https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/issue/feed
วารสารศิลปกรรมและการออกแบบแห่งเอเชีย
2024-10-27T22:36:54+07:00
Teerayut Pengchai
jaad.udru@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารศิลปกรรมและการออกแบบแห่งเอเชีย (</strong><strong>JAAD)</strong><strong> </strong>เป็นวารสารที่เผยแพร่ผลงานทางวิชาการและงานวิจัยทางด้านศิลปกรรมและการออกแบบ เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานศิลปกรรมและการออกแบบของนักศึกษา คณาจารย์ นักวิชาการและส่วนเกี่ยวข้อง เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ การวิจัยและผลงานสร้างสรรค์ด้านศิลปะและด้านนวัตกรรมศิลปกรรม การออกแบบที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในระดับชาติและนานาชาติ และเป็นพื้นที่สำหรับนักศึกษา อาจารย์ นักวิชาการอิสระ ได้นำเสนอผลงานการศึกษาค้นคว้าและการสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมและผลงานการประดิษฐ์สร้างสรรค์สู่สาธารณชน เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง</p> <p>ISSN : 2730-213X (Print)</p> <p>ISSN : 2730-3381 (Online) </p>
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/277118
การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และตราสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข ด็อกลิเซียส
2024-10-27T20:28:21+07:00
ภัทราวดี สุทธิวิทิตกุล
gulaab.work@gmail.com
วิลาสินี ขำพรหมราช
Wilasinee.kh@rmuti.ac.th
<p>บทความวิจัยเรื่อง การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และตราสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข ด็อกลิเซียส มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และตราสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข ด็อกลิเซียส ซึ่งมีลักษณะเป็นงานวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยผู้วิจัยได้ศึกษารวบรวมข้อมูล และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งประวัติข้อมูลความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ ข้อมูลการพัฒนาแบรนด์ ตำแหน่งทางการตลาด และข้อมูลความต้องการของผู้บริโภค เพื่อทำการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข รวมถึงตราสินค้าที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ ด็อกลิเซียส จากนั้นผู้วิจัยได้ทำการออกแบบบรรจุภัณฑ์และตราสินค้า โดยผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจำนวน 3 ท่าน จนได้รูปแบบที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งผู้วิจัยได้ใช้แรงบันดาลใจจากสุนัขมาสู่การออกแบบตราสินค้า และบรรจุภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยในส่วนของโครงสร้างและกราฟิกที่ปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากรูปลักษณ์ของสุนัขสามารถทำให้ผู้บริโภครับรู้และเข้าใจได้ง่ายว่าผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายนี้ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข อีกทั้งการเลือกใช้โทนสีอบอุ่น ลักษณะตัวอักษรที่ไม่เป็นทางการ ภาพประกอบและการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ ยังสามารถใช้สื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ ด้านการเป็นผู้ผลิตอาหารสุนัขที่ใส่ใจเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น</p> <p> ผลการวิจัยสรุปว่าได้ตราสินค้าใหม่ 1 แบบ เมื่อเปรียบเทียบกับตราสินค้าเดิมพบว่า สามารถสร้างการจดจำ มีความน่าเชื่อถือ มีเอกลักษณ์ และมีความน่าสนใจที่ดีกว่า ซึ่งกลุ่มผู้สนใจผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข ด็อก-ลิเซียส จำนวน 98 คน ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจรูปแบบตราสินค้าที่ได้รับออกแบบในระดับมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.30 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.68 นอกจากนี้ยังได้บรรจุภัณฑ์อาหารสุนัข 2 แบบ คือ บรรจุภัณฑ์อาหารสุนัขชนิดเม็ด และชนิดเปียก ที่มีความสวยงาม มีประสิทธิภาพในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่บรรจุ สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน สื่อให้เห็นถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ และดึงดูดความน่าสนใจได้มากกว่าบรรจุภัณฑ์เดิมที่ผู้ประกอบการใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีผลประเมินความพึงพอใจจากกลุ่มตัวอย่างในระดับมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.33 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.67</p>
2024-10-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/277119
การออกแบบและพัฒนาผ้าครามจากอัตลักษณ์สักขาลาย กลุ่มชาติพันธุ์ญ้อ จังหวัดสกลนคร
2024-10-27T20:41:39+07:00
กมลวรรณ พงษ์กุล
kamonwan.k@sskru.ac.th
รัตตัญญู ศิลาบุตร
kamonwan.k@sskru.ac.th
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์สักขาลายกลุ่มชาติพันธุ์ ญ้อ จังหวัดสกลนคร และเพื่อออกแบบและพัฒนาผ้าครามจากอัตลักษณ์สักขาลายกลุ่มชาติพันธุ์ ญ้อ จังหวัดสกลนคร ใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) จากการศึกษาพบผู้ที่สักขาลายในตำบลหนองปลิง อำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร จำนวน 1 คน โดยอัตลักษณ์สักขาลาย กลุ่มชาติพันธุ์ ญ้อ จังหวัดสกลนคร สามารถจำแนกอัตลักษณ์ได้ 2 ด้าน คือ อัตลักษณ์ปัจเจก และอัตลักษณ์อัตลักษณ์์ทางสังคมและวัฒนธรรม โดยอัตลักษณ์ปัจเจก คือ ลักษณะของลวดลายในการสักของแต่ละบุคคลมีความคล้ายและใกล้เคียงกัน มี 6 ลวดลาย ได้แก่ ลายมอม ลายดอกไม้ ลายขิต ลายเครือไม้ ลายฟันปลา และลายกรอบ ส่วนอัตลักษณ์์ทางสังคมและวัฒนธรรม มีรูปแบบและความเชื่อที่มีร่วมกันของผู้ถูกสัก คือ 1) รูปแบบของสักขาลาย เป็นการสักรอบต้นขาจนถึงหัวเข่า มีลักษณะคล้ายกางเกง 2) ความเชื่อในการสัก ได้แก่ การสักขาลายเป็นการสักเพื่อความสวยงาม และการสักขายลายแสดงถึงเป็นกลุ่มเดียวกัน ในการออกแบบและพัฒนาผ้าครามจากอัตลักษณ์สักขาลายกลุ่มชาติพันธุ์ ญ้อ จังหวัดสกลนคร ผู้วิจัยได้นำลวดลายสักขาลาย 6 ลวดลายมาออกแบบและพัฒนาเป็นผ้าผืน ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมนำไปประยุกต์และพัฒนามากที่สุดจำนวน 3 รูปแบบ นอกจากนี้ผลความพึงพอใจโดยรวมของกลุ่มเป้าหมายจำนวน 50 คนที่มีต่อผ้าครามจากอัตลักษณ์สักขาลายกลุ่มชาติพันธุ์ ญ้อ จังหวัดสกลนคร อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 3.95)</p>
2024-10-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/277121
ลมหายใจแห่งอยุธยาในจังหวัดเพชรบุรี สู่การออกแบบตัวละครสำหรับภาพยนตร์สต็อปโมชั่น แอนิเมชัน จากประวัติศาสตร์และศิลปะในจังหวัดเพชรบุรีในสมัยอยุธยาตอนปลาย
2024-10-27T20:58:02+07:00
มานพ เอี่ยมสะอาด
iamsaard_m@su.ac.th
เพ็ญสิริ ชาตินิยม
chartniyom_p@su.ac.th
<p>การออกแบบสร้างสรรค์ตัวละครสำหรับภาพยนตร์สต็อปโมชั่น แอนิเมชันจากศิลปะและประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาตอนปลายที่ปรากฏขึ้นในจังหวัดเพชรบุรี เป็นการวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ 1) สร้างสรรค์ตัวละครสำหรับภาพยนตร์สต็อปโมชั่น แอนิเมชัน จากประวัติศาสตร์อยุธยาตอนปลายในช่วงเหตุการณ์การเสียกรุงครั้งที่ 2 2) เพื่อพัฒนาองค์ประกอบของวัสดุที่ใช้สร้างสรรค์ตัวละคร 3) พัฒนากลไกการเคลื่อนไหวภายในตัวละครในส่วนของร่างกายและใบหน้า โดยมีกลุ่มประชากรในการวิจัยเป็นบุคคลทั่วไป