วารสารศิลปกรรมบูรพา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ <p><span data-sheets-userformat="{&quot;2&quot;:515,&quot;3&quot;:{&quot;1&quot;:0},&quot;4&quot;:[null,2,16776960],&quot;12&quot;:0}" data-sheets-value="{&quot;1&quot;:2,&quot;2&quot;:&quot;วารสารศิลปกรรมบูรพา มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผลงานวิจัยและสร้างสรรค์ด้านทัศนศิลป์ ในทุกสาขาและด้านการออกแบบ ดนตรี รวมทั้งด้านการบริหารศิลปะและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ศิลปะ การจัดการพิพิธภัณฑ์ และมนุษยวิทยา ในลักษณะของบทความวิชาการ บทความวิจัย ผลงานแปลเชิงวิชาการ และผลงานรูปแบบ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณะ&quot;}">วารสารศิลปกรรมบูรพา มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผลงานวิจัยและสร้างสรรค์ด้านทัศนศิลป์ ในทุกสาขาและด้านการออกแบบ ดนตรี รวมทั้งด้านการบริหารศิลปะและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ศิลปะ การจัดการพิพิธภัณฑ์ และมนุษยวิทยา ในลักษณะของบทความวิชาการ บทความวิจัย ผลงานแปลเชิงวิชาการ และผลงานรูปแบบ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณะ</span></p> Faculty of Fine and Applied Arts, Burapha University th-TH วารสารศิลปกรรมบูรพา 3027-7108 <p>ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารศิลปกรรมบูรพา (Burapha Arts Journal) คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยบูรพา ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำเว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยฯ เป็นลายลักษณ์อักษร</p> ผู้หญิงกับดอกไม้: แนวคิดและรูปแบบผลงานของศิลปินเครื่องเคลือบหญิง เพื่อสร้างสรรค์เครื่องเคลือบร่วมสมัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/277574 <p>งานวิจัย “ผู้หญิงกับดอกไม้: แนวคิดและรูปแบบผลงานของศิลปินเครื่องเคลือบหญิง เพื่อสร้างสรรค์เครื่องเคลือบร่วมสมัย” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิด รูปแบบ และวิธีการของศิลปินเครื่องเคลือบหญิง วิเคราะห์ลักษณะเด่นของผลงานและรูปแบบการสร้างสรรค์งานศิลปะดอกไม้ของศิลปินเครื่องเคลือบหญิง ผ่านการใช้ทฤษฎีสัญศาสตร์การออกแบบและแนวคิดประติมานวิทยา เพื่อนำผลวิจัยที่ได้ไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัย จากการวิเคราะห์ลักษณะทางศิลปะของผลงานศิลปินเครื่องเคลือบหญิงทั้ง 6 คนได้แก่ หยางปิง จางย่าหลิน หวังชิงลี่ หลิวเล่อจุน หวงผิง และหูไซ่จุน จากผลการวิจัยค้นพบว่า ลักษณะเด่นด้านการสร้างสรรค์ของศิลปินดอกไม้บนเครื่องเคลือบหญิงได้แก่ ภาษาทางการสร้างสรรค์ของตนเอง การแสดงออกของการสร้างสรรค์เพื่อความสวยงาม และวิธีการสร้างสรรค์ที่เน้นความรู้สึก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัย ผ่านการวาดภาพโดยการใช้เทคนิคการวาดภาพที่เน้นความละเอียด (กงปี่) แบบบนเคลือบบนเครื่องเคลือบซินฉ่าย โดยสร้างสรรค์ผลงานการวาดภาพหัวข้อดอกไม้บนเครื่องเคลือบหนึ่งชุด โดยมีดอกพีโอนี่เป็นองค์ประกอบหลัก ในชุดผลงาน “น้ำค้างแดงหมอกม่วง” ซึ่งแสดงออกถึงความอ่อนโยน ภราดรภาพและความรักที่มีต่อธรรมชาติ ความเคารพในชีวิตของผู้หญิง สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของผลงานเครื่องเคลือบร่วมสมัย และแสดงให้เห็นถึงความรักของมนุษย์ รวมถึงพลังแง่บวกของชีวิต</p> Lu Xuan ภรดี พันธุภากร ผกามาศ สุวรรณนิภา Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 11 23 