วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru en-US <p>วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา เป็นวารสารในรูปแบบเปิด (Open Access) ผู้ใช้ทั่วไปหรือระบบสารสนเทศของหน่วยงาน ฐานข้อมูลอัตโนมัติ ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ สามารถเข้าถึง ดาวน์โหลด เอกสารไฟล์บทความบนเว็บไซต์วารสาร โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด</p> <p> </p> <p>ข้อความภายในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทาทั้งหมด รวมถึงรูปภาพประกอบ ตาราง เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา การนำเนื้อหา ข้อความหรือข้อคิดเห็น รูปภาพ ตาราง ของบทความไปจัดพิมพ์เผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการวารสารอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรอนุญาตให้สามารถนำไฟล์บทความไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ต่อได้ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไข สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอน (Creative Commons License: CC) และ ต้องแสดงที่มาจากวารสาร – ไม่ใช้เพื่อการค้า – ห้ามแก้ไขดัดแปลง, Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)</p> <p> </p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความในวารสารเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และบุคลากร คณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในราชวิทยาลัยฯแต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง ตลอดจนความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความเป็นของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับกองบรรณาธิการ</p> artsjournal@ssru.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วนศักดิ์ ผดุงเศรษฐกิจ) artsjournal@ssru.ac.th (นายรวีโรจน์ สิงห์ลำพอง) Mon, 30 Jun 2025 16:25:40 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 พุทธสิลาจารึกมหาธาตุ: บทบันทึกความพยายามพิทักษ์รักษาคุณค่าแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282092 <p><span style="font-weight: 400;">แหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ประกอบด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ 3 แห่ง โดยมีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเคยประสบภาวะวิกฤตจากการถูกทำลายเพื่อค้นหาโบราณวัตถุสำหรับการค้า ซึ่งไม่ค่อยพบหลักฐานลายลักษณ์</span><span style="font-weight: 400;">อักษรที่ระบุถึงรายละเอียดของกระบวนการแก้ปัญหา แต่ในวัดตระพังทอง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีศิลาจารึกการย้ายรอยพระพุทธบาทและพุทธสิลาจารึกมหาธาตุ เก็บรักษาไว้ โดยหากพิจารณาเนื้อหาแล้วก็จะพบว่าเป็นบันทึกโดยนัยถึงกระบวนการพิทักษ์รักษามรดกวัฒนธรรม โดยมีพระสงฆ์ดำเนินบทบาทสำคัญร่วมกับหน่วยงานทางราชการ กระบวนการดังกล่าวก่อให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าของแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ในฐานะผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมได้อย่างดียิ่ง</span></p> สิรวีย์ เอี่ยมสุดใจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282092 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การออกแบบเครื่องแต่งกายการแสดงสร้างสรรค์ชุด เพี๊ยกค่า https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282093 <p><span style="font-weight: 400;">การออกแบบเครื่องแต่งกายการแสดงสร้างสรรค์ชุด เพี๊ยกค่า มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบเครื่องแต่งกายในการแสดง โดยมีแนวความคิดมาจากความเชื่อเรื่องเสือสมิงในภาคอีสานตอนบนและลักษณะการแต่งกายของชาติพันธุ์บรูที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคอีสานตอนบนและอัตลักษณ์ของเสือโคร่ง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องแต่งกายในการแสดงชุด เพี๊ยกค่า ผู้สร้างสรรค์ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อนำมาเป็นแนวคิดในการออกแบบเครื่องแต่งกาย ที่มีลักษณะการแต่งกายของชาติพันธุ์บรูผสมผสานกับอัตลักษณ์ของเสือและแฟชั่นร่วมสมัย โดยมีกระบวนการสร้างสรรค์ดังนี้ 1) การสร้างแนวความคิด 2) การออกแบบโครงร่างเครื่องแต่งกาย 3) การกำหนดวัสดุ 4) การประกอบสร้างเครื่องแต่งกาย จากกระบวนการดังกล่าวข้างต้น ผู้ออกแบบได้นำเสนอเครื่องแต่งกาย</span><span style="font-weight: 400;">ชุด เพี๊ยกค่า</span><span style="font-weight: 400;">ต่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อวิพากษ์และให้ข้อเสนอแนะ เพื่อดำเนินการปรับปรุงผลงานก่อนนำไปเผยแพร่สู่สาธารณชนในลำดับต่อไป</span></p> จีรพันธ์ ฤทธิวัชร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282093 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 บรรณาธิการแถลง https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282089 <p><span style="font-weight: 400;">วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา ของสํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีปณิธานที่จะเป็นแหล่งรวบรวมงานวิชาการทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าองค์ความรู้ด้านนี้มีมิติที่หลากหลายและลึกซึ้ง ซึ่งผู้นิพนธ์ต้องใช้แนวคิดและทฤษฎี ตลอดจนการศึกษาเชิงปฏิบัติการมาวิเคราะห์และสังเคราะห์ แล้วนําเสนอผลของการศึกษาในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นปลายทางของการศึกษาวิจัยจึงใช้การเผยแพร่ข้อมูลบนวารสารวิชาการ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งวารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทามีมาตรฐานกลั่นกรองพิจารณาผลงานโดยกองบรรณาธิการและผู้ประเมินบทความ จํานวน 3 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์นั้น ๆ นอกจากนี้ วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา ยังเป็นแหล่งข้อมูลและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งนักวิชาการและบุคคลทั่วไปที่สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งในรูปแบบของวารสารตีพิมพ์และออนไลน์ ประกอบด้วย บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความปริทัศน์ ซึ่งนักวิชาการ อาจารย์ และนิสิตนักศึกษา สามารถส่งผลงานบทความทางวิชาการมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ได้เช่นกัน</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">ในวารสารฯ ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2568) นี้ ประกอบด้วยบทความวิจัยและบทความวิชาการที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ละบทความนั้นได้ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสรุปผลที่น่าสนใจ ดังนี้</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">บทความวิจัยเรื่อง </span><em><span style="font-weight: 400;">ทัศนะความเชื่อพิธีกรรมวงจรชีวิตที่สัมพันธ์กับความเป็นพหุวัฒนธรรมของชาวพุทธในประเทศไทย</span></em><span style="font-weight: 400;"> ผลงานของ สุรชัยภัทรดิษฐ์ ภูมิภักดิเมธี ภัทรฤทัย กันตะกนิษฐ์ อรนุช อินตา และวรพจน์ มานะสมปอง ซึ่งศึกษาประวัติความเป็นมาของพิธีกรรมวงจรชีวิต ลักษณะของความเชื่อของชาวไทยพุทธ และศึกษาพิธีกรรมวงจรชีวิตในทางด้านความเชื่อที่สะท้อนมิติทางด้านพหุวัฒนธรรม โดยการใช้แบบสัมภาษณ์ กับทัศนะของผู้ที่เกี่ยวข้อง และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหาและสร้างบทสรุปประกอบกัน&nbsp;</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">บทความวิจัยเรื่อง </span><em><span style="font-weight: 400;">การอนุรักษ์ประเพณีผูกเสี่ยวเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน</span></em><span style="font-weight: 400;"> ผลงานของ สรายุทธ รัศมี ได้ศึกษาประเพณีท้องถิ่นคือประเพณีผูกเสี่ยว ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรและความสามัคคีในสังคมอีสาน โดยใช้กรอบแนวคิดเชิงบูรณาการระหว่างทฤษฎีทุนวัฒนธรรม เพื่อวิเคราะห์คุณค่าและการแปลงทุนวัฒนธรรมให้เป็นมูลค่าเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยว ทฤษฎีการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อประเมินบทบาทของชุมชนในการมีส่วนร่วม และแนวคิดการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว เพื่อออกแบบแนวทางที่ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) รวมถึงสร้างชุดเครื่องมือส่งเสริมประเพณีผูกเสี่ยว ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเพณีดำรงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตและสร้างคุณค่าต่อชุมชนและสังคม</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">บทความวิจัยเรื่อง </span><em><span style="font-weight: 400;">พลวัตวัฒนธรรมการแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน</span></em><span style="font-weight: 400;"> ผลงานของ กันยา ขจรภัทรกุล พิมลวรรณ์ ไพรขจรเกียรติ และพิสุทธิลักษณ์ บุญโต ซึ่งได้ศึกษาเรื่องลักษณะการแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาวและศึกษาเปรียบเทียบบทบาทการแต่งกายในแต่ละโอกาสของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว ในพื้นที่ตำบลห้วยผาและตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบว่า การแต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์มีบทบาทในการใช้เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงอัตลักษณ์ของคนทั้ง 2 กลุ่ม โดยกลุ่มกะเหรี่ยงแดงพบลักษณะการแต่งกายที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างแบบประเพณีและแบบประยุกต์ เน้นการใช้สีแดงเป็นหลัก และมีเครื่องประดับเฉพาะ ส่วนกะเหรี่ยงขาวยังคงสืบทอดการ</span><span style="font-weight: 400;"><br></span><span style="font-weight: 400;">แต่งกายในรูปแบบประเพณีแต่ปรับเปลี่ยนสีและวัสดุที่หลากหลายมากขึ้น มีลวดลายการปักที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ มีข้อกำหนดการแต่งกายของผู้หญิงที่ใช้แสดงสถานภาพโสดและสมรส ทั้ง </span><span style="font-weight: 400;"><br></span><span style="font-weight: 400;">2 กลุ่ม มีการปรับตัวในการแต่งกายให้เข้ากับยุคสมัยซึ่งเป็นเรื่องราวทางมานุษยวิทยาและคติชนวิทยาที่น่าสนใจยิ่ง</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">บทความวิชาการเรื่อง</span><em><span style="font-weight: 400;"> พุทธสิลาจารึกมหาธาตุ: บทบันทึกความพยายามพิทักษ์รักษาคุณค่าแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร</span></em><span style="font-weight: 400;"> ผลงานของ สิรวีย์ เอี่ยมสุดใจ ได้ศึกษา</span><span style="font-weight: 400;"><br></span><span style="font-weight: 400;">ศิลาจารึกการย้ายรอยพระพุทธบาทและพุทธสิลาจารึกมหาธาตุที่ปรากฏในแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ประกอบได้ด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ 3 แห่ง โดยมีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย บทความนี้อาจก่อให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่าของแหล่งมรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ในฐานะผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมได้อย่างดียิ่ง&nbsp;</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">และบทความวิชาการเรื่อง </span><em><span style="font-weight: 400;">การออกแบบเครื่องแต่งกายการแสดงสร้างสรรค์ชุด เพี๊ยกค่า</span></em><span style="font-weight: 400;"> ผลงานของ จีรพันธ์ ฤทธิวัชร เป็นการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์และออกแบบเครื่องแต่งกายในการแสดง โดยมีแนวความคิดมาจากความเชื่อเรื่องเสือสมิงในภาคอีสานตอนบนและลักษณะการแต่งกายของชาติพันธุ์บรูที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคอีสานตอนบนและอัตลักษณะของเสือโคร่ง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องแต่งกายในการแสดงชุด เพี๊ยกค่า ที่มีลักษณะการแต่งกายของชาติพันธุ์บรูผสมผสานกับอัตลักษณ์ของเสือและแฟชั่นร่วมสมัย เป็นเครื่องแต่งกายสำหรับการแสดงน่าสนใจยิ่ง</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">ในโอกาสนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทาฉบับนี้จะเป็นประโยชน์สําหรับการศึกษาวิจัย และช่วยต่อยอดองค์ความรู้ในแวดวงวิชาการต่อไป</span></p> <p><strong>&nbsp;ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วนศักดิ์ ผดุงเศรษฐกิจ</strong></p> <p><span style="font-weight: 400;">&nbsp;บรรณาธิการ</span></p> วนศักดิ์ ผดุงเศรษฐกิจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282089 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 ทัศนะความเชื่อพิธีกรรมวงจรชีวิตที่สัมพันธ์กับความเป็นพหุวัฒนธรรม ของชาวพุทธในประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282088 <p><span style="font-weight: 400;">งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของพิธีกรรมวงจรชีวิต ลักษณะของความเชื่อของชาวไทยพุทธ และศึกษาพิธีกรรมวงจรชีวิตในทางด้านความเชื่อที่สะท้อนมิติทางด้าน</span><span style="font-weight: 400;"><br></span><span style="font-weight: 400;">พหุวัฒนธรรม โดยการใช้แบบสัมภาษณ์กับทัศนะของผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นักวิชาการด้านวัฒนธรรม 4 คน และปราชญ์ชาวบ้านผู้ประกอบพิธีกรรม 40 คน และศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ตำรา หนังสือ บทความและฐานข้อมูลบนเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหาและสร้างบทสรุปประกอบกัน จนพบข้อสรุปของผลงานวิจัยมีความสมบูรณ์มากที่สุด ดังนี้</span></p> <ol> <li class="show"><span style="font-weight: 400;"> การศึกษาประวัติความเป็นมาของพิธีกรรมวงจรชีวิตและลักษณะของความเชื่อของชาวพุทธในสังคมไทย พิธีกรรมที่สัมพันธ์กับวงจรชีวิตเป็นพิธีกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของบุคคลสถานภาพหนึ่งไปสู่อีกสถานภาพหนึ่ง จึงเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต เช่น พิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิด พิธีกรรมย่างเข้าสู่วัยหนุ่มของชายคือประเพณีการบวช พิธีกรรมการแต่งงาน พิธีกรรมความตาย เป็นต้น แต่ละประเพณีล้วนมีความสำคัญในการดำรงชีวิตเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้การดำเนินชีวิต แต่ทั้งนี้พิธีกรรมที่ประกอบนั้นล้วนเกิดจากความเชื่อที่อิงคติธรรมทางพระพุทธศาสนาและอิงความเชื่อของคนรุ่นเก่า จึงผสมผสานรูปแบบทำให้พิธีกรรมมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เป็นวัฒนธรรมที่กลมกลืน ซึ่งพิธีกรรมวงจรชีวิตล้วนเกิดจากความเชื่อจึงมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับทัศนะความเชื่อของบุคคลผู้เชี่ยวชาญในการประกอบพิธีแต่ละท้องถิ่น</span></li> <li class="show"><span style="font-weight: 400;"> ศึกษาพิธีกรรมวงจรชีวิตในทางด้านความเชื่อที่สะท้อนมิติทางด้านพหุวัฒนธรรม</span></li> </ol> <p><span style="font-weight: 400;">2.1 พิธีกรรมการเกิดแต่ละภูมิภาคนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อที่แฝงอยู่ในอุปกรณ์ท้องถิ่นที่ถูกสร้างขึ้น คนส่วนใหญ่จึงสร้างมิติทางวัฒนธรรมในรูปแบบของความเชื่อที่ทำให้เกิดความสบายใจ</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">2.2 พิธีกรรมการบวช ภูมิภาคที่เห็นเด่นชัดคือภาคเหนือคือการบวชสามเณร “ลูกแก้ว” เป็นประเพณีที่เกิดจากความเชื่อจึงมีพิธีกรรมที่สร้างขึ้นด้วยผู้คน ให้เห็นคุณค่าของการบวช และเป็นบริบททางสังคมที่เป็นมิติทางสังคมที่เป็นเอกลักษณ์และทางด้านเศรษฐกิจคือการกระจายรายได้ให้แก่ท้องถิ่น</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">2.3 พิธีกรรมการแต่งงานแต่ละภูมิภาคนั้นเป็นเรื่องของมิติทางวัฒนธรรมด้านชนชั้นของสังคม ผนวกกับความเชื่อในรูปแบบของพิธีกรรมนั้น ๆ ที่แฝงในประเพณี ในด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องของการจัดรูปแบบการจัดงานตามฐานะของเจ้าภาพ&nbsp;</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">2.4 พิธีกรรมงานศพแต่ละภูมิภาคนั้นเป็นเรื่องของมิติทางด้านชนชั้นของสังคม ผนวกกับความเชื่อในท้องถิ่นนั้น ๆ ที่สะท้อนถึงรูปแบบพิธีกรรมที่มีความหมายแฝงในด้านคติธรรม แง่คิด ทำให้เกิดประเพณีที่ลงตัวอันเป็นรูปแบบเฉพาะที่เกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่นและสังคม</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">สรุปงานวิจัยนี้ทำให้ทราบประวัติความเป็นมาของพิธีกรรมวงจรชีวิตและลักษณะของความเชื่อของชาวพุทธ พิธีกรรมวงจรชีวิตในมิติทางด้านความเชื่อความศรัทธาในสังคมวัฒนธรรมไทยที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป ผลที่ได้ศึกษาพบว่า พิธีกรรมและประเพณีในสังคมไทยในภูมิภาคต่าง ๆ นั้นจะมีความครอบคลุมถึงความเชื่อและมิติทางด้านวัฒนธรรม ในด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจ ในด้านมิติทางวัฒนธรรม จะเห็นได้ว่า พิธีกรรมการเกิด การบวช งานแต่งงาน งานศพ มีพิธีกรรมที่แตกต่างกันในรูปแบบของแต่ละพื้นที่ แต่ละพื้นที่มีความเชื่อที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษทำให้เห็นความลงตัวทางเอกลักษณ์ในพื้นที่นั้น ในปัจจุบันจึงมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อให้วัฒนธรรมนั้นคงอยู่ จากพิธีกรรมในแต่ละภูมิภาคของสังคมไทยที่แฝงตัวในรูปแบบของประเพณี เป็นการสะท้อนถึงความเชื่อของคนในสังคมไทยและบริบททางวัฒนธรรมในหลาย ๆ มิติ เช่น มิติทางด้านเศรษฐกิจ มิติทางด้าน</span><span style="font-weight: 400;"><br></span><span style="font-weight: 400;">ชนชั้นสังคม ทำให้แต่ละภูมิภาคมีจุดเด่นในด้านพิธีกรรมประเพณี กลายเป็นเอกลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สมควรแก่การส่งเสริม อนุรักษ์ สืบไป</span></p> <p>&nbsp;</p> สุรชัยภัทรดิษฐ์ ภูมิภักดิเมธี, ภัทรฤทัย กันตะกนิษฐ์, อรนุช อินตา, วรพจน์ มานะสมปอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282088 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การอนุรักษ์ประเพณีผูกเสี่ยวเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282104 <p><span style="font-weight: 400;">ประเพณีผูกเสี่ยวเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรและความสามัคคีในสังคมอีสานของประเทศไทย การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของประเพณีผูกเสี่ยวในจังหวัดขอนแก่น ในฐานะทรัพยากรสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเพื่อเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การวิจัยใช้กรอบแนวคิดเชิงบูรณาการระหว่างทฤษฎีทุนวัฒนธรรม เพื่อวิเคราะห์คุณค่าและการแปลงทุนวัฒนธรรมให้เป็นมูลค่าเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยว ทฤษฎีการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อประเมินบทบาทของชุมชนในการมี</span><span style="font-weight: 400;">ส่วนร่วม และแนวคิดการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยว เพื่อออกแบบแนวทางที่ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และวิเคราะห์ด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) โดยใช้การตีความจากบริบทวัฒนธรรมท้องถิ่น และการเชื่อมโยงกับแนวคิดเชิงทฤษฎี ผลการวิจัยพบว่า ประเพณีผูกเสี่ยวสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่สร้างรายได้แก่ชุมชน ในขณะเดียวกันยังส่งเสริมการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และความยั่งยืนของชุมชน 7 แนวทาง ประกอบด้วย มิติการพัฒนาวัฒนธรรม มิติการท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจ มิติทางสังคมและชุมชนมิติสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน มิติการศึกษาและการพัฒนาความรู้ มิติเทคโนโลยีและนวัตกรรม และมิติการประเมินผล เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ครอบคลุมจำเป็นต้องสร้างชุดเครื่องมือส่งเสริมประเพณีผูกเสี่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเพณีดำรงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตและสร้างคุณค่าต่อชุมชนและสังคมในระยะยาว</span></p> สรายุธ รัศมี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282104 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 พลวัตวัฒนธรรมการแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282105 <p><span style="font-weight: 400;">การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะการแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว และ 2) ศึกษาเปรียบเทียบบทบาทการแต่งกายในแต่ละโอกาสของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงแดงและกะเหรี่ยงขาว ในพื้นที่ตำบลห้วยผาและตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลจำนวน 10 คน แบบเฉพาะเจาะจง&nbsp;</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">ผลการศึกษาพบว่า การแต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์มีบทบาทในการใช้เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงอัตลักษณ์ของคนทั้ง 2 กลุ่ม โดยกลุ่มกะเหรี่ยงแดงพบลักษณะการแต่งกายที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างแบบประเพณีและแบบประยุกต์ เน้นการใช้สีแดงเป็นหลัก และมีเครื่องประดับเฉพาะ คือ เหรียญโบราณและห่วงพันขา ส่วนกะเหรี่ยงขาวยังคงสืบทอดการแต่งกายในรูปแบบประเพณีแต่ปรับเปลี่ยนสีและวัสดุที่หลากหลายมากขึ้น มีลวดลายการปักที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะบนเสื้อของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว มีข้อกำหนดการแต่งกายของผู้หญิงที่ใช้แสดงสถานภาพโสดและสมรส ทั้ง 2 กลุ่มมีการปรับตัวในการแต่งกายให้เข้ากับยุคสมัยโดยใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น ผ้าไหมประดิษฐ์ และมีการ</span><span style="font-weight: 400;"><br></span><span style="font-weight: 400;">ตัดเย็บที่สะดวกต่อการสวมใส่ ชาวกะเหรี่ยงขาวยังคงรักษาการแต่งกายแบบประเพณีโดยยังคงสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ในขณะที่กะเหรี่ยงแดงมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับสังคมสมัยใหม่มากกว่าจากการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปและใส่เฉพาะบางโอกาสเท่านั้น</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">สำหรับบทบาทในการแต่งกายพบว่า ทั้ง 2 กลุ่ม เลือกแต่งกายด้วยชุดประจำชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันตามโอกาส กลุ่มกะเหรี่ยงแดงไม่ปรากฏการสวมใส่ชุดชาติพันธุ์ในชีวิตประจำวัน แต่ยังคงรักษาการแต่งกายแบบประเพณีไว้ใน 3 โอกาส คือ การเผยแพร่ผ่านสื่อดิจิทัล กิจกรรมพิเศษร่วมกับภายนอกชุมชน และการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในงานมงคล ส่วนการแต่งกายแบบประยุกต์พบใน 2 โอกาส คือ การสวมใส่ในสถานที่ราชการและกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่เป็นงานมงคล ในทางตรงกันข้าม กลุ่มกะเหรี่ยงขาวยังคงสวมใส่ชุดชาติพันธุ์ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวันอาทิตย์ของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ พบการแต่งกายด้วยชุดที่มีลักษณะแบบอนุรักษ์ทั้งสีย้อมธรรมชาติและใช้วัสดุดั้งเดิมคือผ้าฝ้ายใน 2 ประเพณีที่สำคัญ คือ พิธีศพและพิธีแต่งงาน ทั้งนี้ เครื่องแต่งกายยังแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ ความภาคภูมิใจในคุณค่าของวัฒนธรรม และการปรับตัวให้เข้ากับสังคมร่วมสมัยตามบริบทชุมชนที่แตกต่างกัน </span></p> กันยา ขจรภัทรกุล, พิมลวรรณ์ ไพรขจรเกียรติ, พิสุทธิลักษณ์ บุญโต ลิขสิทธิ์ (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/artsjournal_ssru/article/view/282105 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700