วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ <p>วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา จัดพิมพ์โดยศูนย์การเมือง สังคม เเละอาณาบริเวณศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและกลุ่มประเทศอาเซียน ในยามที่กลุ่มกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น มีหลากหลายมิติในเชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary) ครอบคลุมทางด้านการเมือง ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ ปรัชญา สังคม กฎหมาย อัตลักษณ์ด้าน ศาสนา ชาติพันธุ์ การสื่อสาร ภาษา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณกรรม ชุมชน ท้องถิ่น สิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการ และธรรมาภิบาล เป็นต้น ทั้งนี้ การตีพิมพ์กับวารสารเอเชียตะวันออกเเละอาเซียนศึกษาได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมหาวิทยาลัยรามคำเเหง จึงไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายกับผู้เขียน</p> <p>ISSN : 3056-9567 (Print)</p> <p>ISSN : 3056-9575 (Online)</p> ศูนย์การเมือง สังคมและอาณาบริเวณศึกษา th-TH วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา 1686-378X <p>บทความที่ตีพิมพ์ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทัศนะและข้อคิดเห็นจาก บทความในวารสารเป็นของผู้เขียน ไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของคณะผู้จัดทำและศูนย์การเมือง สังคม และอาณาบริเวณศึกษา การนำบทความในวารสารไปตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตจาก กองบรรณาธิการ</p> ชาตินิยมจีนกับข้อพิพาทหมู่เกาะเตียวหยู/เซ็งกากุในสมัยสี จิ้นผิง https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/278669 <p>ปัจจุบันจีนได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มีลักษณะเชิงรุกและมั่นใจมากขึ้นในประเด็นอาณาเขต ซึ่งนักวิชาการจำนวนมากมองว่าเป็นผลจากกระแสชาตินิยมที่ทวีความเข้มข้นขึ้น บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทำงานของชาตินิยมจีนและผลกระทบที่มีต่อนโยบายและพฤติกรรมของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในกรณีข้อพิพาทหมู่เกาะเตียวหยู/เซ็งกากุ ผู้เขียนใช้กรอบแนวคิดสัจนิยมคลาสสิกใหม่ โดยถือชาตินิยมเป็นตัวแปรภายในประเทศ และนำมาวิเคราะห์นโยบายของจีนภายใต้บริบทที่แตกต่างกัน ผลการศึกษาพบว่า แรงกดดันจากกระแสชาตินิยมมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้จีนดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่อประเด็นหมู่เกาะเตียวหยู อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของชาตินิยมยังคงถูกจำกัดโดยปัจจัยเชิงโครงสร้างและบริบทภายในประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลภายใต้การนำของสี จิ้นผิงมิได้ดำเนินนโยบายชาตินิยมอย่างสุดโต่ง หากแต่แสดงให้เห็นถึงความพยายามสร้างสมดุลระหว่างการตอบสนองต่อแรงกดดันจากกระแสชาตินิยมภายในประเทศกับการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บทความนี้ได้นำเสนอกรอบการวิเคราะห์ที่ช่วยให้เข้าใจพลวัตของปฏิสัมพันธ์ระหว่างชาตินิยมกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างเป็นระบบ</p> จิงยี่ เหริน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 1 23 The current situation of social inequality in China https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/276689 <p>This article focuses on studying and analyzing the issue of inequality in China across various dimensions, including society, education, income, employment, access to public health services, technology, economy, and politics. It highlights the causes of inequality, such as the unbalanced economic development between urban and rural areas, disparities in education and income, and challenges arising from policies like the One-Child Policy and the household registration system (Hukou). The article also discusses the Chinese government's efforts to reduce inequality through economic and social policy reforms, particularly the 14th Five-Year Plan and the "Common Prosperity" policy, which emphasize income redistribution, infrastructure development, and improving the quality of life for rural populations. <br />The analysis reveals that despite China's tremendous economic success over the past decades, inequality remains a significant issue that impacts the stability and sustainability of Chinese society in the long term. The author suggests that a development approach focusing <br />on quality over quantity, along with establishing balanced support systems between urban and rural areas, could help reduce inequality and foster social stability in the future.