วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

แบบเรียนภาษาไทยสำหรับผู้เรียนชาวจีน

กฤษณา สมบัติ — Wed, 03 Jul 2024 00:00:00 +0700

บทบรรณาธิการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กิตติพงษ์ วงศ์ทิพย์ — Fri, 12 Jul 2024 00:00:00 +0700

การคร่ำครวญถึง นาง ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรกับพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ปรากฏในกาพย์เห่เรือ

ณัฐวุฒิ คล้ายสุวรรณ — Sun, 30 Jun 2024 00:00:00 +0700

บทความวิชาการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาการคร่ำครวญถึงนางของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ปรากฏในกาพย์เห่เรือ โดยเน้นศึกษาเรื่องลักษณะร่วม และลักษณะเฉพาะ ผลการศึกษาด้านลักษณะร่วมพบว่า กาพย์เห่เรือทั้งสองสำนวน มีลักษณะร่วมกัน 8 ประการ ได้แก่ 1) กวีคร่ำครวญถึง นาง โดยใช้รูปแบบคำประพันธ์ชนิดเดียวกัน 2) กวีคร่ำครวญถึง นาง ด้วยการอ้างความทุกข์ที่ต้องพลัดพรากจากนาง 3) กวีคร่ำครวญถึง นาง โดยการอ้างตัวละครในวรรณคดี 4) กวีคร่ำครวญถึง นาง โดยการชมว่างามจนไม่มีนางใดเทียม 5) กวีคร่ำครวญถึง นาง โดยนำอารมณ์และความรู้สึกไปสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อแสดงความคิดถึง 6) กวีคร่ำครวญถึง นาง โดยการอ้างประสบการณ์ร่วม 7) กวีคร่ำครวญถึง นาง ด้วยการใช้ถ้อยคำที่แสดงให้เห็นรูปร่างของนางอันเป็นที่รัก 8) กวีคร่ำครวญถึง นาง โดยใช้เวลา วัน เดือน ปี เป็นสื่อแสดงความคิดถึง สำหรับผลการศึกษาด้านลักษณะเฉพาะพบว่ากาพย์เห่เรือพระนิพนธ์ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรนำตัวละครในวรรณคดี คือ พญาครุฑกับนางกากีมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่อง ทำให้เนื้อเรื่องเกิดความโดดเด่นในด้านการสะท้อนชีวิตส่วนพระองค์ ส่วนพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงนำประเพณีในศาสนาอิสลามมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่อง ทำให้เนื้อเรื่องโดดเด่นในด้านการสะท้อนภาพทางสังคมที่กวีอาศัย

การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายประกอบการแสดงละครไซอิ๋ว ตอนศึกนางพญาแมงมุม

ภัทรศิลป์ สุกัญศีล — Sun, 30 Jun 2024 00:00:00 +0700

บทความวิชาการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาการออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายประกอบการแสดงละครไซอิ๋ว ตอนศึกนางพญาแมงมุม ซึ่งเป็นการวิจัยสร้างสรรค์ละครข้ามวัฒนธรรม เรื่อง ไซอิ๋ว ของไกรลาส จิตร์กุล และคณะ โดยมีแนวคิดในการสร้างสรรค์ดังนี้ 1) ใช้สัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่แฝงอยู่ในวรรณกรรมเรื่องไซอิ๋วในการจัดทำฉากและเครื่องแต่งกาย 2) ใช้สัญลักษณ์ทางศิลปะจีน ลงในการออกแบบฉากและการออกแบบเครื่องแต่งกาย ผลการศึกษาพบว่า ผู้เขียนได้กำหนดทิศทางการออกแบบโดยการใช้สัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมจีน เพื่อสร้างองค์ประกอบภาพของการแสดงละครไทยร่วมสมัย

The Impact of Mobile-Assisted Language Learning: Push and Pull Mechanisms on Enhancing English Language Proficiency of Undergraduate Students