สถานการณ์โควิด-19 กับการจัดการพิพิธภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผา เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น สู่แนวทางการจัดการพิพิธภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาท้องถิ่นร่วมสมัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/277695 <p>การศึกษาพิพิธภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาของเมืองจิ่งเต๋อเจิ้นเป็นกรณีศึกษาหลัก ใช้กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากเอกสารทางการที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล และการศึกษาภาคสนาม รวมถึงการเก็บข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย ดังนี้ 1) ศึกษาสถานการณ์การจัดการพิพิธภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาเมืองจิ่งเต๋อเจิ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 2) วิเคราะห์รูปแบบการจัดการพิพิธภัณฑ์ ฯในช่วงเวลาดังกล่าว&nbsp; (มกราคม ค.ศ.2020 - ตุลาคม ค.ศ.2022) 3) ประมวลให้เห็นกิจกรรมและกลยุทธ์ในการรับมือการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงโดยการจัดการใน 3 ด้านคือ 1) การเปิดช่องทางสื่อสารแลกเปลี่ยนระหว่างสาธารณชนกับผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ฯ 2) การใช้สื่อใหม่ในการประชาสัมพันธ์พิพิธภัณฑ์ฯ 3) การจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าชมแบบมีส่วนร่วม ซึ่งสามารถเข้าชมได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งต่อมากลายเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดให้มีผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ณ ที่ตั้งและสามารถเข้าชมได้ในแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น</p> <p>การวิจัยครั้งนี้สรุปได้ว่า การจัดการนวัตกรรมและปรับรูปแบบการจัดการพิพิธภัณฑ์ฯ ในด้านต่าง ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีใหม่ออนไลน์ประกอบกับการเยี่ยมชมในสถานที่จริง ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม ทั้งนี้การเปิดพื้นที่อุทยานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพิพิธภัณฑ์และการฟังเสียงตอบรับจากสาธารณชน ช่วยก่อให้เกิดแนวทางการวางแผนนิทรรศการที่ยืดหยุ่น กลยุทธ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว แม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด แต่วิกฤตของพิพิธภัณฑ์ฯ ได้กลับกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และก่อให้เกิดแพลทฟอร์มใหม่ที่เข้ามากระตุ้นให้เกิดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19</p> Wenke Wu ชูศักดิ์ สุวิมลเสถียร ภูวษา เรืองชีวิน Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 25 41 การออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เพื่อตกแต่งโต๊ะทำงานแรงบันดาลใจจากสัตว์ในวรรณกรรมแฟนตาซี https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/269042 <p>การออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เพื่อตกแต่งโต๊ะทำงานแรงบันดาลใจจากสัตว์ในวรรณกรรมแฟนตาซี การศึกษาครั้งนี้ ได้อิทธิพลจากจินตนาการวัยเด็กต่อการออกแบบของตกแต่ง เป็นงานวิจัยสร้างสรรค์ของตกแต่งบ้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.เพื่อศึกษาแรงบันดาลใจจากสัตว์ในวรรณกรรมแฟนตาซี 2.