วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr
<p> คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จัดทำวารสารขึ้นเพื่อเผยแพร่บทความวิจัย บทความทางวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยจำแนกตามกลุ่ม ดังต่อไปนี้ </p> <p> - ภาษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์</p> <p> - ศิลปกรรม ดนตรี และนาฏศิลป์</p> <p> - ปรัชญาและศาสนา</p> <p> - การเมืองการปกครอง การพัฒนาชุมชน และกฎหมาย</p> <p> - สหวิทยาการจัดการเรียนรู้</p> <p> - สารสนเทศศาสตร์ ภูมิศาสตร์และภูมิสารสนเทศ</p> <p> วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ตีพิมพ์ฉบับแรก เมื่อปี พ.ศ.2562 เป็นวารสารฉบับตีพิมพ์แบบรูปเล่ม ISSN 2730-2873 (Print) และพัฒนาเป็นรูปแบบวารสารอิเล็กทรอนิกส์ (Online) ISSN 2822-0234 (Online) ทั้งนี้เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อค้นพบ ข้อคิดเห็นทางวิชาการ และวิจัยแก่นักวิชาการ อาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย ตลอดจนบุคคลทั่วไป ทั้งชาวไทย และต่างประเทศที่มีความสนใจทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</p> <p> ซึ่งวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ได้รับการรับรองคุณภาพ ตามประกาศผลการประเมินคุณภาพวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre: TCI) รอบที่ 5 <br />จัดอยู่ใน <strong>วารสารกลุ่มที่ 2</strong> โดยรับรองคุณภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572</p> <p> ปัจจุบันวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้รับทุนสนับสนุนจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จึง<em>ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์บทความ <br /></em></p>
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
th-TH
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
2730-2873
<p><strong>* กองบรรณาธิการทรงไว้ซึ่งสิทธิในการพิจารณาและตัดสินการลงตีพิมพ์ในวารสาร </strong><br /><strong>** ทัศนะและข้อคิดเห็นที่ปรากฎในบทความต่าง ๆ ของวารสารเป็นของผู้เขียน มิใช่ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ </strong><br /><strong> และมิใช่ความรับผิดชอบของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่</strong></p>
-
บทบรรณาธิการ
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/240624
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กิตติพงษ์ วงศ์ทิพย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2019
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
1
2
-
การบูรณาการศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาประเทศ
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/275457
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดศาสตร์พระราชาและการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ และชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการประยุกต์ใช้ศาสตร์พระราชา โดยใช้วิธีการศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศและศาสตร์พระราชา ผลการศึกษาพบว่า ศาสตร์พระราชา หมายถึง องค์ความรู้สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงศึกษา สั่งสม พัฒนา เพื่อการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสงบสุขแบ่งออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ ศาสตร์แห่งการพัฒนา ศาสตร์แห่งความประพฤติ และศาสตร์แห่งการอยู่ร่วมกัน มีการบูรณาการศาสตร์พระราชาไปใช้ในการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาการศึกษา การพัฒนาที่เน้นการพึ่งพาตนเอง การประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับปัจเจกไปจนถึงระดับประเทศ การพัฒนาสุขภาวะของคนและการพัฒนาคนยากไร้ด้อยโอกาสในสังคม นอกจากนี้ ศาสตร์พระราชายังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติได้อีกด้วย</p>
ปลินดา ระมิงค์วงศ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
83
99
-
ปัจจัยที่ส่งผลให้อาหารญี่ปุ่นก้าวสู่มรดกโลก
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/276800
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้อาหารญี่ปุ่นขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2556 ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยแรกคือ การดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของชาวญี่ปุ่นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนให้อาหารญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักทั่วโลก ชาวญี่ปุ่นมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอาหารที่ได้รับจากตะวันตกกลายเป็นอาหารญี่ปุ่นซึ่งชาวญี่ปุ่นและผู้คนทั่วโลกสามารถสัมผัสได้ ปัจจัยที่ 2 การดำเนินงานระหว่างประชาชนและภาครัฐทำให้อาหารและวัฒนธรรมการรับประทานอาหารญี่ปุ่นในท้องถิ่นเป็นอาหารที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น การให้ความสำคัญ ปลูกฝังความรู้ด้านโภชนาการอาหารและวัฒนธรรมการรับประทานอาหารญี่ปุ่น โดยครอบครัวและโรงเรียนช่วยกันปลูกฝังเรื่องโภชนาการให้แก่นักเรียนเพื่อให้เห็นความสำคัญของอาหารและวัฒนธรรมการรับประทานอาหารญี่ปุ่นเพื่อดำรงรักษาอาหารญี่ปุ่นให้อยู่คู่สังคมญี่ปุ่นตลอดไป</p>
วทัญญู ศรีอุทัย
อุรพล แดนโพธิ์
ศศิธร ศรีรัตน์
สุดารัตน์ สมบัติ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
100
116
-
วาทกรรมความรักชาติในกวีนิพนธ์ของประธานเหมา เจ๋อตุง
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/277449
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวาทกรรมความรักชาติในกวีนิพนธ์ของประธานเหมา เจ๋อตุง งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) และดำเนินการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary research) โดยศึกษาบทกวี จำนวน 34 เรื่องจากหนังสือ <em>กาพย์กลอนเหมาเจ๋อตุง</em> ซึ่งเป็นหนังสือแปลบทประพันธ์กาพย์กลอนภาษาจีนของประธานเหมา เจ๋อตุง ที่พยายามรักษาเนื้อหาให้ใกล้เคียงกับภาษาจีนมากที่สุด โดยใช้ฉันทลักษณ์ของไทย ผลการวิจัยพบว่า วาทกรรมความรักชาติในกวีนิพนธ์ของประธานเหมา เจ๋อตุง สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) วาทกรรมเชิดชูจิตวิญญาณความเป็นจีน โดยเน้นย้ำถึงความเป็นจีนในรูปแบบภูมิทัศน์ทางธรรมชาติและ ในรูปแบบภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม 2) วาทกรรมปลุกเร้าขวัญกำลังใจ โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการเผชิญกับอุปสรรคหรือสถานการณ์ท้าทาย และ 3) วาทกรรมปลูกฝังคุณลักษณะของนักรบ โดยเน้นย้ำถึงความสามัคคีและความเข้มแข็งอดทน ทั้งนี้แต่ละประเภทสะท้อนให้เห็นถึงสัญลักษณ์และค่านิยมที่สำคัญของชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความรู้สึกรักชาติและความภาคภูมิใจในสังคมจีน ผลงานกวีนิพนธ์ของประธานเหมา เจ๋อตุง จึงมิใช่เพียงงานศิลป์เชิงวรรณกรรม แต่ยังเป็นอนุสรณ์แห่งจิตวิญญาณรักชาติที่คู่ควรแก่การยกย่องอย่างสูง</p>
ZHONG ZHENG
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
3
19
-
การพัฒนาสมรรถนะความเป็นพลเมืองตื่นรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐานร่วมกับเกมมิฟิเคชันของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/277981
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสมรรถนะความเป็นพลเมืองตื่นรู้ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษาของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐานร่วมกับเกมมิฟิเคชัน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 34 คน ใช้วิธีคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 5 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบสังเกตการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน 4) แบบทดสอบสมรรถนะความเป็นพลเมืองตื่นรู้ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการบรรยายเชิงพรรณา ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีสมรรถนะความเป็นพลเมืองตื่นรู้เป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 70 2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ในระดับมากที่สุด (x̅ = 4.58, S.D. = 0.69) สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐานร่วมกับเกมมิฟิเคชัน สามารถส่งเสริมสมรรถนะความเป็นพลเมืองตื่นรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างยั่งยืน</p>
สรายุธ รัศมี
ภูมินทร์ เกณสาคู
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
20
39
-
การศึกษาข้อผิดพลาดในการอ่านอักษรพ้องรูปของนักศึกษาชั้นปีที่ 1-3 สาขาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/278297
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะและสาเหตุของข้อผิดพลาดในการอ่านอักษรพ้องรูปของนักศึกษาชั้นปีที่ 1–3 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1-3 สาขาภาษาจีน คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ จำนวน 213 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1–3 สาขาวิชาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำนวน 90 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยคัดเลือกนักศึกษาที่ผ่านการสอบวัดระดับภาษาจีน HSK ในแต่ละชั้นปี จำนวนชั้นปีละ 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบการอ่านอักษรพ้องรูปภาษาจีน จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะของข้อผิดพลาดที่พบมากที่สุด คือ ข้อผิดพลาดในระดับคำ รองลงมา คือ ระดับประโยค และระดับวลี ตามลำดับ ขณะที่สาเหตุของข้อผิดพลาดสามารถจำแนกได้ 6 สาเหตุ ได้แก่ 1) ความรู้ที่มีในอักษรพ้องรูปไม่เพียงพอ 2) การอ่านเป็นคำอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับอักษรพ้องรูป 3) การจดจำคำศัพท์ที่ไม่แม่นยำ 4) ความสับสนของเสียงอ่านอักษรพ้องรูป 5) ความถี่ในการ พบเจออักษรพ้องรูปในชีวิตประจำวัน และ 6) การอ่านอย่างเร่งรีบโดยไม่สังเกตบริบท</p>
นิรวิทย์ สิ่งประสงค์
สิตานัน จันทนา
ฐิติวรรณ ชีววิภาส
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
40
62
-
การพัฒนาบทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ KPRU MOOC ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ความฉลาดรู้ทางดิจิทัล สารสนเทศ และสื่อ สำหรับนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/husocjr/article/view/279500
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ความฉลาดรู้ทางดิจิทัล สารสนเทศ และสื่อ สำหรับนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร 2) ศึกษาผลการจัดการเรียนการสอนด้วยบทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชา ความฉลาดรู้ทางดิจิทัลสารสนเทศ และสื่อ ในภาคเรียนที่ 1/2567 โดยการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 1 หมู่เรียน ได้แก่ นักศึกษาโปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัยชั้นปีที่ 1 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) บทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การหาค่าประสิทธิภาพ (E<sub>1</sub>/E<sub>2</sub>) ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มีประสิทธิภาพ 80.90/81.80 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) นักศึกษาที่เรียนด้วยบทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และ 3) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อบทเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยภาพรวมแต่ละด้านอยู่ในระดับมาก <em>(</em>= 3.92, S.D. = 0.07) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ ด้านสื่อมัลติมีเดีย รองลงมาคือ ด้านการใช้งานบทเรียน ด้านองค์ประกอบของบทเรียน และด้านการนำเสนอเนื้อหา ตามลำดับ</p>
อรุณลักษณ์ รัตนพันธุ์
นารถนรี เฟื่องอิ่ม
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-30
2025-06-30
7 1
63
82