Piyanat Chantakhat — Fri, 28 Jun 2024 00:00:00 +0700

This study aimed to assess the impact of push and pull mechanisms in mobile-assisted language learning (MALL) on students’ English language proficiency and their satisfaction with MALL usage. The study involved comparing pretest and posttest scores between a control group and an experimental group, both initially exhibiting similar proficiency levels. Sixty students enrolled in an English Communication for Teachers course in the second semester of the 2023 academic year participated in the study, purposefully divided into control and experimental groups of 30 students each. The control group utilised the pull mechanism of MALL, while the experimental group used the push mechanism. Research instruments included a MALL application, an English proficiency test, a questionnaire, and an interview. Quantitative data underwent t-tests, means, standard deviations, and percentages analysis, while qualitative data from interviews were content-analysed. Results showed the experimental group’s posttest mean significantly higher than the control group’s, indicating the push mechanism positively impacted English proficiency. Additionally, the study explored students’ satisfaction with MALL, revealing varied contentment levels with the platform’s effectiveness, accessibility, engagement, and user interface. While overall satisfaction was high, areas such as material relevance, customisation options, and technical support had room for improvement. These findings contributed to discussions on innovative language education approaches, emphasising technology’s potential to enhance language acquisition and create dynamic learning environments.

ลักษณะความเป็นวีรบุรุษในชีวประวัติของนักบุญหลุยส์ มารีย์ กรีญอง เดอ มงฟอร์ต

อติวิชญ์ เซี่ยงคิ้ว — Sun, 30 Jun 2024 00:00:00 +0700

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นวีรบุรุษในชีวประวัติของนักบุญหลุยส์ มารีย์ กรีญอง เดอ มงฟอร์ต ใช้กรอบแนวคิดการผจญภัยของวีรบุรุษของโจแซฟ แคมพ์เบลล์เป็นแนวคิดหลัก ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลชีวประวัติจากหนังสือ มงฟอร์ต ผู้จาริกข่าวประเสริฐของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดเป็นตัวบท ผลการศึกษาพบว่า ขั้นตอนการดำเนินชีวิตของนักบุญมงฟอร์ตเป็นไปตามแนวคิดของแคมพ์เบลล์ครบทั้ง 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนการเดินทางออกจากโลกสามัญ ขั้นตอนการเข้าสู่โลกศักดิ์สิทธิ์ และขั้นตอนการกลับคืนโลกสามัญเมื่อพิจารณารายละเอียดขั้นตอนย่อยพบว่า ชีวประวัติของนักบุญมงฟอร์ต ปรากฏขั้นตอนย่อยทั้งหมด 12 ขั้นตอน จาก 17 ขั้นตอน และพบขั้นตอนที่ปรากฏแทรกตลอดทั้งเรื่อง 3 ขั้นตอน การศึกษาครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นรูปแบบชีวิตอันโดดเด่นของนักบุญมงฟอร์ต 3 ด้าน คือ ด้านความศรัทธา ด้านการทำกิจเมตตา และด้านการประกาศศาสนา นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์และความรักที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตใจอันเป็นต้นแบบของคริสตชนที่ดีอีกด้วย

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย เรื่อง การเขียนคำในมาตราตัวสะกดแม่กน ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ปัญญพนต์ มั่นคง, ณัฐพร จาดยางโทน, วาทินี ศิริชัย, ดลยา แก้วคำแสน — Wed, 03 Jul 2024 00:00:00 +0700

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการสอนโดยใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยเรื่องการเขียนตัวสะกดมาตราตัวสะกดแม่ กน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการสอนโดยใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการสอนโดยใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะ เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เพลง แบบฝึกทักษะ แบบสอบ และแบบประเมินความพึงพอใจ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านหลักปัน จำนวน 21 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที (แบบกลุ่มเดียว) ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการสอนโดยใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะมีประสิทธิภาพ 89.71/86.19 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ 2) หลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยการสอนโดยใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) นักเรียนมีความพึงพอใจหลังการเรียนด้วยการสอนโดยใช้เพลงร่วมกับแบบฝึกทักษะโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก