วารสารศิลปกรรมและการออกแบบแห่งเอเชีย
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad
<p><strong>วารสารศิลปกรรมและการออกแบบแห่งเอเชีย (</strong><strong>JAAD)</strong><strong> </strong>เป็นวารสารที่เผยแพร่ผลงานทางวิชาการและงานวิจัยทางด้านศิลปกรรมและการออกแบบ เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานศิลปกรรมและการออกแบบของนักศึกษา คณาจารย์ นักวิชาการและส่วนเกี่ยวข้อง เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ การวิจัยและผลงานสร้างสรรค์ด้านศิลปะและด้านนวัตกรรมศิลปกรรม การออกแบบที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในระดับชาติและนานาชาติ และเป็นพื้นที่สำหรับนักศึกษา อาจารย์ นักวิชาการอิสระ ได้นำเสนอผลงานการศึกษาค้นคว้าและการสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมและผลงานการประดิษฐ์สร้างสรรค์สู่สาธารณชน เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง</p> <p>ISSN : 2730-213X (Print)</p> <p>ISSN : 2730-3381 (Online) </p>Udonthani Rajabhat University มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีth-THวารสารศิลปกรรมและการออกแบบแห่งเอเชีย2730-213XSYMBOLIC INTERPRETATION OF RITUAL ELEMENTS IN THE YIFAN FESTIVAL
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/283179
<p>The Yifan Festival is the most representative traditional ritual of the Mulao ethnic group, with a history tracing back to the Ming Dynasty over 500 years ago. As a nationally recognized intangible cultural heritage in China, the festival not only serves the functions of prayer, gratitude, and social cohesion but also plays a crucial role in the cultural inheritance and identity formation of the Mulao people. Grounded in the theoretical frameworks of symbolic anthropology and symbolic interactionism, this study adopts a multi-method approach combining observr, and interviews with 24 participants including ritual masters and villagers, and participant observation during three full festival cycles.This research was conducted in Dawu and Sibazhen in Luocheng County, involving 3 ritual masters, 6 community elders, and 15 local participants.It focuses on the symbolic meanings embedded in core ritual elements such as the role of the shigong (ritual master), Nuo masks, deity paintings, ritual scriptures, and offerings. The findings reveal that the Yifan Festival establishes a spiritual connection between humans and ancestors, nature, and society through these richly symbolic material and immaterial elements. This process reflects and transmits the Mulao people's cosmology, belief systems, and cultural values. This paper aims to decode the symbolic cultural system embedded in the Yifan ritual and demonstrate its unique role in sustaining ethnic identity and safeguarding intangible heritage.</p>Xingyu HuangKittisan SriruksaArunee Sriruksa
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-08-282025-08-28621341NEW BUDDHA STATUE RESEARCH: COMBINING THE FACIAL FEATURES OF THE BUDDHA IN CAVE 45 OF MOGAO GROTTOES IN CHINA WITH THE FACE OF THE PHRA SI RATTANA MAHATHAT BUDDHA IN THAILAND
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/283180
<p>This study aims to explore the combination of the Buddha statue in Cave 45 of Mogao Grottoes in China with the facial features of the Phra Si Rattana Mahathat Buddha in Thailand to create a new Buddha statue. Research objectives: (1) To study and analyze the historical, cultural, and artistic characteristics of the central Buddha "Shakyamuni Buddha" on the west wall of Cave 45 of Mogao Grottoes in China and the "Phra Si Rattana Mahathat Buddha" in Thailand. (2) To study and analyze the methods and forms of the half-knife clay