ธรรมธารา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><br /> เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และเป็นแหล่งข้อมูลในการเผยแพร่ผลงานวิจัยและบทความวิชาการให้กับคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย และผู้สนใจ รวมทั้งเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ที่หลากหลาย ช่วยยกระดับผลงานวิชาการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ ทั้งนี้วารสารเปิดรับบทความด้านพระพุทธศาสนา ศาสนาและปรัชญา วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ พุทธบริหารการศึกษา การวิจัยนวัตกรรมเชิงพุทธ รวมทั้งสหวิทยาการเชิงประยุกต์ด้านมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์เชิงพุทธ<br /><br /><strong>ประเภทบทความที่รับพิจารณาตีพิมพ์ <br /></strong>ประกอบไปด้วย <br />(1) บทความวิจัย (2) บทความวิชาการ (3) การแปลบทความภาษาต่างประเทศ และ (4) บทความพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญ<br /> บทความจากผู้เขียนทั้งภายในและภายนอก จะได้รับการตรวจและประเมินในแบบ Double Blinded<br /><br /><strong>วารสารธรรมธารา ตีพิมพ์ปีละ 2 ฉบับ<br /></strong>ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน <br />ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม</p> <p><strong>คำแนะนำสำหรับผู้เขียน </strong><a href="https://www.dhammadhara.org/wp-content/uploads/2019/02/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2.pdf"><br /></a>หลักเกณฑ์การอ้างอิงของวารสารธรรมธารา <a href="https://drive.google.com/file/d/1_yYcg3-2nJoYOFQRLJTQ6tUAvm6y7AeO/view?usp=sharing">คลิกเพื่ออ่าน</a><br />ตัวอย่างแบบฟอร์มการจัดหน้าบทความ [<a href="https://docs.google.com/file/d/1ijCebBaJ872x9UTYq1Kfg8weWH5N_BAE/view">.word</a>] [<a href="https://drive.google.com/file/d/1ew8WI06jszY8upUG1YsyNe0-U8qBN3D5/view">.pdf</a>]<br />ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม [<a href="https://docs.google.com/file/d/119hFkOZHUzJJLyQuu7OtpEbmsDvyCIhv/view">download</a>]</p> <p><strong>ISSN 2408-1892 (Print) <br /></strong><strong>ISSN 2651-2262 (Online)</strong></p> สำนักการศึกษา วัดพระธรรมกาย th-TH ธรรมธารา 2408-1892 <p>ลิขสิทธิ์ สำนักการศึกษา วัดพระธรรมกาย</p> พัฒนาการกำเนิดพระเครื่องในประเทศไทย: วิเคราะห์จุดเปลี่ยนแนวคิดและความเชื่อการสร้างพระเครื่องในสมัยกรุงศรีอยุธยา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara/article/view/270685 <p>บทความนี้นำเสนอพัฒนาการกำเนิดพระเครื่องในประเทศไทยโดยศึกษาวิเคราะห์แนวคิดและความเชื่อการสร้างพระเครื่องในสมัยกรุงศรีอยุธยา พบว่าพระเครื่องในปัจจุบันมีพัฒนาการมาจากพระพิมพ์ในอินเดียกระทั่งแพร่หลายมาสู่สุวรรณภูมิ หลังจากนั้นเริ่มมีการพัฒนาแนวคิดและความเชื่อการสร้างพระพิมพ์ไปใช้ในลักษณะเครื่องรางของขลังตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นซึ่งมีหลักฐานแสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนแนวคิดการสร้างแตกต่างไปจากยุคก่อน เมื่อถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางเป็นช่วงที่ต้องทำศึกสงครามกับอาณาจักรโดยรอบพบว่า มีแนวคิดการสร้างพระเครื่องเพื่อใช้ในการศึกสงคราม เพราะเชื่อในอำนาจพุทธคุณและพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ว่าจะเป็นเกราะคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย มีชัยชนะเหนือศัตรูหมู่มาร กระทั่งถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายมีพัฒนาการมวลสารและเขียนเลขยันต์บนหลังพระเครื่อง โดยเน้นยันต์ทางด้านทรหด มหาอุด คงกระพันชาตรี รูปแบบพุทธศิลป์ได้พัฒนามาเป็นอัตลักษณ์ของกรุงศรีอยุธยาเอง มีพิธีปลุกเสกบรรจุคาถาอาคมอันเป็นต้นแบบการสร้างพระเครื่องที่มีพัฒนาการสืบทอดกันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน</p> ศุภสิณี รัตตะคุ ภัทธิดา แรงทน Copyright (c) 2024 ธรรมธารา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2024-02-08 2024-02-08 10 1 192 228 พระมหากัจจายนะในเอกสารฉบับต่าง ๆ (3): การเทศน์สอนช่วงแรกและบทบาทต่อเนื้อหาในคัมภีร์พระพุทธศาสนา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara/article/view/270779 <p>บทความนี้มีเนื้อหาต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว ในภาคนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ (1) นำเสนอเนื้อความที่พระมหากัจจายนะได้เทศน์สอนในช่วงต้นของการเผยแผ่ (2) ประมวลบทบาทของท่านที่มีต่อเนื้อหาในพระไตรปิฎก และ (3) ศึกษาที่มาของคัมภีร์ซึ่งมีการระบุว่าพระมหากัจจายนะเป็นผู้รจนา ในการศึกษาครั้งนี้ได้ใช้แหล่งข้อมูลจากคัมภีร์ของเถรวาทและนิกายอื่น รวมทั้งอาศัยผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการด้วย</p> <p>จากการศึกษาพบว่า (1) ตามคัมภีร์ของ(มูล)สรวาสติวาท ในช่วงแรกที่พระมหากัจจายนะกลับไปเผยแผ่ ณ กรุงอุชเชนี ได้เทศน์สอนพระเจ้าจัณฑ-ปัชโชตโดยให้ข้อคิดเกี่ยวกับการไม่ติดในรสอาหารและการมีสติรักษาจิตของตน ทั้งนี้ใจความหลักยังคงมีความสอดคล้องกับหลักคำสอนในคัมภีร์เถรวาท (2) พระมหากัจจายนะมีบทบาทต่อเนื้อหาในพระไตรปิฎก คือ พระวินัยปิฎกทั้งของเถรวาทและต่างนิกายมีปรากฏเนื้อเรื่องการขอแก้ไขข้อบัญญัติ 5 ประการที่ท่านได้ฝากให้พระโสณกุฏิกัณณะไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระสุตตันตปิฎกฝ่ายบาลีมีอย่างน้อย 12 พระสูตรที่ปรากฏเนื้อความซึ่งพระมหากัจจายนะได้แสดงธรรมหรือกล่าวอธิบายข้อธรรมไว้อย่างสอดคล้องกันกับในพระสูตรหินยานพากย์จีน นอกจากนี้เอกสารฝ่ายจีนยังระบุว่า พระมหากัจจายนะเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทต่อการจัดหมวดหมู่เนื้อหาในพระอภิธรรมปิฎกด้วย (3) คัมภีร์ในปัจจุบันที่มีกล่าวถึงว่ารจนาโดยพระมหากัจจายนะ ได้แก่ เนตติปกรณ์ เปฏโกปเทส และกัจจายนไวยากรณ์ เนื้อหาคัมภีร์เนตติปกรณ์และเปฏโกปเทสน่าจะมีรายละเอียดหรือรูปแบบเนื้อหาแตกต่างจากฉบับดั้งเดิมที่พระมหากัจจายนะรจนาไว้ในครั้งพุทธกาล สำหรับคัมภีร์เปฏโกปเทสยังเป็นที่แพร่หลายในนิกายอื่นอีกด้วย ส่วนเนื้อหา ในกัจจายนไวยากรณ์ โดยมากไม่มีความเกี่ยวข้องกับพระมหากัจจายนะเลย อาจมีความสัมพันธ์กับพระมหากัจจายนะได้เฉพาะกฎไวยากรณ์ข้อแรก หรือแต่งขึ้นในสำนักที่สืบทอดมาจากพระมหากัจจายนะเพียงเท่านั้น</p> ชาคริต แหลมม่วง Copyright (c) 2024 ธรรมธารา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2024-02-08 2024-02-08 10 1 2 46 วิเคราะห์แนวคิดในประเด็น พระพุทธศาสนามหายานมีต้นกำเนิดมาจากนิกายมหาสังฆิกะ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara/article/view/270195 <p>ในประเทศไทยมีความเชื่อว่า มหายานมีต้นกำเนิดมาจากนิกายมหาสังฆิกะ และเมื่อถามถึงที่มาของแนวคิดนี้มักอ้างว่าเพราะทั้งนิกายมหาสังฆิกะและมหายานต่างเป็นอาจริยวาทและไม่เคร่งครัดพระวินัยเหมือนกันโดยไม่มีหลักฐานชั้นปฐมภูมิรับรอง ดังนั้นบทความนี้จึงมุ่งศึกษาประเด็นปัญหาเหล่านี้โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดว่ามหายานมีต้นกำเนิดมาจากนิกายมหาสังฆิ‍กะมาจากสาเหตุอะไร 2) เพื่อศึกษาว่ามหายานมีต้นกำเนิดมาจากนิกายมหาสังฆิ‍กะเพราะเป็นอาจริยวาทและไม่เคร่งครัดพระวินัยเหมือนกัน จริงหรือไม่ โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมจากหลักฐานชั้นปฐมภูมิ อาทิ พระไตรปิฎกบาลีเถรวาทและนิกายอื่น ๆ ที่เป็นภาษาสันสกฤตและจีนโบราณ รวมถึงคัมภีร์ต่าง ๆ ที่สำคัญ และจากหลักฐานชั้นทุติยภูมิ เช่น งานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและต่างประเทศ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า 1) สมมุติฐานเรื่องมหายานมีต้นกำเนิดมาจากนิกายมหาสังฆิกะมาจากสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ (1) ความสอดคล้องกันของแนวคิดเรื่องคุณลักษณะของพระพุทธเจ้าและเรื่องพระโพธิสัตว์ (2) ความเชื่อมโยงกันระหว่างคัมภีร์มหายานยุคต้นและคัมภีร์นิกายมหาสังฆิกะ 2) ทั้งมหายานยุคต้นและนิกายมหาสังฆิกะไม่ได้มีลักษณะของอาจริยวาทและไม่เคร่งครัดพระวินัย ดังนั้นแนวคิดเรื่องมหายานมีต้นกำเนิดมาจากนิกายมหาสังฆิกะไม่ได้มาจากสาเหตุว่าเป็นอาจริยวาทและไม่เคร่งครัดพระวินัยเหมือนกัน</p> พระมหาธัญสัณห์ กิตฺติสาโร Copyright (c) 2024 ธรรมธารา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2024-02-08 2024-02-08 10 1 48 92 แนวทางจัดการเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ตามหลักพุทธบริหาร สำหรับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara/article/view/267502 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารจัดการขยะสำหรับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2) เพื่อศึกษาการจัดการเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ตามหลักพุทธบริหารสำหรับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการจัดการเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ตามหลักพุทธบริหารสำหรับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี โดยการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างประชากร คือ วัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีบุคลากรอยู่ประจำ 25 คนขึ้นไป จำนวน 22 วัด และผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ เจ้าอาวาส พระภิกษุสามเณรและบุคลากร จำนวน 209 ท่าน เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการหาค่าร้อยละ และค่าความถี่ ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้ทำการศึกษาหน่วยงานที่มีแนวปฏิบัติที่ดี (best practices) เป็นต้นแบบในการกำจัดขยะให้เป็นศูนย์อย่างยั่งยืน 3 องค์กร ได้แก่ วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิพุทธฉือจี้ “สมณารามจิ้งซือ” ไต้หวัน เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ ใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบข้อสรุปได้ว่า<br />1. สภาพการบริหารจัดการขยะสำหรับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขยะส่วนใหญ่เป็นขยะรีไซเคิลและขยะย่อยสลายได้ บริหารจัดการด้วยวิธีการคัดแยกแล้วนำขยะที่คัดแยกได้ไปขายหรือให้รถซื้อของเก่ามารับที่วัด ส่วนขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ จะส่งต่อให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปจัดการ สำหรับขยะสดจากเศษอาหารหรือขยะย่อยสลายได้นั้นจะนำไปเลี้ยงสัตว์ ฝังกลบ หรือหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์ใช้บำรุงต้นไม้ในวัดตามความพร้อมของแต่ละวัด</p> <p>2. การจัดการเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ตามหลักพุทธบริหาร ส่วนใหญ่รู้และเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการขยะที่ถูกต้อง มีเพียงบางส่วนที่รู้และเข้าใจไม่ถูกต้องในการจัดการขยะ ส่วนใหญ่ใช้หลัก 3R เป็นวิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะ คือ Recycle หมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ Reuse ใช้ซ้ำ และ Reduce ลดการใช้วัสดุสิ่งของที่ก่อให้เกิดขยะที่ย่อยสลายยาก</p> <p>3. แนวทางการจัดการเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ตามหลักพุทธบริหารสำหรับวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บุคลากรในวัดควรเริ่มจากการใช้ปัจจัย 4 อย่างคุ้มค่า หลักอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ ในการรับรู้ถึงปัญหาเกิดความสกปรก มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ สมุทัย โดยค้นหาปัญหาและสาเหตุของการเกิดขยะในวัด นิโรธ เป็นการกำหนดเป้าหมายปลายทางที่ต้องการให้เกิดขึ้น มรรค หาวิธีการที่เดินไปให้บรรลุเป้าหมาย ส่วนเจ้าอาวาสใช้หลักพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา สำหรับพระภิกษุสามเณรในวัดใช้หลักปาริสุทธิศีล 4 คือ ปาฏิโมกขสังวรศีล อินทรียสังวรศีล อาชีวปริสุทธิศีล ปัจจัย-สันนิสิตศีล กับหลักสัปปายะ 7 คือ อาวาสสัปปายะ โคจรสัปปายะ ภัสสสัปปายะ ปุคคลสัปปายะ โภชนสัปปายะ อุตุสัปปายะ อิริยาปถสัปปายะ ในด้านความเป็นกัลยาณมิตรใช้หลักสังคหวัตถุ 4 คือ ทาน ปิยวาจา อัตจริยา สมานัตตตา ส่วนการปลูกฝังนิสัยคนในวัดใช้หลักอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา สำหรับวิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดขยะให้เป็นศูนย์ในวัดนั้นควรนำหลัก 1A3R มาใช้ คือ Avoid, Recycle, Reuse และ Reduce มุ่งลดการใช้วัสดุสิ่งของที่ย่อยสลายยากด้วยการบูรณาการตามหลักพุทธธรรม</p> พระมหาอภิเชษฐ มุทุจิตฺโต อรทัย มูลคำ Copyright (c) 2024 ธรรมธารา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2024-02-08 2024-02-08 10 1 94 127 การกระจายตัวและการเปลี่ยนแปลงของจำนวนวัดและบุคลากรทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara/article/view/267875 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการกระจายตัวและการเปลี่ยนแปลงของจำนวนวัดในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555-2565 งานวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิ จากเอกสารและจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และสถิติเชิงพื้นที่ สังเคราะห์ข้อมูลโดยใช้แนวคิดการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม แนวคิดการกระจายเชิงพื้นที่ และแนวคิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม แล้วมาสรุปผลเป็นการบรรยายเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ในปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีวัดทั้งหมด 43,471 แห่ง พบมากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่มีวัดมากที่สุด คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 2,215 แห่ง ส่วนจังหวัดที่มีวัดน้อยที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต จำนวน 41 แห่ง โดยจังหวัดที่มีวัดเพิ่มมากที่สุดในช่วงปี พ.ศ. 2555-2565 คือ จังหวัดอุดรธานี มีวัดเพิ่มขึ้น 335 แห่ง ส่วนจำนวนบุคลากรทางพระพุทธศาสนาพบว่าในปี พ.ศ. 2565 มีพระภิกษุและสามเณร จำนวน 288,342 รูป ลดลงจากปี พ.ศ. 2555 ที่มีพระภิกษุและสามเณร จำนวน 355,295 รูป โดยจังหวัดที่มีบุคลากรทางพระพุทธศาสนามากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 18,055 รูป น้อยที่สุด คือ จังหวัดสตูล จำนวน 287 รูป จังหวัดที่มีจำนวนบุคลากรทางพระพุทธศาสนาลดลงส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลงมากที่สุด คือ จังหวัดนครราชสีมา ลดลง 9,175 รูป และจังหวัดที่มีบุคลากรทางพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ จังหวัดหนองคาย เพิ่มขึ้น 501 รูป</p> ศุภฤกษ์ โออินทร์ อริศา จิระศิริโชติ กมลพร อุปการแก้ว Copyright (c) 2024 ธรรมธารา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2024-02-08 2024-02-08 10 1 128 153 การพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ของชุมชนต้นแบบในสังคมไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/dhammadhara/article/view/270092 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดการออกแบบและพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนในเขตเมือง 2) เพื่อพัฒนานวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ของชุมชนต้นแบบโดยมีวัดเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ในยุค 