https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/issue/feed e-Journal of Education Studies, Burapha University 2024-03-31T23:59:23+07:00 อาจารย์ ดร.คงรัฐ นวลแปง [email protected] Open Journal Systems <p>วารสาร e-Journal of Education Studies, Burapha University ISSN: 2697-3863 (Online)<span lang="TH"> จะพิจารณาเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัย ที่มีสาระเกี่ยวเนื่องกับการศึกษา การบริหารการศึกษา นวัตกรรมหลักสูตร นวัตกรรมการเรียนรู้ การศึกษาปฐมวัย การวิจัยการศึกษา นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา และการวัดและประเมินผลการศึกษา</span></p> https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/article/view/273254 ส่วนนำ 2024-03-31T23:50:28+07:00 คงรัฐ นวลแปง [email protected] 2024-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/article/view/269534 การดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 2024-01-13T01:14:33+07:00 จุฬาลักษณ์ อักษร [email protected] ชาญชัย วงศ์สิรสวัสดิ์ [email protected] อรสา จรูญธรรม [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับการดำเนินงาน การประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำแนกตาม ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำนวน 400 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสุ่มของทาโร ยามาเน่ (Yamane, 1973) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ของ Likert (1967) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการทดสอบที (<em>t</em> - test)</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ในรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด 2 ด้าน คือ ด้านการกำหนดมาตรฐาน และด้านการดำเนินการตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ส่วนอีก 5 ด้าน อยู่ในระดับมาก 2) เปรียบเทียบระดับการดำเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดของโรงเรียน พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดโรงเรียนต่างกัน มีความคิดเห็นต่อระดับการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ไม่แตกต่างกัน</p> 2024-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 e-Journal of Education Studies, Burapha University https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/article/view/272282 ปัจจัยเชิงสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างงานกับการศึกษาและภาวะความท้อแท้ ในการเรียนของผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษา 2024-03-19T10:36:45+07:00 ศิริปรียา ใจบุญมา [email protected] กนิษฐ์ ศรีเคลือบ [email protected] สิวะโชติ ศรีสุทธิยากร [email protected] <p>การศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา นิสิตส่วนมากมีบทบาททั้งการทำงานและการเรียน จึงต้องจัดการต่อความรับผิดชอบทั้งบทบาทในการทำงานและบทบาทในการเรียน แต่หากการบริหารจัดการไม่ประสบความสำเร็จ นิสิตอาจเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างงานกับการศึกษา และเกิดภาวะความท้อแท้ในการเรียนได้ ดังนั้นในการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อภาวะ ความท้อแท้ในการเรียนของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา โดยมีความขัดแย้งระหว่างงานกับการศึกษาเป็นปัจจัยส่งผ่าน ตัวอย่างวิจัยสำหรับการศึกษาครั้งนี้ เป็นนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาจำนวน 160 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธี online survey โดยใช้แบบประเมินค่า 5 ระดับ สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างงานกับการศึกษาและภาวะความท้อแท้ในการเรียน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์โมเดลสมการเชิงโครงสร้าง ด้วยโปรแกรม Mplus 8.10 ผลการวิจัยพบว่า โมเดลความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ส่งผลต่อภาวะความท้อแท้ในการเรียน โดยมีความขัดแย้งระหว่างงานกับการศึกษาเป็นตัวแปรส่งผ่าน มีความลอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (Chi-square(121, <em>N</em> = 160) = 232.818, <em>p</em> &lt; .01, 𝜒<sup>2</sup>/df = 1.924, RMSEA = .076, SRMR = .119, CFI = .906, TLI = .884) โดยภาวะความท้อแท้ในการเรียน ได้รับอิทธิพลทางตรงจากความขัดแย้งระหว่างงานกับการศึกษา และได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากทรัพยากรในการทำงานและความต้องการของการศึกษา</p> 2024-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 e-Journal of Education Studies, Burapha University https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/article/view/270240 แรงจูงใจในการเลือกเล่นกรีฑาของนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี 2024-03-28T16:49:01+07:00 มุรธา นามพลกรัง [email protected] <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการเลือกเล่นกรีฑาของนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง ผู้ให้ข้อมูลหลักเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษารวม 31 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสังเกต การสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง การเขียนแผนที่ความคิด และการบรรยายเหตุการณ์สำคัญ วิเคราะห์ข้อมูลแบบอุปนัยด้วยวิธีการเปรียบเทียบความคงที่ของข้อมูล ตรวจสอบความเชื่อถือได้ของข้อมูลโดยวิธีสามเส้า ผลการศึกษาแบ่งได้ 2 หัวข้อ โดยหัวข้อแรกคือ แรงจูงใจภายในในการเลือกเล่นกรีฑาของนักเรียน ประกอบด้วย 1.1) ชื่นชอบและมีเจตคติที่ดีต่อการวิ่ง 1.2) มีเป้าหมายที่จะเป็นนักกีฬาที่มีผลงาน 1.3) ต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และ 1.4) มีนักกรีฑาที่ดีเป็นต้นแบบ ส่วนหัวข้อที่สองคือ แรงจูงใจภายนอกในการเลือกเล่นกรีฑาของนักเรียน ประกอบด้วย 2.1) มีเพื่อนชักชวนให้เข้าร่วมฝึกซ้อมกรีฑา 2.2) มีอาจารย์ชักชวนให้เข้าร่วมฝึกซ้อมกรีฑา 2.3) บรรยากาศในชมรมกรีฑาอบอุ่นเหมือนครอบครัว และ 2.4) สนุกกับการฝึกซ้อมกรีฑา</p> 2024-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 e-Journal of Education Studies, Burapha University https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/article/view/271733 The Design and Development of the Training Program of Private Schools in Pattaya City 2024-03-20T16:59:33+07:00 Paratchanun Charoenarpornwattana [email protected] Phairin Phairin [email protected] Jindapa Leeniwa [email protected] <p>The objective of this study was to present guidelines for designing and developing a training program of private schools in Pattaya City. A qualitative approach was employed, utilizing semi-structured interviews with 22 participants who work in 5 private schools in Pattaya City. These participants included school license holders, school principals, vice school principals, assistant school principals, heads of department, and officers. The finding revealed that private schools in Pattaya City consider 8 key themes when designing and developing their training program 1. Training courses and activities; 2. Training methods; 3. Trainer; 4. Trainees; 5. Training materials; 6. Training period; 7. Training venue; and 8. Training budget.</p> 2024-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 e-Journal of Education Studies, Burapha University https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejes/article/view/273250 สารบัญ 2024-03-31T22:33:56+07:00 คงรัฐ นวลแปง [email protected] 2024-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024