วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal <p><strong>"วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย"</strong> <strong>"Graduate School Journal Chiang Rai Rajabhat University"</strong> จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่บทความวิชาการ และบทความวิจัย ทางด้านสาขาครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ จิตวิทยา สังคมวิทยา ศิลปศาสตร์ และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง<strong> มีวาระการออกเป็นราย 6 เดือน</strong> โดยออกปีละ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 (ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน) และฉบับที่ 2 (ประจำเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม) ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงวาระการออก และจัดทำเฉพาะรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วารสารฯ ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 (ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567) เป็นต้นไป ทั้งนี้ บทความที่ตีพิมพ์ใน<strong><em>วารสารฉบับนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) จำนวน 3 ท่านแล้ว</em></strong> โดยผู้เขียนบทความและผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ถูกเปิดเผย (Double-blind Peer review) ทัศนะและข้อคิดเห็นของบทความที่ปรากฎในวารสารฉบับนี้เป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ</p> <p> </p> <p><strong>ISSN 3027-7884 (Online)</strong></p> <p> </p> <p><strong>ภาษาที่พิมพ์ : ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน</strong></p> <p><strong>กำหนดออกปีละ 2 ฉบับ (มกราคม-มิถุนายน และกรกฎาคม-ธันวาคม)</strong></p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย</p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว</p> prapaphun_chaiyanont@yahoo.com (ผศ.ดร.ประภาพรรณ ไชยานนท์) rachchanon.yam@crru.ac.th (อ.รัชชานนท์ แย้มศรี) Mon, 14 Jul 2025 22:10:51 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานงบประมาณของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/272804 <p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การบริหารงานงบประมาณของผู้บริหาร สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 2) ประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน<br />เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานงบประมาณของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 จำนวน 242 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น และทำการสุ่มแบบเจาะจงตามขนาดของสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับการบริหารงานงบประมาณของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก 2) ประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก และ 3) การบริหารงานงบประมาณของผู้บริหาร ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ทุกด้านมีความสัมพันธ์ทางบวกกับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน<br />เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p> นิพิฐ เวียงคำ, โสภา อำนวยรัตน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/272804 Mon, 14 Jul 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาการจัดประสบการณ์โดยใช้เกมการศึกษาจากสื่อธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/272179 <p> การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้เกมการศึกษาจากสื่อธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐาน ทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการใช้กิจกรรมเกมการศึกษาจากสื่อธรรมชาติ ประชากร คือ เด็กปฐมวัย โรงเรียนอนุบาลภูซาง (บ้านดอนตัน) ตำบลสบบง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา จำนวน <br />34 คน กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดประสบการณ์ และแบบทดสอบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t – test dependent</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการประเมินความถูกต้องครบถ้วน และความเหมาะสมขององค์ประกอบ ของแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เกมการศึกษาจากสื่อธรรมชาติของเด็กปฐมวัย มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.50 - 4.87 อยู่ในระดับคุณภาพมากถึงมากที่สุด 2) ผลการเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมเกมการศึกษาจากสื่อธรรมชาติ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> มัลลิกา จิตรคำ, วิไลภรณ์ วิชญาวัฒน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/272179 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 แนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียน ในระดับชั้นประถมศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดบึงกาฬ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/270582 <p> การวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในจังหวัดบึงกาฬ ประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู/ผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 35 คน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายดังนี้ ใช้กระบวนการจัดเวที เพื่อสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) จากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนการสอนร่วมกันพิจารณาการหาแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของครู/ผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษา โดยนำประเด็นที่เหมาะสมต่อการแก้ปัญหาด้วยวิธีการระดมสมอง (Brainstorm) ของผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนการสอนและด้านการสอน วิชาภาษาอังกฤษ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ<br />ที่ได้จาการสนทนากลุ่มด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ แล้วนำเสนอเชิงบรรยายประกอบการอภิปรายผล</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาประกอบด้วย 1) การพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา โดยมีมหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยง 2) การพัฒนาผู้สอนและการออกแบบ<br />การจัดการเรียนการสอน มีแผนปฏิบัติการในการพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21 ด้วยเทคนิคและรูปแบบ<br />การสอนสมัยใหม่ 3) ประสานความร่วมมือกับโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงในการบูรณาการแผนการสอน สื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน และการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาครูสู่ผู้เรียน 4) การขับเคลื่อนชุมชนเรียนรู้ทางวิชาชีพครูผู้สอนภาษาอังกฤษในสังกัดและนอกสังกัด หรือโรงเรียนเครือข่ายและโรงเรียนร่วมพัฒนาด้วยการใช้กระบวนการ PLC ครูภาษาอังกฤษ ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม</p> ฉัตรชนก เฮงสุโข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/270582 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 วัตถุประสงค์และเนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก การศึกษาข้ามวัฒนธรรมย่อยในประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/272108 <p> การศึกษาวิจัย เรื่อง วัตถุประสงค์และเนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก การศึกษาข้ามวัฒนธรรมย่อยในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อสังเคราะห์วัตถุประสงค์ที่สำคัญของเพลงกล่อมเด็กของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ 2) เพื่อสังเคราะห์เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก <br />ของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบเพลงกล่อมเด็กของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ 4) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของเพลงกล่อมเด็กของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก และ 5) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของเพลงกล่อมเด็ก <br />ของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ที่มีผลต่อการปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเด็ก งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบเชิงคุณภาพ (Qualitative research)</p> <p>ซึ่งจากผลของการวิจัยพบว่า </p> <ol> <li>เพลงกล่อมเด็ก เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงความเชื่อและค่านิยมของคน<br />ในท้องถิ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ขับกล่อมเด็กให้เกิดความเพลิดเพลิน สงบ เกิดความอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย ทำให้นอนหลับได้เร็ว</li> <li>เนื้อหาของเพลงกล่อมเด็ก สะท้อนให้เห็นสภาพของสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ ค่านิยม ลักษณะการประกอบอาชีพของคนในสังคมแต่ละภูมิภาค </li> <li>เพลงกล่อมเด็กถือเป็นวรรณกรรมของชาวบ้านที่มีไว้เพื่อร้องกล่อมลูก และทั่วทุกภูมิภาค<br />ก็จะมีรูปแบบ เนื้อหา คำร้องและท่วงทำนองที่มีลักษณะเฉพาะของเพลงกล่อมเด็กในแต่ละภูมิภาค<br />ที่แตกต่างกัน</li> <li>เพลงกล่อมเด็กมีองค์ประกอบของเพลงกล่อมเด็กที่สามารถช่วยให้เด็กเกิดความอบอุ่นใจ <br />ซึมซับวัฒนธรรมและคุณธรรมที่เป็นเนื้อหาแฝงไว้ในบทกล่อมที่มีการใช้ภาษาที่เรียบง่าย มีเนื้อหา<br />ที่แสดงถึงความรักความห่วงใย ช่วยให้เด็กเกิดความละเมียดละไมทางจิตใจ มีอารมณ์เบิกบาน มีความอ่อนโยน จากท่วงทำนองเพลงที่อ่อนโยนและเป็นเนื้อร้องที่เสมือนการพูดคุยกับเด็กในขณะนอนหลับ</li> <li>เพลงกล่อมเด็กของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานและภาคใต้ มีผลต่อการปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเด็ก จากการที่เด็กได้ยินเสียงและรับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัย ไม่ผวา หรือร้องไห้โยเย เมื่อตื่นนอนขึ้นมาก็จะมีอารมณ์แจ่มใส ไม่งอแง จึงเป็นการกระตุ้นพัฒนาการในการเรียนรู้ของเด็ก พร้อมทั้งพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกาย และมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา และพัฒนาการทางด้านสังคม เพลงกล่อมเด็กเป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องและผู้ฟัง สร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครอบครัว สะท้อนให้เห็นสภาพสังคม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ผ่านบทเพลงกล่อมเด็ก</li> </ol> จรินทร์ บุญสุชาติ, นิตย์ บุหงามงคล, สุรพล เนสุสินธุ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/272108 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการแพลตฟอร์มธุรกิจสตรีมมิ่งออนไลน์ ของลูกค้าในจังหวัดเชียงราย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/244470 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยความคาดหวังในการรับบริการ คุณภาพของการรับบริการ การรับรู้คุณค่าของการรับบริการและความตั้งใจในการใช้บริการแพลตฟอร์มธุรกิจสตรีมมิ่งออนไลน์ ของลูกค้าในจังหวัดเชียงราย 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความตั้งใจ<br />ใช้บริการแพลตฟอร์มธุรกิจสตรีมมิ่ง ออนไลน์ของลูกค้าในจังหวัดเชียงราย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ลูกค้าที่ใช้บริการแอพพลิเคชั่นธุรกิจสตรีมมิ่งออนไลน์ที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดเชียงราย จำนวน 385 ตัวอย่าง <br />ใช้เครื่องมือแบบสอบถามออนไลน์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบใช้การวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ ด้วยวิธีแบบ Stepwise </p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยคุณภาพของการรับบริการ โดยภาพรวม<br />อยู่ในระดับปานกลาง (𝑥 = 3.35) ปัจจัยความคาดหวังในการรับบริการ (𝑥 = 3.51) ปัจจัยการรับรู้คุณค่าของการรับบริการ (𝑥 = 3.82) และความตั้งใจในการใช้บริการ (𝑥 = 3.77) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก <br />2) ปัจจัยความคาดหวังในการรับบริการ คุณภาพของการรับบริการ และการรับรู้คุณค่าของการรับบริการ <br />มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อความตั้งใจใช้บริการ แพลตฟอร์มธุรกิจสตรีมมิ่งออนไลน์ของลูกค้าในจังหวัดเชียงราย มีอำนาจการทำนายร้อยละ 47.0 อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .01 ผลการศึกษาเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้พัฒนากลยุทธ์การบริการที่มีประสิทธิภาพ ที่นำไปสู่การสร้างความพึงพอใจและความตั้งใจใช้บริการของลูกค้า</p> ณัฎฐวุฒิ วุฒิพงไพบูลย์, รัชชานนท์ แย้มศรี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/244470 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาสมรรถนะการคิดขั้นสูง ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/271923 <p> การศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจมีความจำเป็นต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาค้นคว้า การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การคิดวิเคราะห์<br />คิดสร้างสรรค์ การจัดการเรียนการสอนเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา ที่มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพ ผู้วิจัยจึงจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการคิดขั้นสูง โดยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ 2) เพื่อพัฒนาสมรรถนะความคิดขั้นสูงด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้<br />ในการวิจัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ โรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ มหาวิทยาลัย ราชภัฏพระนคร ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 47 คน เนื่องจากมีนักเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ เพียงห้องเดียว จึงใช้เป็นกลุ่มศึกษา<br />ในลักษณะประชากรที่มีจำนวนจำกัด สถิติเชิงพรรณาและสถิติทดสอบทีในการทดสอบสมมติฐานของการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.96 แปลความหมายของค่าเฉลี่ยในระดับแผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมมากที่สุด นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 <br />ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้มีสมรรถนะการคิดขั้นหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนในการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ในระดับมากที่สุด</p> ศุภษิกานต์ ลบบำรุง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/271923 Tue, 26 Aug 2025 00:00:00 +0700 สมการเชิงโครงสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ส่งผลต่อคุณค่าแบรนด์ ธุรกิจร้านอาหารระดับหรู ในกรุงเทพมหานคร https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/275294 <p> การวิจัยเรื่องสมการเชิงโครงสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ส่งผลต่อคุณค่าแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารระดับหรู (Fine Dining) ในกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับคุณค่าแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารระดับหรู ในมุมมองของผู้บริโภคธุรกิจร้านอาหารในกรุงเทพมหานคร และเพื่อศึกษาแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ส่งผลต่อคุณค่าแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารระดับหรู <br />ในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริโภคธุรกิจร้านอาหารระดับหรู<br />ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 ราย ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสะดวก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบที ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์สมการเส้นถดถอยพหุคูณ วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (CFA) และวิเคราะห์สมการโครงสร้าง (SEM) ผลการวิจัยพบว่า ระดับคุณค่าแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารระดับหรูในมุมมองของผู้บริโภคธุรกิจร้านอาหารในกรุงเทพมหานคร