เพื่อออกแบบและพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เพื่อตกแต่งโต๊ะทำงาน แรงบันดาลใจจากสัตว์ในวรรณกรรมที่สามารถผลิตซ้ำในระบบอุตสาหกรรม มีขั้นตอนการสร้างสรรค์เริ่มจากการค้นหาแรงบันดาลใจจากความทรงจำวัยเด็กร่วมกับศึกษารูปแบบการลดทอนรูปทรงเรขาคณิตจากสไตล์อาร์ตเดโค ภาพร่าง การออกแบบรูปทรง การออกแบบประโยชน์ใช้สอย สร้างแบบจำลอง 3 มิติ จากนั้นพิมพ์สามมิติ สร้างแม่พิมพ์และผลิตชิ้นงานต้นแบบในขั้นตอนสุดท้าย</p> <p>ผลการวิจัยได้ ชุดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้บนโต๊ะทำงานที่ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์แรกเชิงเทียนมังกรสามหัวคือ ชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงสไตล์อาร์ตเดโค การออกแบบมีลักษณะเป็นมังกรสามหัว แต่ละหัวถือเทียน ลำตัวของมังกรนั้นเพรียวบางและยาว ประดับด้วยลวดลายเรขาคณิตและพื้นผิวโลหะ ฐานของเชิงเทียนยังเป็นรูปทรงเรขาคณิต มีขอบและมุมที่แหลมคม หัวของมังกรเป็นจุดโฟกัส ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและสง่างามที่ดึงดูดความสนใจ และแท่นวางปากกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแรดหรือฮิปโป เป็นอุปกรณ์เสริมบนโต๊ะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาร์ตเดโค ขาตั้งโดดเด่นด้วยรูปแรดหรือฮิปโปเก๋ พร้อมช่องสำหรับใส่ปากกา และดินสอ ร่างกายของสัตว์นั้นโฉบเฉี่ยวและเป็นเหลี่ยมมีลวดลายเรขาคณิตและพื้นผิวโลหะ ช่องใส่ปากการวมอยู่ในส่วนหลังของสัตว์ ทำให้เกิดการออกแบบที่ไร้รอยต่อและใช้งานได้จริง</p> อรัญ วานิชกร Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-28 2024-11-28 27 2 43 57 “ถนนหนทาง” สารคดีภาพลักษณ์ย่านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เมืองหนานหนิง : สามถนน สองตรอกซอกซอย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/277697 <p>งานวิจัยนี้ใช้การศึกษาภาพลักษณ์เมืองเป็นจุดเริ่มต้นทางทฤษฎี วางภาพลักษณ์ของเมืองหนานหนิงภายใต้กรอบการวิจัยภาพลักษณ์เมืองทั่วไป โดยมุ่งเน้นไปที่สามถนน สองตรอกซอกซอย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีเอกลักษณ์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การค้า วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ โดยทำการศึกษาด้วยวิธีการวิจัยทางเอกสาร การวิจัยภาคสนาม การวิเคราะห์กรณีศึกษาและการสำรวจด้วยแบบสอบถาม จากนั้นใช้รูปแบบของภาพที่มีชีวิตชีวา การเล่าเรื่องผ่านวิดีโอในชีวิตประจำวันและประวัติศาสตร์มุขปาฐะตามข้อเท็จจริง ร้อยเรียงโชคชะตาของผู้คนและการเปลี่ยนแปลงของเมืองเข้าด้วยกัน บันทึกความทรงจำของเมือง และสร้างสรรค์เป็นสารคดีเรื่อง “ถนนหนทาง” ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของเมืองหนานหนิงให้น่าดึงดูดใจ และช่วยเสริมสร้างความทรงจำทางวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของท้องถิ่นให้กับผู้คน</p> Chao Gao บุญชู บุญลิขิตสิริ รสา สุนทรายุทธ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 59 71 สุนทรียภาพแห่งมรดกทางวัฒนธรรมผ้าทอจ้วงจิ่น : การฟื้นฟูและสืบทอดลวดลาย ผ้าทอจ้วงจิ่น และการออกแบบเสื้อผ้าอย่างสร้างสรรค์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/277698 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนาการ อัตลักษณ์ และความหมายแฝงทางวัฒนธรรมของลวดลายผ้าทอจ้วงจิ่น และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากลวดลายผ้าทอจ้วงจิ่นเป็นต้นแบบชุดเครื่องแต่งกาย การดำเนินการวิจัยโดยการศึกษาวิเคราะห์เอกสาร การสำรวจภาคสนาม และการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ ผลการวิจัย พบว่า