porcelain-making technique in Jingdezhen. (3) To create a new Buddha statue based on the dynamic image of the Buddha in Cave 45 of Mogao Grottoes combined with the facial features of the Phra Si Rattana Mahathat Buddha in Thailand. This study employs the methods of literature research, field investigation, and creative research. The results show: (1) The artistic characteristics of the central Buddha "Shakyamuni Buddha" on the west wall of Cave 45 of Mogao Grottoes are: majestic and solemn image and posture, rich details and fine carving, and brilliant colors and background decorations. The artistic characteristics of the "Phra Si Rattana Mahathat Buddha" in Thailand are: material and craftsmanship—pure gold and alloy materials, facial appearance and posture—benevolent and serene, Sukhothai style—elegant and delicate. (2) The methods and forms of the half-knife clay porcelain-making technique in Jingdezhen are: the richness of carving techniques and the diversity of materials, the combination of glazes and decorations, extensive themes, and color contrasts. (3) By using the half-knife clay technique and combining the dynamic image of the Buddha in Cave 45 of Mogao Grottoes with the facial features of the Phra Si Rattana Mahathat Buddha in Thailand, a new Buddha statue is created.</p>Peng Li Suparirk KanitwaranunPanu Suaysuwan
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-08-282025-08-28624262APPLYING OF EDFAT THEORY ON PORTRAITURE OF THE KALOMESE IN LUANGPRABANG, LAOS PDR
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/283182
<p>This study applies the EDFAT theory comprising Entire, Details, Frame, Angle, and Time as a visual ethnographic framework to explore the portraiture of the Tai Lue Kalom community in Ban Nayang, Luang Prabang Province, Laos. The research aims to investigate how EDFAT-guided portrait photography can enhance both the technical and interpretive dimensions of ethnographic documentation, specifically focusing on elderly Kalomese men who retain traditional tattoos. These tattoos, often featuring motifs such as the "Mom" and "Phoenix," are believed by the community to hold cultural and identity significance. The objectives of the research are 1)To apply the EDFAT theory to the composition of portrait photography in ethnographic fieldwork and to document the remaining tattoo culture among the elderly as a form of intangible heritage preservation. Using qualitative methods—including in-depth interviews with key, general, and contextual informants, as well as field observations and visual analysis—the study identifies that the tattoo designs can be categorized into three body zones: top, middle, and bottom. Each element of the EDFAT model contributes uniquely to the creation of images that serve both as aesthetic portraits and ethnographic evidence. The findings affirm the capacity of EDFAT-based photography to function not only as a tool for cultural preservation but also as a method for interpreting meaning within visual anthropology. The portraits produced offer a compelling narrative that underscores the urgency of safeguarding the disappearing yet significant practice of tattooing within this ethnic community.</p>Pat Kotchapakdee
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-08-282025-08-28626382สุนทรียภาพของอาคารเก่า แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สู่การสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284307
<p>การวิจัยเชิงสร้างสรรค์เรื่อง “สุนทรียภาพของอาคารเก่า แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สู่การสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย” มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสุนทรียภาพของอาคารเก่าในแขวงสะหวันนะเขต 2) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้รู้ 10 คน ผู้ปฏิบัติ 10 คน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 5 คน ใช้วิธีเก็บข้อมูลทั้งเอกสารและภาคสนาม ได้แก่ การสำรวจ สังเกต และสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลตามแนวคิดประวัติศาสตร์จากคำบอกเล่า แนวคิดการอนุรักษ์เชิงปรับใช้ และทฤษฎีการทำให้เป็นสินค้า การสร้างสรรค์ผลงานใช้ทฤษฎีสุนทรียศาสตร์และสัญญะวิทยา นำเสนอผลในเชิงพรรณนาวิเคราะห์พร้อมภาพประกอบ ผลการศึกษาพบว่าสุนทรียภาพของอาคารเก่า สามารถจำแนกได้ 5 ด้าน ได้แก่ 1) รูปแบบอาคารเก่ายุคอาณานิคมฝรั่งเศส 2) การอนุรักษ์เชิงปรับใช้ที่สะท้อนการอยู่ร่วมกันของอดีตและปัจจุบัน 3) คุณลักษณะของวัสดุและพื้นผิวที่แสดงร่องรอยแห่งกาลเวลา 4) บรรยากาศที่สะท้อนวัฒนธรรมร่วมสมัย 5) เรื่องราวที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน กระบวนการสร้างสรรค์ประกอบด้วย 1) เนื้อหา ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมร่วมสมัยกับอาคารเก่า 2) รูปแบบ กึ่งนามธรรม 3) เทคนิค สีน้ำมันบนผ้าใบ โดยเน้นแสงไฟนีออนเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมสมัยและพื้นผิวที่สื่อถึงร่องรอยเวลา ผลงานสะท้อนแนวคิดการอนุรักษ์เชิงปรับใช้และการตีความสุนทรียภาพใหม่ เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคมร่วมสมัย พร้อมเสนอกรอบการพัฒนาผลงานจิตรกรรมร่วมสมัยที่เกี่ยวข้องกับภูมิทัศน์วัฒนธรรม ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์ที่สะท้อนการอยู่ร่วมกันของสิ่งใหม่และสิ่งเก่าในบริบทสังคมร่วมสมัย</p>เรืองศักดิ์ ปัดถาวะโร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-316283105การแปรรูปวัชพืชทางการเกษตรประเภทต้นกกเพื่อออกแบบและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284308
<p>การแปรรูปวัชพืชทางการเกษตรประเภทต้นกกเพื่อออกแบบและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ วัตถุประสงค์ในการวิจัย คือ 1) เพื่อแปรรูปวัชพืชทางการเกษตรประเภทต้นกก 2) เพื่อนำวัสดุแปรรูปจากต้นกกมาออกแบบและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ การวิจัยนี้เป็นวิจัยประยุกต์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มแปรรูปต้นกกเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ตำบลท่าช้าง จำนวน 9 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบง่าย กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ 3 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และ กลุ่มผู้บริโภค 50 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ ผลการวิจัยพบว่าการแปรรูปต้นกกเป็นผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจทำได้โดยการเปลี่ยนเส้นทอของเส้นยืนเป็นเชือกด้ายที่ทำมาจากผ้าสปันผสมโพลีเอสเตอร์แทนการใช้เชือกไนล่อนที่เป็นพลาสติกและเปลี่ยนสีย้อมเป็นครามแทนการย้อมสีเคมี และ ลายผูกรักษ์ท่าช้าง คือ ลายที่สื่อถึงอัตลักษณ์ของตำบลท่าช้าง มีค่าเฉลี่ยด้านการออกแบบลวดลาย มีค่าเฉลี่ย 4.83 การออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ 4 ประเภท คือ ชุดเก้าอี้สตูล, หมอนอิง, เบาะรองนั่ง, แผ่นรองจาน และ แผ่นรองแก้ว มีค่าเฉลี่ยด้านการออกแบบที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติย่อยสลายง่ายมาใช้ได้อย่างเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย 4.96</p>อลิศา โชตินนท์ภิชา
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-3162106122การศึกษาและออกแบบเก้าอี้พักผ่อนจากอัตลักษณ์ผ้าตีนจก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284309