4.0 และ 3) เพื่อประเมินนวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และนำเสนอศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต้นแบบในสังคมไทย การพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ชุมชนเขตเมือง 3 พื้นที่ คือ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต้นแบบ ด้านประวัติศาสตร์ชุมชน ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐาน 4 การวิจัยนี้มีรูปแบบเป็นการวิจัยและพัฒนา และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 20 รูป/คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลร่วมประเมินความพึงพอใจจำนวน 240 รูป/คน ใช้เครื่องมือแบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบประเมินความพอใจ ใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน<br /><br />ผลการศึกษาวิจัยพบว่า<br />1. แนวคิดการออกแบบและพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ชุมชนในเขตเมือง จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ให้แนวคิดการออกแบบพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์บน Google Sites ออกแบบและพัฒนาพื้นที่เรียนรู้นวัตกรรมชุดความรู้ จำนวน 3 ศูนย์ คือ 1) ศูนย์การเรียนประวัติศาสตร์ชุมชน วัดสวนดอก พระอารามหลวง พัฒนานวัตกรรมชุดความรู้เชิงสร้างสรรค์จำนวน 7 ชุด คือ (1) ประวัติวัดสวนดอก (2) พระบรมธาตุเจดีย์ (3) พระวิหารหลวง (4) พระอุโบสถพระเจ้าเก้าตื้อ (5) กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ (6) อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย (7) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2) ศูนย์การเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง พัฒนานวัตกรรมชุดความรู้จำนวน 10 ชุด คือ (1) ประวัติวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง (2) พระบรมธาตุเจดีย์เจ็ดยอด (3) พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าติโลกราช (4) สัตตมหาสถานทั้ง 7 แหล่งเรียนรู้สำคัญตามรอยพระพุทธศาสนา 3) ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต้นแบบด้านการปฏิบัติธรรม วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) พัฒนานวัตกรรมชุดความรู้จำนวน 9 ชุด คือ (1) ประวัติวัดร่ำเปิง (2) อุโบสถ (3) วิหารลายคำ (4) การปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐาน 4 (5) สถานที่ขึ้น-ลาพระกรรมฐาน (6) กุฏิเจ้าอาวาส สถานที่สอบและส่งอารมณ์กรรมฐาน<br /><br />2. การพัฒนาพื้นที่และนวัตกรรมชุดความรู้เชิงสร้างสรรค์ บนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรม Google Sites บรรจุชุดความรู้แบบ E-Book เรียนรู้จากการสแกน QR-Code ผลการศึกษา ได้พื้นที่และนวัตกรรมชุดความรู้เชิงสร้างสรรค์ต้นแบบในชุมชนเมือง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมแห่งการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์<br /><br />3. ผลการประเมินความพร้อม การบริการ การให้ความรู้ ของพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบด้านประวัติศาสตร์ชุมชน อยู่ในระดับดี คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.25 พื้นที่ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา อยู่ในระดับดี คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.20 พื้นที่การปฏิบัติธรรม อยู่ในระดับดี คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.19 จึงนำเสนอศูนย์เรียนรู้และนวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ต้นแบบในชุมชนเมือง</p> <p> </p> <p> </p> <p> </p> พระครูพิลาสธรรมากร (ณัฐพล ประชุณหะ) เดชา ตาละนึก พัลลภ หารุคำจา Copyright (c) 2024 ธรรมธารา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2024-02-08 2024-02-08 10 1 154 190