กลยุทธ์การตลาดโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก</p> <p> ผลการวิจัยยังพบว่า กลยุทธ์การตลาดมีอิทธิพลทางตรงต่อผู้บริโภคในความเต็มใจจ่ายสินค้าราคาพรีเมียมร้านอาหารหรู และส่งผลก่อให้เกิดคุณค่าแบรนด์ร้านอาหารระดับหรู ความเต็มใจจ่ายสินค้าราคาพรีเมียมของผู้บริโภคมีอิทธิพลทางตรงต่อคุณค่าแบรนด์ร้านอาหารระดับหรู ผลการศึกษาแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง กลยุทธ์การตลาดที่ส่งผลต่อคุณค่าแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารระดับหรู<br />ในกรุงเทพมหานคร มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่าดัชนีค่าระดับความน่าจะเป็นของไคสแควร์ (CMIN/p) เท่ากับ 0.45 ค่าไคสแควร์สัมพัทธ์ (CMIN/df) เท่ากับ 1.01 ค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้อง (GFI) เท่ากับ 0.96 ค่ารากของค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนกำลังสองของการประมาณค่า (RMSEA) เท่ากับ 0.01 ค่าดัชนีความพอดี (AGFI) เท่ากับ 0.94 ค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้องเปรียบเทียบ (CFI) เท่ากับ 1.00 และดัชนีความสอดคล้องสัมพันธ์ (NFI) เท่ากับ 0.99 </p> จุฑามาศ อึ้งซำ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/275294 Wed, 27 Aug 2025 00:00:00 +0700 An Analysis of Inflectional Morpheme Errors using IMs Test with Chiang Rai Rajabhat University Students https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/275749 <p> The research, A Study of Inflectional Morpheme Errors using IMs Test with Chiang Rai Rajabhat University Students, has two main objectives which are to analyze IMs errors used by CRRU English Major students; and to identify the errors in using IMs as perceived by Chiang Rai Rajabhat University English Major students. The sample group of this study was 31 volunteer students, who enrolled in the academic year 2023, and have not enrolled in any linguistic courses related to the concepts of IMs. There were two instruments used in this study: the IMs test which consisted of 40 multiple-choice questions, and 40 sentence correction questions, including structured interview. The Descriptive statistic and content analysis were used to analyze the data collected.</p> <p> The results of the study revealed the total percentage score of volunteer students from both the multiple choice and sentence corrections tests which has the average range from below 49% to 59%. The volunteer students with the highest score are 58.57%, whereas the lowest scored 13.75%. Upon considering each test, volunteer students scored the multiple-choice questions test higher than that of the sentence correction test which is 92.5% and 40% respectively. The data from the interview illustrated that the IMs types that students struggled most during the test were Third person singular verb, past participle verb, plural noun, present participle, and past simple.</p> Roth Tara, Simmee Oupra, Somlak Liangprayoon ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/275749 Wed, 27 Aug 2025 00:00:00 +0700 Comparative Analysis of Male Homosociality in Eastern and Western Literature: Examining D. H. Lawrence's “Women in Love” and Yukio Mishima's “Patriotism” https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/270614 <p> บทความนี้มีจุดมุ่งหมายในการวิเคราะห์เปรียบเทียบคุณค่าของสังคมเพศชายผ่านการปฏิสัมพันธ์ของตัวละครชายในเรื่อง "Women in Love" ของ ดี. เอช. ลอว์เรนซ์ และเรื่อง "Patriotism" ของ ยูคิโอะ มิชิม่า ผ่านการศึกษาวัฒนธรรมและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันระหว่างสังคมตะวันตกและตะวันออก นอกจากนี้ บทวิเคราะห์เปรียบเทียบยังศึกษาลงไปถึงเรื่องความรักร่วมเพศ <br />ซึ่งมักมีบทบาทเมื่อตัวละครชายมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และยังพิจารณาบทบาทของผู้หญิง และอิทธิพลทางความเชื่อที่มีต่อการสถาปนาพื้นที่ของผู้ชายกับผู้ชาย ผลจากการศึกษาเชิงวิเคราะห์เปรียบเทียบเผยให้เห็นว่า สังคมเพศชายในสองวัฒนธรรมมีความแตกต่างที่ลักลั่นย้อนแย้ง ในวัฒนธรรมตะวันออก เพศหญิงถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเพศชาย ซึ่งเป็นไปตามข้อห้ามของลัทธิขงจื๊อว่าด้วยความสมบูรณ์ของการครองคู่กันระหว่างชายและหญิง อย่างไรก็ตาม ในระบบที่เคร่งครัดนี้สังคมเพศชายกลับมีความแน่นแฟ้น และยังแฝงนัยยะของความรักร่วมเพศไว้เบื้องลึก ในทางกลับกัน สังคมเพศชายในวัฒนธรรมตะวันตกกลับมีความผิวเผินกว่า แม้จะมีพื้นที่สำหรับผู้ชายในการอยู่ร่วมกันโดยแยกบทบาทผู้หญิงออกไปอย่างเห็นได้ชัด ความรักร่วมเพศระหว่างชายและชายกลับเลือนหายไป ดังที่ไม่มี<br />นัยยะแฝงใดสะท้อนให้เห็นผ่านตัวบทในวรรณกรรม การศึกษาได้แสดงให้เห็นความลักลั่นที่เกิดขึ้นผ่านงานวรรณกรรมสองชิ้นจากสองวัฒนธรรมของโลก ซึ่งนับเป็นมุมมองที่น่าสนใจ</p> Kanok-on Tangjitcharoenkit ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/crrugds_ejournal/article/view/270614 Thu, 07 Aug 2025 00:00:00 +0700