Journal of Suan Sunandha Arts and Culture

editor talk

2025-06-30T13:58:27+07:00

วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา ของสํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีปณิธานที่จะเป็นแหล่งรวบรวมงานวิชาการทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าองค์ความรู้ด้านนี้มีมิติที่หลากหลายและลึกซึ้ง ซึ่งผู้นิพนธ์ต้องใช้แนวคิดและทฤษฎี ตลอดจนการศึกษาเชิงปฏิบัติการมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ แล้วนําเสนอผลของการศึกษาในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นปลายทางของการศึกษาวิจัยจึงใช้การเผยแพร่ข้อมูลบนวารสารวิชาการ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งวารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทามีมาตรฐานกลั่นกรองพิจารณาผลงานโดยกองบรรณาธิการและผู้ประเมินบทความ จํานวน 3 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์นั้น ๆ นอกจากนี้ วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา ยังเป็นแหล่งข้อมูลและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งนักวิชาการและบุคคลทั่วไปที่สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งในรูปแบบของวารสารตีพิมพ์และออนไลน์ ประกอบด้วย บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความปริทัศน์ ซึ่งนักวิชาการ อาจารย์ และนิสิตนักศึกษา สามารถส่งผลงานบทความทางวิชาการมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ได้เช่นกัน

ในวารสารฯ ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2568) นี้ ประกอบด้วยบทความวิจัยและบทความวิชาการที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ละบทความนั้นได้ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุปผลที่น่าสนใจ ดังนี้

บทความวิจัยเรื่อง ทัศนะความเชื่อพิธีกรรมวงจรชีวิตที่สัมพันธ์กับความเป็นพหุวัฒนธรรมของชาวพุทธในประเทศไทย ผลงานของ สุรชัยภัทรดิษฐ์ ภูมิภักดิเมธี ภัทรฤทัย กันตะกนิษฐ์ อรนุช อินตา และวรพจน์ มานะสมปอง ซึ่งศึกษาประวัติความเป็นมาของพิธีกรรมวงจรชีวิต ลักษณะของความเชื่อของชาวไทยพุทธ และศึกษาพิธีกรรมวงจรชีวิตในทางด้านความเชื่อที่สะท้อนมิติทางด้านพหุวัฒนธรรม โดยการใช้แบบสัมภาษณ์ กับทัศนะของผู้ที่เกี่ยวข้อง และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหาและสร้างบทสรุปประกอบกัน

บทความวิจัยเรื่อง การอนุรักษ์ประเพณีผูกเสี่ยวเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ผลงานของ สรายุทธ รัศมี ได้ศึกษาประเพณีท้องถิ่นคือประเพณีผูกเสี่ยว ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรและความสามัคคีในสังคมอีสาน โดยใช้กรอบแนวคิดเชิงบูรณาการระหว่างทฤษฎีทุนวัฒนธรรม เพื่อวิเคราะห์คุณค่าและการแปลงทุนวัฒนธรรมให้เป็นมูลค่าเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยว ทฤษฎีการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อประเมินบทบาทของชุมชนในการมีส่วนร่วม และแนวคิดการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว เพื่อออกแบบแนวทางที่ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) รวมถึงสร้างชุดเครื่องมือส่งเสริมประเพณีผูกเสี่ยว ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเพณีดำรงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตและสร้างคุณค่าต่อชุมชนและสังคม

บทความวิจัยเรื่อง พลวัตวัฒนธรรมการแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผลงานของ กันยา ขจรภัทรกุล พิมลวรรณ์ ไพรขจรเกียรติ และพิสุทธิลักษณ์ บุญโต ซึ่งได้ศึกษาเรื่องลักษณะการแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาวและศึกษาเปรียบเทียบบทบาทการแต่งกายในแต่ละโอกาสของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว ในพื้นที่ตำบลห้วยผาและตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบว่า การแต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์มีบทบาทในการใช้เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงอัตลักษณ์ของคนทั้ง 2 กลุ่ม โดยกลุ่มกะเหรี่ยงแดงพบลักษณะการแต่งกายที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างแบบประเพณีและแบบประยุกต์ เน้นการใช้สีแดงเป็นหลัก และมีเครื่องประดับเฉพาะ ส่วนกะเหรี่ยงขาวยังคงสืบทอดการ
แต่งกายในรูปแบบประเพณีแต่ปรับเปลี่ยนสีและวัสดุที่หลากหลายมากขึ้น มีลวดลายการปักที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ มีข้อกำหนดการแต่งกายของผู้หญิงที่ใช้แสดงสถานภาพโสดและสมรส ทั้ง
2 กลุ่ม มีการปรับตัวในการแต่งกายให้เข้ากับยุคสมัยซึ่งเป็นเรื่องราวทางมานุษยวิทยาและคติชนวิทยาที่น่าสนใจยิ่ง

บทความวิชาการเรื่อง พุทธสิลาจารึกมหาธาตุ: บทบันทึกความพยายามพิทักษ์รักษาคุณค่าแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ผลงานของ สิรวีย์ เอี่ยมสุดใจ ได้ศึกษา
ศิลาจารึกการย้ายรอยพระพุทธบาทและพุทธสิลาจารึกมหาธาตุที่ปรากฏในแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ประกอบได้ด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ 3 แห่ง โดยมีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย บทความนี้อาจก่อให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าของแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ในฐานะผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมได้อย่างดียิ่ง

และบทความวิชาการเรื่อง การออกแบบเครื่องแต่งกายการแสดงสร้างสรรค์ชุด เพี๊ยกค่า ผลงานของ จีรพันธ์ ฤทธิวัชร เป็นการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์และออกแบบเครื่องแต่งกายในการแสดง โดยมีแนวความคิดมาจากความเชื่อเรื่องเสือสมิงในภาคอีสานตอนบนและลักษณะการแต่งกายของชาติพันธุ์บรูที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคอีสานตอนบนและอัตลักษณะของเสือโคร่ง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องแต่งกายในการแสดงชุด เพี๊ยกค่า ที่มีลักษณะการแต่งกายของชาติพันธุ์บรูผสมผสานกับอัตลักษณ์ของเสือและแฟชั่นร่วมสมัย เป็นเครื่องแต่งกายสำหรับการแสดงน่าสนใจยิ่ง

ในโอกาสนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทาฉบับนี้จะเป็นประโยชน์สําหรับการศึกษาวิจัย และช่วยต่อยอดองค์ความรู้ในแวดวงวิชาการต่อไป

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วนศักดิ์ ผดุงเศรษฐกิจ

บรรณาธิการ

BUDDHASILAJARUKMAHATHAT INSCRIPTION: THE EVIDENCE OF HISTORIC TOWN OF SUKHOTHAI AND ASSOCIATED TOWNS’S VALUEBLE ESCORTTHE

2025-06-30T14:25:44+07:00

The Historic Town of Sukhothai and Associated Towns consists of 3 historical parks. Sukhothai Historical Park and Si Satchanalai Historical Park Located in Sukhothai Province area Which had previously experienced a crisis of antiquities smuggle for commercialization which written evidence is rarely found detailing the resolution process. But in Wat Traphang Thong, Sukhothai Historical Park, there are 2 stone inscriptions with consistent important messages which considering the content will find that records implied the process of protecting cultural heritage With monks playing an important role with the agency government and will realize the value of world heritage sites, The Historic Town of Sukhothai and Associated Towns as an achievement of integration for conservation and development.

CREATIVE DANCE COSTUME DESIGN PIAK KA

2025-06-30T14:34:13+07:00

Costume design for the Piak ka creative performance. The objective is to design costumes for the performance. The idea comes from the belief in the Suea Saming in the upper Isan region and the dress style of the Bru ethnic group living in the upper Isan region and the characteristics of the tiger. This was the inspiration for designing the costumes for the Piak ka show. The creators studied and researched information to use as ideas for designing the costumes. which has the style of dressing of the Bru ethnic group combined with the identity of the tiger and contemporary fashion. The creative process is as follows: 1) Creating ideas 2) Costume outline design 3) Determination of materials 4) Assembling and creating clothing From the above process, the designer presented the Piak ka costume to experts to critique and give suggestions. Continue to improve the work before releasing it to the public next.

LIFE CYCLE RITUAL BELIEFS AND PERSPECTIVES RELATED TO THE MULTICULTURALISM OF BUDDHISTS IN THAILAND

2025-06-30T13:41:09+07:00

The research aims to study the history of life cycle rituals, characteristics of Thai Buddhist beliefs, and study life cycle rituals in terms of beliefs that reflect multicultural dimensions by using interviews with the perspectives of those involved, including: Including 4 cultural scholars and 40 folk philosophers who perform rituals and studying information from documents, textbooks, books, articles and databases on related networks. Take the information obtained Analyze the content and create a summary together until the conclusion of the research is found to be the most complete as follows:

Study the history of life cycle rituals and the characteristics of Buddhist beliefs in Thai society. Rituals related to the life cycle are rituals that show changes. The status of a person from one status to another is a ritual that occurs only once in a lifetime, such as birth rituals, male puberty rituals, ordination rituals, marriage rituals, death rituals, etc. Each tradition is important in life to create morale for life. However, the rituals that are performed are based on beliefs based on Buddhist principles. And based on the beliefs of the older generation, the form is combined, making the rituals adapt to the times, so it is a harmonious culture. Since life cycle rituals are based on beliefs, they have no fixed form. They depend on the views and beliefs of experts in each locality.
Study the life cycle rituals in terms of beliefs that reflect the multicultural dimension.

2.1 Birth Rituals Each region is a matter of beliefs embedded in the local equipment that is created. Most people therefore create a cultural dimension in the form of beliefs that bring comfort.

2.2 Ordination rituals the most prominent region is the North, which is the ordination of a novice monk, "Luk Kaew" It is a tradition that comes from beliefs, so there are rituals created by people to show the value of ordination. It is a social context that is a unique social dimension, and in terms of economy, it is the distribution of income to the local area.

2.3 Wedding ceremonies Each region is a matter of cultural dimensions. Social class, combined with beliefs in the form of the ceremony that are embedded in traditions. In terms of economy, it is a matter of organizing the format of the event according to the status of the host.

2.4 Funeral rites in each region are a matter of social class dimensions, combined with local beliefs. Reflecting the ritual form that has hidden meanings in terms of morality and ideas, resulting in a unique tradition that occurs in local communities and society.

In conclusion, this research provides information on the history of life cycle rituals and the characteristics of Buddhist beliefs. Life cycle rituals in terms of beliefs and faith in Thai society and culture are diverse and different. The results of the study found that rituals and traditions in Thai society in various regions cover beliefs and dimensions of culture, society and economy. In terms of cultural dimensions, it can be seen that: Birth, ordination, wedding, and funeral rites have different rituals in different areas. Each area has beliefs passed down from ancestors, which shows the uniqueness of that area. At present, it has been adjusted to keep up with the times so that the culture will remain. The rituals in each region of Thai society, which are embedded in the form of traditions, reflect the beliefs of people in Thai society and the cultural context in many dimensions. For example, in terms of economic dimensions and social class dimensions, each region has its own distinctive ritual traditions, becoming a unique identity and Thai cultural heritage that should be promoted and preserved for the future.

THE PRESERVATION OF THE POUK SIAW TRADITION FOR SUSTAINABLE CULTURAL TOURISM

2025-06-30T16:07:54+07:00

The Pouk Siaw tradition is a cultural heritage that reflects deep-rooted friendship and unity within the society of Northeastern Thailand. This study aims to analyze the potential of the Pouk Siaw tradition in Khon Kaen Province as a resource for cultural tourism and to propose strategies for its sustainable application in alignment with the Sustainable Development Goals. The research is framed by an integrated conceptual approach that includes Cultural Capital Theory for analyzing cultural value and converting cultural capital into economic value through tourism activities, Sustainable Community Development Theory for evaluating community participation, and tourism resource management concepts for minimizing environmental impact. This qualitative research employed in-depth interviews as the main data collection method, and content analysis was used to interpret the data through local cultural contexts and theoretical perspectives. The findings reveal that Pouk Siaw has the potential to be developed as a tourism product that generates income for local communities while also promoting the conservation of intangible cultural heritage. Success, however, requires collaboration across all sectors, in line with the SDGs, particularly in promoting economic growth, reducing inequality, and ensuring sustainable communities. The study proposes seven key strategic dimensions: cultural development, economic-based tourism, social and community engagement, environmental sustainability, education and knowledge development, technology and innovation, and evaluation and impact assessment. To enhance the overall capacity of this initiative, it is essential to develop a toolkit that supports the integration of the Pouk Siaw tradition into sustainable cultural tourism. Simultaneously, supportive policy frameworks should be established to promote the continuity of related cultural activities. This will help ensure that Pouk Siaw continues to thrive as a living cultural heritage that contributes lasting value to both the community and broader society.

CULTURAL DYNAMICS OF ETHNIC CLOTHING AMONG RED KAREN AND WHITE KAREN ETHNIC GROUPS IN MUEANG DISTRICT, MAE HONG SON PROVINCE

2025-06-30T16:15:07+07:00

This qualitative research aims to 1) study the characteristics of ethnic clothing and 2) comparatively examine the occasions and roles of ethnic clothing among the Red Karen and White Karen ethnic groups in Huai Pha and Huai Pong sub-districts, Mueang District, Mae Hong Son Province. Data were collected from relevant research literature and documents, and through
in-depth interviews with 10 purposively selected informants.

The findings reveal that ethnic clothing serves as a symbolic representation of identity for both groups. The Red Karen exhibit distinct differences between traditional and adapted clothing styles, predominantly utilizing red colors and featuring specific accessories such as antique coins and leg bands. The White Karen maintain their traditional dress forms while adapting colors and materials to achieve greater diversity, showcasing distinctive embroidery patterns, particularly on married women's blouses. Both groups have dress codes for women indicating marital status (single and married). Both groups have adapted their ethnic clothing to contemporary times by incorporating modern materials such as synthetic silk and employing more convenient tailoring techniques. The White Karen continue to maintain traditional dress by wearing it in their daily lives, while the Red Karen demonstrate a greater tendency to adapt their clothing to modern society through ready-to-wear garments and wearing ethnic clothing only on specific occasions.

Regarding the occasions and roles of ethnic clothing, both groups select different ethnic costumes according to different occasions. The Red Karen do not wear ethnic clothing in daily life but maintain traditional dress for three occasions: digital media promotion, special activities with external communities, and religious ceremonies for auspicious events. Adapted attire is observed in two contexts: wearing in government offices and cultural activities for auspicious occasions.
In contrast, the White Karen continue to wear ethnic clothing in daily life, particularly for Sunday religious ceremonies among Christians. Conservative dress styles utilizing natural dyes and traditional cotton materials are observed in two significant traditions: funeral and wedding ceremonies. The ethnic clothing of both groups reflects their identity, pride in cultural values, and adaptation to contemporary society according to their differing community contexts.