที่ (Place) และความรู้สึกที่มีต่อถิ่นที่ (Sense of Place) ผลการวิจัยพบว่า ผู้ใช้งานพื้นที่มีความรู้สึกต่อความเป็นถิ่นที่ในระดับสูง และสถาปัตยกรรมนอกระบบถูกมองว่า ช่วยสร้างอัตลักษณ์ และนำไปสู่ความรู้สึกที่มีต่อถิ่นที่ ทั้งในด้านความผูกพันกับสถานที่ ความพึงพอใจ และความรู้สึกเกื้อหนุนในการเข้ามาใช้งานในพื้นที่ นำไปสู่การทำความความเข้าใจพื้นที่เพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการต่อยอดการพัฒนาในพื้นที่อื่นๆที่มีรูปแบบและลักษณะของพื้นที่ที่คล้ายคลึงกันได้ต่อไป</p> ชิตพล โปตะวัตน์ สรนาถ สินอุไรพันธ์ Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-30 2024-04-30 23 1 137 158 10.14456/bei.2024.9 การออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารที่ย่อยสลายได้จากแกนต้นคล้าวัสดุเหลือทิ้ง https://so01.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku/article/view/271120 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดลองวัสดุและออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารสุขภาพจากเศษวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการจักสานต้นคล้า วิธีวิจัยด้านทดลองวัสดุ นำเศษวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการจักสานต้นคล้าซึ่งมีสองลักษณะคือ แกนใส้ในของต้นคล้า และเปลือกด้านในของต้นคล้า นำมาทดลองให้ได้เส้นใยโดยการต้มกับโซเดียมไฮดร็อกไซด์ และต้มกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะได้เส้นใยจากเปลือกด้านในของต้นคล้า ส่วนแกนใส้ในของต้นคล้าเมื่อต้มแล้วนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่นจะได้เส้นใยละเอียดที่นุ่ม นำไปผสมกับกาวแป้งเปียกที่ทำจากแป้งมันสัมปะหลังผสมน้ำและน้ำส้มสายชู นำไปเทในตระแกรงผึ่งให้หมาดแล้วนำไปอัดเป็นแผ่นด้วยครื่องอัดไฮดรอลิก แล้วนำไปกดในแม่พิมพ์ ได้ต้นแบบจานจากเส้นใยคล้า นำไปทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพ แล้วประเมินต้นแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ</p> <p>ผลการวิจัยด้านวัสดุได้วัสดุ 2 ลักษณะคือ ได้เส้นใยเป็นเส้นยาว และได้เส้นใยเล็กละเอียด นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตต้นแบบ โดยผลการออกแบบเลือกแบบจานที่ออกแบบให้มีช่องสำหรับใส่ ซอส พริกน้ำปลา หรือ น้ำจิ้ม ทำแม่พิมพ์และทำต้นแบบ นำต้นแบบไปทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพ ได้ผลคือ&nbsp;การย่อยสลายโดยฝังกลบในดิน แบบที่ 1&nbsp;จานแกนต้นคล้าไม่เคลือบไขผึ้ง ย่อยสลายหมดภายใน 30 วัน แบบที่ 2 จานเปลือกด้านในของต้นคล้าเคลือบไขผึ้ง&nbsp;ย่อยสลายหมดภายใน 35 วัน&nbsp;ผลการทดสอบ การทนต่อความร้อนด้วยเครื่อง Thermal Gravimetric Analyzer (TGA) แบบที่ 1&nbsp;เริ่มสลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป 26 นาทีที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส แบบที่ 2 เริ่มสลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป 26 นาทีที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส สรุปว่าจานทั้งสอบแบบทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส&nbsp;ผลการทดสอบแรงดึงขาดสูงสุดที่ทำให้ชิ้นงานขาด (Tensile Strength) แบบที่ 1 ได้ค่า 2.557±0.904&nbsp;(N/mm<sup>2</sup>) แบบที่ 2 ได้ค่า 1.640±0.722&nbsp;(N/mm<sup>2</sup>), ร้อยละการยืดของชิ้นงานทดสอบที่จุดขาด &nbsp;(%Elongation at&nbsp;Break)&nbsp;แบบที่ 1 ได้ค่า 1.53±0.39% แบบที่ 2 ได้ค่า 1.80±1.08%, ความต้านทานแรงดันทะลุ (Burst Strength) แบบที่ 1 ได้ค่า 34.983±12.223&nbsp;(N) แบบที่ 2 ได้ค่า 70.085±18.147&nbsp;(N)&nbsp;และระยะห่างที่เจาะทะลุ (Distance to Burst)&nbsp;แบบที่ 1 ได้ค่า 1.996±0.242&nbsp;(mm) แบบที่ 2 ได้ค่า 2.935±0.471&nbsp;(mm)&nbsp;สรุปได้ว่าจานคล้าทั้งสองแบบ มีความแข็งแรงไม่ขาดง่ายเมื่อนำไปใช้งาน และได้ทดลองการเคลือบกันน้ำด้วยสเปรย์กันน้ำที่สกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ 90% จาก Coconut &amp; Jojoba Oil ในแบบที่ 1 และเคลือบไขผึ้งในแบบที่ 2&nbsp;ผลการทดลองทั้งสองแบบกันน้ำได้ดีมาก สามารถบรรจุอาหารน้ำได้ และผลประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน สรุปได้ว่า ต้นแบบงานวิจัย จานจากเส้นใยคล้ามีพื้นผิวที่ไม่เหมาะกับบรรจุภัณฑ์อาหาร แต่มีพื้นผิวที่น่าสนใจมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้หลากหลาย&nbsp;</p> ธนสิทธิ์ จันทะรี ชลวุฒิ พรหมสาขา ณ สกลนคร Copyright (c) 2024 สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-30 2024-04-30 23 1 159 177 10.14456/bei.2024.10