</p> Krongchan Chantharaphaha ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 24 40 นโยบายด้านสื่อของรัฐบาลจีนในประเทศไทย: กรณีศึกษาเครือมติชน-ข่าวสดกับสำนักข่าวซินหัว https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/276794 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษานโยบายด้านสื่อของรัฐบาลจีนในประเทศไทยและศึกษาความร่วมมือด้านสื่อระหว่างเครือมติชน-ข่าวสดกับสำนักข่าวซินหัว โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เอกสารและการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่สื่อมวลชนจากเครือมติชน-ข่าวสด ผลการศึกษาพบว่า รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนนโยบายด้านสื่อในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของชาติ จึงทำให้สื่อมวลชนจีนมีบทบาททางการทูตสาธารณะในการดำเนินนโยบายด้านสื่อดังกล่าว โดยรัฐบาลจีนได้ส่งเสริมให้สื่อมวลชนจีนเข้าไปส่วนร่วมในพื้นที่สื่อไทยผ่านการสร้างความร่วมมือด้านสื่อกับสื่อมวลชนไทยหลากหลายรูปแบบ</p> <p> กรณีศึกษาที่น่าสนใจ ได้แก่ เครือมติชน-ข่าวสดกับสำนักข่าวซินหัวที่ปรากฏความร่วมมือด้านสื่อมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งอธิบายได้ด้วยแนวคิดเรื่องสื่อและนโยบายต่างประเทศ อันแสดงให้เห็นว่าความร่วมมือด้านสื่อระหว่างเครือมติชน-ข่าวสดกับสำนักข่าวซินหัวนั้นเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสื่อมวลชนไทยและรัฐบาลจีนในการกำหนดวาระความสำคัญของข่าวเกี่ยวกับประเทศจีน โดยเฉพาะการนำเสนอเนื้อหาด้านสังคมและวัฒนธรรมจีนที่รัฐบาลจีนมุ่งเน้นส่งเสริมและเครือมติชน-ข่าวสดนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน</p> ธนพร ช่วยเจริญ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 41 57 การศึกษาความพร้อมของเทศบาลนครตรังสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/279154 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความพร้อมของเทศบาลนครตรังในการขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่มกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้เชี่ยวชาญ ผลการศึกษาพบว่า เทศบาลนครตรังยังขาดความพร้อม ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากโครงการที่ล่าช้าหรือหยุดชะงัก การจัดการข้อมูลเมืองที่ยังไม่เป็นระบบ ข้อจำกัดด้านทัศนคติของผู้บริหาร บุคลากร และประชาชนในการใช้เทคโนโลยี และการขาดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการพัฒนาเมือง คณะผู้วิจัยจึงเสนอแผนพัฒนา 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน การพัฒนาทักษะบุคลากรและระบบข้อมูล ระยะกลาง การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ และ ระยะยาว การส่งเสริมนวัตกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเทศบาลตรังไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน</p> ขนิษฐา สุขสง สิริวิท อิสโร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 58 79 นโยบายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2562 – 2567 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/279415 <p>ดุษฎีนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) นโยบายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2562-2567 (2) ปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินนโยบาย และ (3) แนวทางการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาของนโยบาย โดยใช้กรอบแนวคิดการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติ แนวคิดการคลังสาธารณะ และการกระจายอำนาจทางการคลัง รวมถึงแนวคิดภาษีทรัพย์สิน และใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ<br />ผลการศึกษาพบว่า (1) เป็นนโยบายอัตราภาษีแบบก้าวหน้า เปลี่ยนผ่านจากนโยบายภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่มาเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างภายใต้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและ<br />สิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 โดยใช้หลักการเก็บภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน และประเภทการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้ท้องถิ่น เพิ่มความโปร่งใส ความเป็นธรรม กระจายอำนาจทางการคลัง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากที่ดิน และ ลดการถือครองทรัพย์สินที่เกินความจำเป็น นโยบายนี้เป็นมาตรการกระตุ้นการใช้ที่ดินโดยเฉพาะการเก็บภาษีที่ดินรกร้างในอัตราสูงช่วยกระตุ้นการนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ (2) การดำเนินนโยบายในช่วงเริ่มต้เกิดปัญหาและอุปสรรคสำคัญ ประกอบด้วย ความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมาย การขาดความพร้อมของบุคลากร และการจัดเก็บข้อมูลทรัพย์สินที่ไม่สมบูรณ์ <br />การหลีกเลี่ยงภาษีจากช่องว่างทางกฎหมาย และการกำหนดอัตราภาษีที่ไม่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ ช่องว่างในการจัดเก็บภาษี ได้แก่ การไม่รวมมูลค่าทรัพย์สินทุกแปลงในการคำนวณภาษีแบบขั้นบันได <br />การบังคับใช้นโยบายในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการแก้ไขคือใช้มาตรการลดภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน (3) แนวทางแก้ไข กรุงเทพมหานครสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายผ่านการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลและการบริหารจัดการภายใน ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการจัดเก็บภาษี การมอบรางวัล<br />เพื่อสร้างแรงจูงใจ และการกำหนดอัตราภาษีที่เหมาะสมตามลักษณะการใช้ที่ดิน ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ได้แก่ การปรับเพิ่มอัตราภาษีในพื้นที่ธุรกิจที่มีศักยภาพในการจ่ายสูง ลดมูลค่าทรัพย์สินขั้นต่ำเพื่อครอบคลุมผู้เสียภาษีมากขึ้น รวมถึงการนำหลักการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้บริจาคให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนการจัดเก็บภาษีในระยะยาว ทั้งนี้นโยบายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของกรุงเทพมหานครเป็นก้าวสำคัญของการปฏิรูประบบภาษีทรัพย์สินในประเทศไทย แม้ว่าจะมีความท้าทายและข้อจำกัดในระยะเริ่มต้น แต่การปรับปรุงในเชิงโครงสร้างและการจัดการสามารถช่วยเสริมสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจในระยะยาว</p> มนตรี บุญญาพงษ์พันธ์ เกรียงชัย ปึงประวัติ ณัฐพงศ์ บุญเหลือ นิพนธ์ โซะเฮง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 80 96 การอภิบาลโลกผ่านดัชนีชี้วัด: กรณีศึกษาสภาพการณ์ ความเสื่อมถอย และแนวทางการพัฒนาหลักนิติธรรมและการกำกับดูแลที่ดีในประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/276998 <p>บทความวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์คือ การศึกษาหาสภาพการณ์หลักนิติธรรม (Rule of Law) และการกำกับดูแลที่ดี (Good Governance) จากการกระบวนการโลกาภิบาลของสถาบันต่างประเทศที่ทำหน้าที่วัดผลและกำหนด ‘ดัชนีชี้วัด’ ที่นำไปการรับรู้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน และการพัฒนาหลักนิติธรรมและการกำกับดูแลที่ดีในประเทศไทย ผลการวิจัยพบว่า โครงการยุติธรรมโลก (World Justice Project) ได้รายงานว่าคะแนนนิติธรรมของไทยมีแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่องกอปรกับเมื่อพิจารณาในรายละเอียดพบว่า 7 ใน 8 ตัวชี้วัดมีคะแนนที่ลดลง โดยปัญหาที่ทำให้หลักนิติธรรมและการกำกับที่ดีถดถอยจากปัญหาการเข้าถึงและการจัดการข้อมูล ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการจำกัดอำนาจภาครัฐ ปัญหาด้านกฎหมายและการปรับตัวของภาครัฐ ปัญหาการตรวจสอบและการป้องกันกาทุจริต และปัญหาบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรของภาครัฐ ทั้งนี้ เพื่อหลักนิติธรรมและการกำกับดูแลที่ดีในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องพัฒนา ประการแรกคือ เครื่องมือทางนโยบายของภาครัฐคือ การพัฒนาภาครัฐระบบเปิด นวัตกรรมภาครัฐ ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินและผลประโยชน์ ความโปร่งใสของการเป็นเจ้าของผลประโยชน์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมทางภาษี และ ประการที่สองคือ บทบาทการกำกับดูแลของสถาบันภาครัฐ ได้แก่ การทำหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐเพื่อปราบปรามการทุจริต สถาบันภาครัฐที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทางการเงิน และ การทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม</p> ณัฐกร คล้ายสุบิน มาริษา กองเงิน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 97 141 การจัดการสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในบริบททางการเมืองในประเทศไทย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/276067 <p>การจัดการสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในบริบททางการเมืองนั้นมีหลักการสำคัญในการจัดการสภาวะวิกฤตที่ได้ผลคือ “การสื่อสารทางการเมือง” ซึ่งในห้วงที่เกิดเหตุการณ์สำคัญนั้นการเข้าควบคุมสถานการณ์ได้รวดเร็วและเกิดการสูญเสียน้อยที่สุดเท่านั้นที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องตระหนักถึงให้มากที่สุด การนำแนวคิดวิกฤตการณ์ (Crisis) เข้ามาเป็นกรอบในการจัดการกับภาวะวิกฤติต้องดำเนินการ<br />ทุกขั้นตอนอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น การควบคุมศักภาพของวิกฤตการณ์ (Crisis) การเตรียมเข้าสู่<br />การจัดการวางแผนยุทธศาสตร์ การยอมรับในวิกฤตการณ์ (Crisis) ที่เกิดขึ้น บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวคิดการจัดการสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในบริบททางการเมืองในประเทศไทย ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการสภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในบริบททางการเมืองในการดำเนินการควบคุมปัญหา แก้ไขวิกฤติ และการนำเอาวิกฤติเป็นโอกาส เพื่อฟื้นฟูความเสียหายและเรียกคืนความศัทธา<br />ต่อสถาบันเพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสาธารณะชนและรักษาความศรัทธาที่มีต่อสถาบันไว้ให้ได้ </p> เอกรินทร์ ศิโรรัตนชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 142 157 แนวทางการส่งเสริมคุณภาพการใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaID ของประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/278518 <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมคุณภาพการใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaID ของประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอโพธาราม จำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ ความแปรปรวนทางเดียว และการถดถอยพหุคูณ การวิจัยเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 12 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า คุณภาพการใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaID อยู่ในระดับมาก และประชาชนที่มีลักษณะส่วนบุคคลแตกต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณภาพการใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaID แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนปัจจัย การยอมรับเทคโนโลยีส่งผลต่อคุณภาพการใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaID อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และแนวทางการส่งเสริมคุณภาพการใช้บริการแอปพลิเคชัน ThaID พบว่าควรมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน ThaID ให้ตรงกับการใช้งานของประชาชน</p> ขวัญแก้ว เจตเขตกัณฑ์ สุชาต อดุลยบุตร บำเพ็ญ ไมตรีโสภณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 158 172 ส่วนหน้า https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/282038 wannida promnimit ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 i xvii แนวทางการพิจารณาและการส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารเอเชียตะวันออก เเละอาเซียนศึกษาของศูนย์การเมือง สังคมและอาณาบริเวณศึกษา https://so01.tci-thaijo.org/index.php/eascramJ/article/view/282039 wannida promnimit ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-28 2025-06-28 25 1 173 188