<p>การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาและออกแบบเก้าอี้พักผ่อนที่สะท้อนอัตลักษณ์ผ้าตีนจกอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ผ้าตีนจกอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อออกแบบเก้าอี้พักผ่อนจากอัตลักษณ์ผ้าตีนจกอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อประเมินความพึงพอใจการออกแบบเก้าอี้พักผ่อนจากอัตลักษณ์ผ้าตีนจกอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าตีนจก จำนวน 3 ท่าน นักท่องเที่ยว บุคคลทั่วไปในชุมชนศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 40 คน ใช้เครื่องมือแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการและความพึงพอใจการออกแบบ</p> <p> ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า อัตลักษณ์ผ้าตีนจกอำเภอศรีสัชนาลัย ได้แก่ ลายน้ำอ่าง ลายมนสิบหก และลายสี่ขอ การออกแบบเก้าอี้พักผ่อนจากอัตลักษณ์ผ้าตีนจกได้รับความพึงพอใจในระดับสูงสุดในด้านความเหมาะสมและร่วมสมัย (ค่าเฉลี่ย 4.34) รองลงมาด้านความปลอดภัยและความแข็งแรง (ค่าเฉลี่ย 4.32) และด้านประโยชน์ใช้สอย (ค่าเฉลี่ย 4.02) ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการนำอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในเชิงการใช้งานและสร้างมูลค่าเพิ่มและเปิดโอกาสในการพัฒนาสินค้าท้องถิ่นให้สอดคล้องกับยุคสมัย</p> <p> จากผลการวิจัยสรุปได้ว่าการนำอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบไม่เพียงช่วยเสริมมูลค่าเชิงวัฒนธรรม แต่ยังสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสทางการตลาดในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าเชิงเอกลักษณ์ งานวิจัยนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาสินค้าท้องถิ่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมและการออกแบบสมัยใหม่</p>นภพล มุ่งปั่นกลางธัญญาภักดิ์ ธิเดชอริสา สุยะปัน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-3162123144การออกแบบลวดลายซ้ำทางเรขศิลป์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทดำสำหรับเจเนอเรชั่นวาย
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284310
<p>การออกแบบลวดลายซ้ำทางเรขศิลป์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทดำสำหรับเจเนอเรชั่นวาย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวทางการออกแบบลวดลายซ้ำทางเรขศิลป์ที่แสดงออกถึงความเป็นวัฒนธรรมไทดำ 2) เพื่อหาแนวทางการสื่อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทดำสำหรับเจเนอเรชั่นวาย 3) ออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทดำสำหรับเจเนอเรชั่นวาย มีขั้นตอนวิจัยโดยศึกษาข้อมูลและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่เพื่อสร้างแบบสอบถามนำมาวิเคราะห์เป็นแนวทางเพื่อออกแบบลวดลายซ้ำและนำผลที่ได้ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับทำแบบสอบถามสนทนากลุ่ม (Focus Group) กับกลุ่มเป้าหมายเจเนอเรชั่นวาย มีวิธีดำเนินการวิจัย คือ 1) ศึกษาข้อมูลที่ใช้ 2) การเก็บรวบรวมข้อมูล 3) การวิเคราะห์ข้อมูล และ 4) การดำเนินการออกแบบ แนวคิดและทฤษฎีในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้ความสัมพันธ์ของรูปทรง มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบลวดลายซ้ำเพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทดำ โดยใช้หลักการซ้ำ 8 วิธี ประกอบด้วยการซ้ำแบบ 1) รูปร่าง 2) ขนาด 3) สี 4) ผิวสัมผัส 5) ทิศทาง 6) ตำแหน่ง 7) ที่ว่าง และ 8) แรงดึงดูด เพื่อให้การออกแบบลวดลายให้มีความต่อเนื่องผู้วิจัยได้นำการซ้ำไปใช้ในการออกแบบและจัดวางเพื่อสร้างลวดลายซ้ำโดยนำรูปทรงหนึ่งมาสัมพันธ์กับอีกรูปทรงหนึ่งโดยใช้เส้นของโครงสร้าง 5 รูปแบบ ได้แก่ โครงสร้างแบบมีแผน กึ่งมีแบบแผน แบบไม่มีแบบแผน แบบคงที่ และแบบเคลื่อนไหว ผลวิจัยพบว่า ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวทางการออกแบบลวดลายซ้ำทางเรขศิลป์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมไทดำใช้รากวัฒนธรรมไทดำที่สามารถนำมาสังเคราะห์เป็นแนวทางการออกแบบได้มี 5 หมวดหมู่ คือ เครื่องแต่งกาย สถาปัตยกรรม ประเพณี การละเล่น และความเชื่อ ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตในอดีต 2) แนวทางการสื่อสารอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทดำสำหรับเจเนอเรชั่นวาย รูปทรงที่เหมาะสมคือ รูปทรงธรรมชาติ รูปทรงเขียนมือ และรูปทรงเรขาคณิต โดยมีบุคลิกภาพของสีที่สอดคล้องคือ โบราณ มีชีวิตชีวา สง่างาม และเป็นธรรมชาติ และ 3) การออกแบบลวดลายบนผลิตภัณฑ์เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์เพื่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย Generation y คือ เสื้อ กางเกง หมวก แก้วน้ำ กระเป๋า</p>อิสริยาภรณ์ ชัยกุหลาบไทยโรจน์ พวงมณี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-3162145173แนวทางการออกแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284312
<p>การวิจัยนี้เพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง โดยผู้วิจัยได้กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัดทำวิจัยดังนี้ 1) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของรถม้าจังหวัดลำปาง 2) เพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง และ 4) เพื่อเสนอแนะรูปแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง การทำวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาปัญหาซึ่งมีกระบวนการการเก็บข้อมูลภาคทฤษฏีและการจัดทำแบบสอบถามความต้องการของกลุ่มตัวอย่าง ศึกษาความเป็นอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดลำปาง จำนวน 50 คน และผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน โดยมีเครื่องมือแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ นำมาวิเคราะห์หา ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลจากการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย “รถม้า” ถือเป็นสัญลักษณ์หรือ อัตลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของนครลำปางซึ่งเป็นยานพาหนะในการเดินทางของยุคสมัยก่อน และจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างส่วนประกอบที่สามารถนำมาเป็นแนวทางการออกแบบคือ ลูกล้อของรถม้า ที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร หลังคา ซึ่งสามารถเป็นตัวแทนของรถม้าลำปางที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าลำปางได้มากที่สุด อีกทั้งแนวทางการออกแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง เป็นไปตามหลักการออกแบบเพื่อให้เกิดอัตลักษณ์ที่สื่อถึงรถม้าจังหวัดลำปาง โดยมีแบบร่างการออกแบบ ทั้ง 3 รูปแบบซึ่งคัดเลือกโดยใช้การวิเคราะห์ตามลำดับขั้น ในการประเมินแบบร่างการออกแบบ รูปแบบที่ 1 ซึ่งมาจากแนวคิดของล้อรถม้ามีความเหมาะสมมากที่สุดในการสื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง ผลการวิจัย พบว่า มีความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างต่อแนวทางการออกแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง จากแนวคิด รูปแบบที่ 1 ล้อรถม้า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย = 4.32 ใน 2 ด้าน คือ 1) ด้านรูปร่างรูปทรง 2) ด้านการใช้งาน แนวทางการออกแบบที่นั่งพักคอยที่สื่อถึงอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปาง ซึ่งผู้วิจัยได้ศึกษาและนำไปสู่การออกแบบที่มีประสิทธิภาพบรรลุตรงตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์อีกทั้งสื่อถึงวัฒนธรรมและอัตลักษณ์รถม้าจังหวัดลำปางและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ต่อไป</p>อริสา สุยะปันธัญญาภักดิ์ ธิเดช นภพล มุ่งปั่นกลาง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-3162174191การพัฒนาและยกระดับไพลินสำหรับการผลิตเครื่องประดับอัญมณีด้วยแนวคิดการพัฒนาเหลี่ยมเจียระไน
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284313
<p>งานวิจัยการพัฒนาและยกระดับพลอยไพลินสำหรับการผลิตเครื่องประดับอัญมณีด้วยแนวคิดการพัฒนาเหลี่ยมเจียระไน มีวัตถุประสงค์ของงานวิจัย 1. เพื่อสังเคราะห์รูปร่างและการเจียระไนไพลินสำหรับงานเครื่องประดับอัญมณี 2. เพื่อพัฒนาและยกระดับไพลินสำหรับการผลิตเครื่องประดับอัญมณีด้วยแนวคิดการพัฒนาเหลี่ยมเจียระไน โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยแบบเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ และการมีส่วนร่วม พื้นที่วิจัย คือ ให้ กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับบ้านบ่อแก้ว ตำบลไทรย้อย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ โดยการคัดเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด คือ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบสอบถาม และ3) แบบสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน จากผลการวิจัย พบว่า การสังเคราะห์รูปร่างของไพลินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดการสูญเสียเนื้อพลอยดิบ และการดึงศักยภาพความงามของอัญมณีออกมาให้มากที่สุด โดยรูปร่างที่นิยมและเหมาะสมกับพลอยไพลิน ได้แก่รูปร่างวงรีสามารถลดการสูญเสียเนื้อพลอย ขับสีให้ดูเข้มขึ้น รูปร่างหมอน เพิ่มประกายสว่างแบบนุ่มนวล รูปร่างกลม การเจียระไนอาจทำให้สูญเสียเนื้อพลอยมาก แต่ให้ความสมมาตรสูงและมีความเป็นประกาย ดี จึงเหมาะสำหรับไพลินคุณภาพสูงรูปร่างหยดน้ำ เหมาะกับการออกแบบเครื่องประดับที่ต้องการความหรูหราและช่วยเพิ่มขนาดทางสายตาของพลอย ในส่วนของ การพัฒนาและยกระดับไพลินสำหรับการผลิตเครื่องประดับอัญมณีด้วยแนวคิดการพัฒนาเหลี่ยมเจียระไน ผลการศึกษาพบว่า การออกแบบรูปร่างไพลินโดยพิจารณาจากลักษณะของผลึกดิบและทิศทางของการกระจายแสง โดยเน้นการใช้รูปร่างที่ช่วยให้ ลดการสูญเสียเนื้อพลอยคือรูปร่างวงรี และหมอน เพราะใช้ประโยชน์จากเนื้อพลอยได้สูงในส่วน เพิ่มการกระจายแสงนั้นจากการวิจัยพบว่า รูปร่างกลม เหมาะกับไพลินคุณภาพสูงเพราะการสะท้อนแสงมีความสมดุล ขณะที่รูปร่างหยดน้ำและมาร์คีส์ช่วยสร้างมูลค่าและทำให้พลอยดูมีขนาดใหญ่ขึ้น ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ผลิตและผู้บริโภคต่อการพัฒนาและยกระดับไพลินสำหรับการผลิตเครื่องประดับอัญมณีด้วยแนวคิดการพัฒนาเหลี่ยมเจียระไน พบว่า ระดับความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับ สูง โดยมีค่าเฉลี่ย 4.35 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.62 แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความคิดเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน</p>จุฑามาศ ดอนอ่อนเบ้า
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-3162192211แนวทางการออกแบบที่นั่งสาธารณะจากอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jaad/article/view/284314
<p>แนวทางการออกแบบที่นั่งสาธารณะจากอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มีวัตถุประสงค์ของงานวิจัยดังนี้ 1) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย 2) เพื่อออกแบบที่นั่งสาธารณะจากอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจผู้บริโภคที่มีต่อที่นั่งสาธารณะจากอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และ 4) เสนอแนะแนวทางการออกแบบที่นั่งสาธารณะจากอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยมีการลำดับขั้นตอนการศึกษา ดังนี้ 1) เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามปลายเปิดสอบถามเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนและเก็บข้อมูลความต้องการของนักท่องเที่ยว มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 50 ท่าน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างง่าย (Simple random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามแบบตรวจสอบรายการมาตรแบบประมาณค่า (Rating Scale) 2) แบบสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน โดยแบ่งออกดังนี้ กลุ่มที่ 1 ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำผีตาโขน จำนวน 3 ท่าน กลุ่มที่ 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ จำนวน 2 ท่าน แบบสัมภาษณ์ปราชญ์ท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญในองค์ความรู้เรื่องผีตาโขน ซึ่งผู้วิจัยเลือกใช้วิธีการสุ่มอย่างเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) และแบบสอบถามความพึงพอใจของกลุ่มนักท่องเที่ยว จำนวน 50 ท่าน แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจต่อรูปแบบจำลองที่นั่งสาธารณะจากอัตลักษณ์ประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มีระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด คือ รูปแบบที่ 2 มีค่าเฉลี่ย 4.62</p>ธัญญาภักดิ์ ธิเดช อริสา สุยะปันนภพล มุ่งปั่นกลาง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-10-312025-10-3162212233