อัตลักษณ์และความหมายแฝงของลวดลายผ้าทอจ้วงจิ่นปรากฎอยู่ในผ้าทอแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ลวดลายเรขาคณิต ลวดลายพืช ลวดลายสัตว์ ลวดลายอักษรศิลป์ และลวดลายเฉพาะเรื่อง ในส่วนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากลวดลายผ้าทอจ้วงจิ่น ประกอบด้วย 3 วิธี ได้แก่ 1) การใช้ลวดลายโดยตรง 2) การใช้ลวดลายเดิมแต่เปลี่ยนรูปแบบ และ 3) การแยกออกและการรวมเข้าด้วยกันใหม่ จากนั้นสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานจำนวน 2 ชุด ได้แก่ ชุดผลงาน “ความหวัง” และ ชุดผลงาน “เส้นด้ายแห่งความรัก”</p> อวี้หวา จาง ภรดี พันธุภากร บุญชู บุญลิขิตสิริ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 73 89 สมุดภาพ-เพลงนาจาสำหรับเด็ก:ทิศทางการออกแบบจากจิตรกรรม วรรณกรรมจีน-ไทยบ่งชี้ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/271121 <p>ภาพจิตรกรรม วรรณกรรมเรื่องนาจาของจีนและของไทยมีความสำคัญด้วยเนื้อหานำเสนอประวัติ ตำนานชนชาติและความเก่งกล้าของเทพกุมารผู้สำคัญ แต่เนื่องจากขาดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 3-6 ขวบทั้งของจีนและไทย ในงานวิจัยนี้ ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสืบหาข้อมูลเชิงลึกของภาพจิตรกรรมและวรรณกรรมจีนไทยมากำหนดต้นแบบแนวทางการออกแบบสมุดภาพ-เพลงนาจา สำหรับเด็กที่สอดคล้องกับเนื้อหา และหลักฐานที่ค้นพบ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในงานวิจัยตามหลักการของยูเนสโกและวิธีจัดการความรู้จาก 4 ผู้เชี่ยวชาญ ผสมกับการสำรวจภาคสนาม ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ ปรากฎดังนี้ 1) จากภาพจิตรกรรมและวรรณกรรมของทั้งสองชาติ 5 แห่ง พบว่า ข้อมูลหลักฐานศิลปะแตกต่างกัน (ก) ด้านคุณลักษณะเฉพาะของรูปแบบ (ข) ด้านรายละเอียดของเรื่องราว (ค) ด้านเนื้อหาหลัก เนื้อหารอง บทบาทของตัวละคร การแต่งกาย แบบแผนการเขียนภาพ การใช้สี (ง) ด้านความเชื่อพบเทคนิคการเขียนภาพของชาววังและชาวบ้าน 2 ) ในการกำหนดแนวทางดำเนินการเรียบเรียงความรู้เพื่อจัดทำต้นแบบการการออกแบบสมุดภาพ-เพลงสำหรับเด็กสู่เนื้อหา มีการศึกษาจาก(ก) ศึกษาหลักจิตวิทยา ความชอบ ความสนใจของเด็ก วัย 3-6 ขวบ (ข) คัดเลือก จัดลำดับ จัดขั้นตอนการดำเนินเรื่องนาจาที่เหมาะสมเพียงพอแก่เด็กวัย 3-6 ขวบ (ค) กำหนดรูปแบบ สไตล์ การเขียนภาพตัวละคร การใช้สีและการประพันธ์เพลงเด็ก 7 เพลงด้วยเครื่องดนตรีผสมจีน-ไทย 6 ชนิดไว้ให้เด็กเลือกกดปุ่มในแต่ละภาพของหนังสือ ซึ่งจะเกิดเสียงเพลงที่สื่อความหมายตามเนื้อหาอารมณ์ (ง) ศึกษาการกำหนดบุคลิกของตัวละคร (จ) ร่างภาพกำหนดสีให้สอดคล้องกับเนื้อหาของนาจา (ฉ) ออกแบบสัญลักษณ์ของปุ่มทำนองดนตรีประกอบภาพ (ช) วิเคราะห์ ออกแบบ วางแผน (ซ)จัดทำต้นแบบสมุดภาพ-เพลงที่ผ่านตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 4 ท่านทั้ง 4 ด้าน เพื่อจะได้ไปจัดพิมพ์รูปเล่มสมบูรณ์ต่อไป</p> มนัส แก้วบูชา Xiaobin Wang Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 91 117 สวรรค์ปรสิต: การสำรวจทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสู่ผลงานจิตรกรรม https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/271751 <p>บทความ "สวรรค์ปรสิต: การสำรวจทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมสู่ผลงานจิตรกรรม" มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเรื่องสวรรค์และปรสิตผ่านมุมมองทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แนวคิดเรื่อง "สวรรค์ปรสิต" เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและน่าสนใจซึ่งถูกนำมาเปิดเผยและสำรวจในบทความนี้ โดยการนำเสนอผลงานจิตรกรรมที่สะท้อนถึงความสมดุลและความซับซ้อนของสภาวะมนุษย์ ผ่านสัญลักษณ์และเทคนิคศิลปะที่หลากหลาย ผลงานเหล่านี้ท้าทายและเชื่อมโยงความเชื่อเรื่องสวรรค์และปรสิต เพื่อสร้างประสบการณ์หลายมิติและกระตุ้นการวิเคราะห์และการตีความของผู้ชม ผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นมีความเป็นเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสำรวจหัวข้อที่ซับซ้อนเกี่ยวกับธรรมชาติและประสบการณ์ของมนุษย์</p> เกรียงไกร กงกะนันทน์ Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 Light of Hope: Symbolism and Narratives in Visual Arts https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/270261 <p>This study presents an investigation into the symbolic significance of light, hope, and ships in visual art through an iterative process of documentary analysis and design creation. The aims were 1) to craft and analyze contemporary visual design pieces that utilize light as a medium to symbolically represent hope; 2) to create designs inspired by the enduring image of ancient Chinese sailboats; and 3) to explore and illuminating the complex interplay of resilience, aspiration, and guidance inherent in human experience. Initial sketches serve as preliminary visual representations, evolving into final designs through the experimental use of various materials and equipment, including LEDs, steel wire, fence net, electric welding machines, and ribbons. These materials were chosen considering both their symbolic and aesthetic contributions to the designs. Prototypes were constructed and continually refined, resulting in final designs that were then analyzed and documented. The entire process from initial concept to final creation was rigorously documented, providing both visual and narrative records of the creative journey. The resulting designs offer a nuanced reflection on hope, utilizing ships and light as central motifs to symbolize life’s journey towards optimism. The study highlights the intrinsic link between the chosen materials and symbols, where wood represents the natural instinct of seeking and hoping; steel epitomizes strength and resilience; and bamboo, noted for its flexibility, mirrors human adaptability amidst adversities. Each material is not only historic and practical but also metaphorical, adding layers to the narrative of hope and aspiration. Through a systematic exploration of themes, the study illuminates the intertwined relationships of hope, light, and journey, contributing to a holistic understanding of these themes in visual design.</p> Xiaojian Gong Boontan Chettasurat Suchat Sukna Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 การศึกษาลวดลายไทยจากลายรดน้ำ สู่การสร้างสรรค์ศิลปะลวดลายใหม่ในจังหวัดระยอง https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/270290 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค้นคว้าลักษณะเฉพาะรูปแบบลวดลายไทยโบราณ จากลายรดน้ำในยุคสมัยอยุธยา และทดลองนำลวดลายไทยจากลายรดน้ำ มาวิเคราะห์ เพื่อไปประยุกต์ ร่วมกับเอกลักษณ์ที่แสดงความเป็นพื้นถิ่นของระยอง เพื่อออกแบบสร้างสรรค์ศิลปะลวดลายโบราณ จากลายรดน้ำ และผสมกับลายความเป็นพื้นถิ่นของจังหวัดระยอง นำไปสู่ศิลปะลวดลายใหม่ โดยผลงานการออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ลายรดน้ำโบราณสมัยอยุธยา” ที่มีความสวยงาม อ่อนช้อย และทรงคุณค่า ซึ่งลายรดน้ำได้ใช้เป็นศิลปะสำหรับตกเเต่งสิ่งของเครื่องใช้ ที่ทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ และมีทำบนโลหะ หนังหรือไม้ไผ่สาน เช่น ไม้ประกับคัมภีร์ กล่องพระธรรม หีบ ตู้พระธรรม ลายรดน้ำนับเป็นศิลปวัตถุที่ทรงคุณค่าทั้งทางด้านวิจิตรศิลป์ และเป็นแหล่งความรู้ของคนไทยสืบต่อกันมา ปัจจุบันเราสามารถชมความงดงามของลายรดน้ำโบราณได้ที่ พิพิธภัณฑสถานต่างๆ หรือตามวัดที่ยังคงมีอยู่</p> <p> ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลหลายๆทาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ โดยการศึกษาวิเคราะห์ ในลวดลายต่างๆ ในยุคสมัยอยุธยา แล้วนำมาออกแบบสร้างสรรค์ให้เกิดลวดลายขึ้นมาใหม่ ผสมผสานให้เป็นศิลปะที่งดงาม และการศึกษาค้นคว้า หาข้อมูล ลายที่มาจากความเป็นพื้นถิ่นระยอง จากการวิเคราะห์ลวดลายแบบต่างๆ และถอดลายออกมา เพื่อให้เห็นแนวทาง รูปร่างของลาย และการนำมาต่อลาย ในแบบผสมกัน ทำให้เกิดลวดลายขึ้นมาใหม่ ในรูปแบบทัศนศิลป์ร่วมสมัย</p> <p> การนำลวดลายไทยจากลายรดน้ำ ผสมกับลายความเป็นพื้นที่ของจังหวัดระยอง ก็เป็นอีกหนึ่งในการวิจัยสร้างสรรค์ สำหรับลายที่ใช้ตกแต่งในแต่ละส่วนนั้น ก็จะเลือกใช้ลายตามประเภท หรือหน้าที่อันเป็น ลักษณะเฉพาะของศิลปะลายไทย เช่น ลายประจำยาม ลายกระหนก ลายกระหนกเปลวเครือเถา และลายก้านขด ส่วนลายความเป็นพื้นถิ่นของจังหวัดระยองส่วนใหญ่จะมีความโดดเด่น และมีความเฉพาะตัวของพื้นที่ อันได้แก่ หอยทับทิม ตัวเคย ปลากะตัก ทุเรียนหมอนทอง คลื่นทะเล หินริมทะเล ดอกหางนกยูง ใบชะมวงและลูกชะมวง เป็นต้น เมื่อนำมาผสมรวมกันกับการออกแบบ จะได้ลวดลายใหม่ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นพื้นถิ่นของจังหวัดระยองร่วมอยู่ด้วย ทำให้เกิดเป็นศิลปะรูปแบบใหม่ที่สามารถนำไปต่อยอดและประยุกต์เข้ากับสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของชุมชน และการส่งเสริมชุมชนในรูปแบบอื่นได้ต่อไป</p> นิวัฒน์ ศิริคช ภานุ สรวยสุวรรณ Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 157 176 การพัฒนาลวดลายเรขศิลป์จากทุนทางวัฒนธรรม ด้วยแนวคิดศิลปะร่วมสมัยสู่ผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กรณีศึกษา ทุนวัฒนธรรมขันลงหิน ชุมชนบ้านบุ กรุงเทพมหานครฯ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/274402 <p>งานวิจัยเชิงคุณภาพ เพื่อหาแนวทางการพัฒนาลวดลายเรขศิลป์จากทุนวัฒนธรรม สำหรับผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอ กรณีศึกษา ทุนวัฒนธรรมขันลงหิน ชุมชนบ้านบุ กรุงเทพมหานคร โดย 1) การทบทวนวรรณกรรม, 2) เก็บข้อมูลภาคสนามกับผู้ประกอบการขันลงหิน ด้วยวิธีการสังเกต และการสัมภาษณ์แบบกึ่งทางการ จำนวน 1 กลุ่ม, 3) การเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเรขศิลป์ และผลิตภัณฑ์แฟชั่น จำนวน 3 คน ด้วยแบบสัมภาษณ์ปลายปิดให้ระดับความเหมาะสม 5 ระดับ, 4) วิเคราะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกัน และเหมาะสมสำหรับผู้บริโภคอายุระหว่าง 26-41 ปี อาศัยบริเวณกรุงเทพ และปริมณฑล, 5) กำหนดกลยุทธ์การออกแบบ, 6) การสร้างสรรค์ลวดลายเรขศิลป์, 7) การนำลวดลายเรขศิลป์สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอ เช่น ผืนผ้าคลุมโซฟา, ปลอกหมอน เป็นต้น 8) เก็บข้อมูลความพึงพอใจ 9) สรุปผล พบว่า 1) แนวทางสร้างสรรค์เรขศิลป์บนผืนผ้าจากทุนทางวัฒนธรรมขันลงหินแบบร่วมสมัย ได้ระดับมากที่สุด (x̄=4.60, S.D.=0.49), 2) อารมณ์ความรู้สึกในระดับมาก Modern (x̄=4.20, S.D.=0.75), Natural (x̄=3.80, S.D.=1.47), Classic (x̄=3.80, S.D.=1.17), Dynamic (x̄=3.60, S.D.=1.20), 3) รูปแบบของเรขศิลป์ที่เหมาะสมในระดับมาก ได้แก่ Geometric Art Style (x̄=4.20, S.D.=0.98), Bauhaus Style (x̄ =4.00, S.D.= 0.89), Surrealism Style (x̄=3.60, S.D.=0.80), และ 4) แนวทางการจัดวางลวดลายเรขศิลป์บนผืนผ้า แบบสลับทิศทางได้ระดับมากที่สุด (x̄ = 4.40, S.D. = 0.80), ระดับมาก คือ ลวดลายทิศเดียวกัน (x̄ = 3.80, S.D. = 1.47) และลวดลายแบบกลุ่ม (x̄ = 3.60, S.D. = 1.74)</p> สุระเกียรติ รัตนอำนวยศิริ พัชรี พันธุ์ยางน้อย ดรัลรัตน์ สิริกานต์วงศ์มาศ พาณิภัค วิเศษโชค วริศรา มุ่งปั่นกลาง Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีทแวร์สแว๊กเก้อร์โดยใช้แนวคิดดีไซน์พาราด็อกซ์ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/buraphaJ/article/view/272370 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและหาแนวทางในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีทแวร์สแว๊กเก้อร์โดยใช้แนวคิดดีไซน์พาราด็อกซ์ โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลในเชิงปริมาณและคุณภาพ ในเชิงคุณภาพด้านแนวคิดสู่การออกแบบ จากการศึกษาผลงานศิลปินที่ใช้แนวคิดดีไซน์พาราด็อกซ์ เพื่อศึกษาแนวคิดและองค์ประกอบในการออกแบบ ด้วยการวิเคราะห์ผลงาน penrose stairs ของ M.C.Esher / Lionel sharples penrose และงานทัศนศิลป์สมัยใหม่ Post neo cubism ของศิลปิน Miguel angel belinchon มาวิเคราะห์ เพื่อหาองค์ประกอบในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย ในการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพด้านพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย โดยการใช้แบบสอบถามกลุ่มเป้าหมายสตรีทแวร์สแว๊กเก้อร์ 100 คน ใช้วิธีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยแบบสัมภาษณ์ จากกลุ่มเป้าหมายโดยตรง 3 คน รวมถึงใช้เครื่องมือการสังเกตโดยเก็บข้อมูลจากภาพถ่ายกลุ่มเป้าหมายในการวิเคราะห์ paper doll dataset รูปแบบเสื้อผ้าผู้ชาย 100 รูป รูปแบบเสื้อผ้าผู้หญิง 100 รูป จากนั้นนำข้อมูล ทั้งหมดที่ได้รับมาวิเคราะห์เพื่อสรุปองค์ประกอบในการออกแบบ</p> <p>ผลวิจัย พบว่า (1.) รูปแบบและการสวมใส่เครื่องแต่งกาย ลักษณะโครงร่างเงาการแต่งกายที่มีความ ใหญ่และหลวม กว่าปกติ น่าสนใจ สีสันสดใสและสีที่เป็นกระแสนิยม วัสดุแบบใหม่แปลกตา และรายละเอียดทางแฟชั่น มีการผสมสานในการแต่งกาย สวมใส่เครื่องประกอบการแต่งกายเพิ่มเติม (2.) เป็นกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายเป็นกลุ่มไม่จำกัดเพศสภาพมีวิถีชีวิตในเมือง ช่วงอายุ 20 – 35 ปี รุ่นเจนเนอร์เรชั่นเอ็ม และซี (3.) สายอาชีพอิสระ นักออกแบบสร้างสรรค์ในสายงานต่างๆ มีรายได้มั่นคงในระดับหนึ่ง (4.) มีทัศนคติในรูปแบบสแว๊กเก้อร์ ที่มีความมั่นใจและเป็นตัวตนเองสูง รักอิสระ ชอบการแต่งตัว บริโภคสินค้าตามกระแสแฟชั่นนิยม รสนิยมดี มีบุคลิกมั่นใจในตัวเอง ต้องการแสดงความเป็นตัวตน และโดดเด่น </p> ณภัทร หอมระเหย Copyright (c) 2024 คณะศิลปกรรมศาสตร์. มหาวิทยาลัยบูรพา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-11-15 2024-11-15 27 2 199 218