นักศึกษา บุคลากรทางด้านภาพยนตร์แอนิเมชัน ผู้เขี่ยวชาญทางด้านการออกแบบ จำนวน 80 คน</p> <p><strong> </strong>การวิจัยในครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการเก็บข้อมูลทางประวัติศาสตร์และศิลปะจากวัดในจังหวัดเพชรบุรีที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายจากการลงพื้นที่จริง เพื่อศึกษาลักษณะจิตกรรมฝาผนัง ประติมากรรมและลักษณะของวัสดุต่างๆ รวมถึงสำรวจพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในช่วงเหตุการณ์การเสียกรุงครั้งที่ 2 บริเวณชายแดนไทย - พม่า และพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงศึกษาข้อมูลทุติยภูมิจากหนังสือ บทความ เอกสาร บันทึกสมัยโบราณ และเก็บข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปวัฒนธรรม การออกแบบ และด้านแอนิเมชันจำนวน 9 คนโดยการสัมภาษณ์แบบไม่มีเค้าโครง เพื่อทำการออกแบบตัวละครและระบบกลไกรวมถึงองค์ประกอบของวัสดุ รวมไปถึงการวัดประเมินความพึงพอใจในการออกแบบตัวละคร กลไกการเคลื่อนไหว องค์ประกอบของวัสดุด้วยการวัดประเมินค่า (Rating Scale) ผลการศึกษาพบว่า 1) การออกแบบตัวละครโดยศึกษาประวัติศาสตร์แต่ละบุคคลพร้อมกับการแปลความหมายของภาพเขียนและงานปั้นที่ปรากฏในวัดทำให้เกิดลักษณะตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 2) การพัฒนาองค์ประกอบของวัสดุที่เกิดความหลากหลายของคุณสมบัติของตัวละครแต่ละตนและสะท้อนความสัมพันธ์กับสถานที่ของตัวละครที่แสดงถึงจิตวิญญาณของวัสดุ 3) กลไกการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ของลักษณะตัวละครกับองค์ประกอบของวัสดุที่ใช้ประกอบสร้างตัวละครแต่ละตน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่นักออกแบบที่จะต้องวิวัฒนาการตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโดยมีรากเหง้าทาง ด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นแรงบันดาลใจ และได้มองเห็นความสำคัญของการศึกษาค้นคว้าจากหลากหลายด้านแล้ว นำมาบูรณาการร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ โดยมีผลประเมินความพึงพอใจจากผู้ใช้อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.90)</p>
2024-10-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/277122
การออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบสำหรับธุรกิจอาหารคีโตเจนิก
2024-10-27T21:10:13+07:00
ฉันทิสา กลิ่นสุคนธ์
chantisa.klinsukhon@g.swu.ac.th
เสาวลักษณ์ พันธบุตร
saowaluck@g.swu.ac.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัญหาของผู้บริโภคในการรับประทานอาหารคีโตเจนิก <br>2) เพื่อศึกษาแนวทางในการออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบสำหรับอาหารคีโตเจนิก และ <br>3) เพื่อวิเคราะห์ความต้องการด้านแอปพลิเคชันสำหรับอาหารคีโตเจนิกของผู้บริโภค โดยมีวิธีดำเนินการวิจัยคือ ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ปัญหาในการรับประทานอาหารคีโตเจนิกจากกลุ่มที่มีปัญหาในการบริโภคอาหารคีโตเจนิกจำนวน 365 คน และจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและการออกแบบแอปพลิเคชัน 3 คน</p> <p> ผลการวิเคราะห์พบว่า 1) จากผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่าปัญหาของผู้บริโภคในการปรับประทานอาหารคีโตเจนนิกพบว่า อันดับ 1 คือปัญหาการเลือกซื้อและรับประทานอาหารนอกบ้าน อันดับ 2 คือปัญหาด้านสุขภาพ และอันดับ 3 คือปัญหาความหลากหลายของเมนูอาหาร 2) แนวทางในการออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการออกแบบโดยอาศัยข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบ ร่วมกับความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างทดลองใช้งานแอปพลิเคชันต้นแบบ นำไปสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันที่เน้นความง่ายในการใช้งานและสร้างความครอบคลุมบริการด้านข้อมูลที่เหมาะสมทั้งสำหรับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ 3) ผลการวิเคราะห์ความต้องการด้านแอปพลิเคชันสำหรับอาหารคีโตเจนิกของผู้บริโภคจากผลการวิจัยเชิงปริมาณ สรุปว่าระดับความคิดเห็นด้านเนื้อหาพบว่าภาพรวมมีความคิดเห็นถึงความเหมาะสมในการนำเสนอเนื้อหาระดับมาก ประเด็นที่เห็นด้วยมากที่สุดคือ การนำเสนอมีข้อมูลครบถ้วน ระดับความคิดเห็นด้านการออกแบบ พบว่าภาพรวมมีความคิดเห็นถึงความเหมาะสมในการออกแบบระดับมาก ประเด็นที่เห็นด้วยมากที่สุดคือ ตัวอักษรประกอบรูปภาพหรือปุ่มออกแบบให้อ่านได้ง่าย</p>
2024-10-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/277123
หมู่บ้านอี้เคอซู่: หมู่บ้านศิลปะเพื่อการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหม มณฑลซินเจียง
2024-10-27T21:16:25+07:00
Baoyun Xiao
xiaobaoyunlx@163.com
เกรียงศักดิ์ เขียวมั่ง
kriangsakk@go.buu.ac.th
ภูวษา เรืองชีวิน
puvasa@go.buu.ac.th
<p>จากมุมมองของการพัฒนาทางสังคมในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ซินเจียงซึ่งเป็นเส้นทางสายไหมสู่ตะวันตกตั้งอยู่ในพื้นที่ยูเรเชีย วัฒนธรรมซินเจียงแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของความหลากหลาย เปิดกว้างและผสมผสาน หมู่บ้านอี้เคอซู่ตั้งอยู่ที่ตำบลชีหู้ อำเภอฉีไถ เมืองชังจี๋ มณฑลซินเจียง เป็นที่ตั้งของเส้นทางสายไหมสู่ตะวันตก ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่พิเศษ บนความสูงน้ำทะเล 1700 เมตร มีต้นเอล์มเก่าแก่ต้นหนึ่งซึ่งมีอายุร้อยกว่าปี ราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ชาวชีหู้แคล้วคลาดจากอันตราย หมู่บ้านอี้เคอซู่ถือเป็นเขตเฉียนซาน ทางเหนือของภูเขาเทียนซาน ด้านหลังคือภูเขาเทียนซาน เป็นลักษณะเด่นของพื้นที่ภูเขา เป็นพื้นที่บริสุทธิ์ทางนิเวศวิทยา วัตถุประสงค์การวิจัยการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมหมู่บ้านอี้เคอซู่ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านอี้เคอซู่ในแถบพื้นที่ตะวันตก เผยให้เห็นถึงทรัพยากรวัฒนธรรมของหมู่บ้านอี้เคอซู่ 2) เพื่อวิเคราะห์อัตลักษณ์ บริบทแวดล้อมเชิงนิเวศน์และศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านของหมู่บ้านอี้เคอซู่สู่การจัดการหมู่บ้านศิลปะในมุมมองใหม่ 3) เพื่อสร้างแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงศิลปะหมู่บ้านศิลปะอี้เคอซู่ ส่งเสริมให้มีความเหมาะสมกับการพัฒนาของยุคสมัย พัฒนาต่อไปในระดับนานาชาติจากแผนการที่ครอบคลุมของระบบนิเวศวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทั้งนี้ดำเนินการศึกษาโดยใช้วีธีการวิจัยเอกสาร วิธีการวิจัยภาคสนาม และวิธีการวิจัยแบบสหวิทยาการ</p> <p>ดำเนินการวิจัยด้วยวิธีการวิจัยผสมผสานทฤษฎีเข้ากับกรณีศึกษา ได้แก่ 1) วิธีการวิจัยเอกสาร ศึกษาเอกสารจำนวนมากเกี่ยวกับการจัดการวัฒนธรรมศิลปะ 2) วิธีการวิจัยภาคสนาม การลงพื้นที่หมู่บ้านอี้เคอซู่ มณฑลซินเจียงเพื่อศึกษาลงลึก ได้ข้อมูลชั้นปฐมภูมิ 3) วิธีการวิจัยแบบสหวิทยาการ เช่น ทรัพยากรมรดกวัฒนธรรม การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสร้างร่วมกันและการพัฒนาของภูมิทัศน์วัฒนธรรมและนิเวศวิทยาธรรมชาติ เป็นต้น</p> <p>ผลการวิจัยครอบคลุมวัตถุประสงค์การวิจัย และได้รับผลลัพธ์ที่ดี คือ 1) แสดงให้เห็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านอี้เคอซู่ในภูมิภาคตะวันตกผ่านการสำรวจเชิงลึกเกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยา ประเพณีพื้นบ้าน ศิลปะของชนกลุ่มน้อยและภูมิปัญญาพื้นบ้าน พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ และสภาพแวดล้อมที่สวยงามโดยรอบของหมู่บ้านอี้เคอซู่</p> <p>2) งานวิจัยฉบับนี้ครอบคลุมเอกลักษณ์ สภาพแวดล้อมทางนิเวศน์ วัฒนธรรมดั้งเดิม และชุมชนของหมู่บ้านอี้ซู่เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการพื้นที่ทางวัฒนธรรมใหม่ ซึ่งได้สรุปรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาภูมิภาคตะวันตกโดยอาศัยการทดลองเชิงลึก หมู่บ้านอี้เคอซู่เป็นชุมชนศิลปะนานาชาติที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมเข้ากับธรรมชาติและทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา ป่าไม้ และชนบท สิ่งนี้สามารถสร้างรูปแบบและกรอบของการสร้างสรรค์งานศิลปะ การชื่นชมศิลปะ และการบริโภคศิลปะ และสร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ทางศิลปะ 3) สร้างโครงสร้างการจัดการวัฒนธรรมการท่องเที่ยวสำหรับหมู่บ้านอี้เคอซู่ ประกอบด้วยหอศิลป์อี้เคอซู่ เทศกาลศิลปะอี้เคอซู่ โฮมสเตย์ การสอนและฐานการทดลองการสร้างสรรค์ ชุมชนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เป็นต้น ส่วนเหล่านี้ก่อเกิดเป็นระบบที่มีความสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มามณฑลซินเจียงได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่หลายมิติทั้งในด้านการมองเห็น การรับรส การได้ยิน การสัมผัส และการได้กลิ่น เติมเต็มอารมณ์และความฝันของศิลปะตะวันตกในใจของผู้คน</p>
2024-10-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/277124
การวิเคราะห์สุนทรียภาพ ความหมายแฝง และสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม การแกะสลักอิฐ Qingxu ในสถาปัตยกรรม มณฑลซานซี สาธารณรัฐประชาชนจีน
2024-10-27T21:25:47+07:00
เหอ ซิน
chaiyot.bkkthon@gmail.com
ชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ
chaiyot.bkkthon@gmail.com
<p>การวิเคราะห์สุนทรียภาพ ความหมายแฝง และสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมการแกะสลักอิฐ Qingxu ในสถาปัตยกรรม มณฑลซานซี สาธารณรัฐประชาชนจีนมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาและลักษณะเฉพาะในแต่ละยุคของการแกะสลักอิฐ Qingxu 2) วิเคราะห์สุนทรียภาพและความหมายแฝงของการแกะสลักอิฐ Qingxu และ 3) วิเคราะห์สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมการแกะสลักอิฐ Qingxu ในสถาปัตยกรรม มณฑลซานซี การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการทบทวนวรรณกรรม การแกะสลักอิฐ Qingxu ตามแนวคิดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน วิเคราะห์ต้นกำเนิดและการพัฒนาการของการแกะสลักอิฐ Qingxu นำมาสรุปและแยกแยะคุณค่าทางวัฒนธรรมจากการตรวจสอบในสถานที่จริงได้คัดแยกรูปแบบการแกะสลักในสถาปัตยกรรม วิเคราะห์สุนทรียภาพและความหมายแฝงของวัฒนธรรมการแกะสลักอิฐ Qingxu วิเคราะห์สัญลักษณ์ องค์ประกอบ ภาพ และเทคนิคการแกะสลักอิฐในสถาปัตยกรรม</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า: 1) การแกะสลักอิฐ Qingxu เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง 1029 ปีก่อนคริสตกาล เป็นวัฒนธรรมภูมิภาคที่มีเอกลักษณ์ ในปี ค.ศ. 1368 ศิลปะการแกะสลักอิฐได้เข้าสู่ยุครุ่งเรือง นอกจากการใช้ในราชวงศ์แล้ว ยังมักใช้ในที่พักอาศัยของพลเรือนด้วย 2) สุนทรียภาพและความหมายทางวัฒนธรรมของ<br>การแกะสลักอิฐ Qingxu ผสมผสานวัฒนธรรมขงจื๊อ วัฒนธรรมลัทธิเต๋า วัฒนธรรมมงคลพื้นบ้าน และวัฒนธรรมฮวงจุ้ย 3) ในประวัติศาสตร์จีน อาคารอิฐสีน้ำเงินที่เกิดจากการแกะสลักอิฐ Qingxu เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่และเรียบง่ายมาโดยตลอด ซึ่งรวบรวมเอาสุนทรียภาพแบบตะวันออกดั้งเดิมมาใช้ในการออกแบบสถาปัตยกรรม</p>
2024-10-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี