วารสารกฎหมาย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal <p>วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวารสารวิชาการสาขาวิชานิติศาสตร์ มีเป้าหมายและขอบเขตเพื่อตีพิมพ์บทความวิชาการและบทความวิจัยในสาขาวิชานิติศาสตร์ที่มีเนื้อหาน่าสนใจ ทันสมัย ริเริ่มสร้างสรรค์ และมีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการสาขาวิชานิติศาสตร์และต่อสังคมในวงกว้าง&nbsp;</p> Faculty of Law, Chulalongkorn University th-TH วารสารกฎหมาย 3057-0980 <p><strong>ลิขสิทธิ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ของวารสารกฎหมาย (รวมถึง โดยไม่จำกัดเฉพาะ เนื้อหา รหัสคอมพิวเตอร์ งานศิลป์ ภาพถ่าย รูปภาพ ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ) เป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย และผู้ได้รับการโอนสิทธิทุกราย<br /></strong>1. วารสารกฎหมาย ให้อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอันไม่เฉพาะเจาะจงที่สามารถถูกถอนเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในการ<br />- เยี่ยมชมเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้ จากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือสื่อสารผ่านเว็บบราวเซอร์<br />- คัดลอกและจัดเก็บเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้บนลงคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านระบบความจำ cache<br />- สั่งพิมพ์เอกสารจากเว็บไซต์นี้สำหรับการใช้ส่วนตัวของคุณ<br />- ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกคุ้มครองภายใต้ <span style="text-decoration: underline;">Creative Commons Attribution 4.0 International License</span> ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถคัดลอก แจกจ่าย ดัดแปลง ส่งต่อ ผลงานได้ ก็ต่อเมื่อผลงานและแหล่งข้อมูลได้รับการอ้างอิงอย่างเหมาะสม<br />2. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และเอกสารบนเว็บไซต์นี้ เช่น การคัดลอก ดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ส่งต่อ ตีพิมพ์ แจกจ่าย เผยแพร่ จัดแสดงในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งเว็บไซต์หรือเอกสารบนเว็บไซต์ โดยไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />3. คุณอาจขออนุญาตที่จะใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยการเขียนอีเมลล์มายัง <em>journal@law.chula.ac.th</em><br />4. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้มงวดกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างมาก หากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าคุณได้ใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยไม่ถูกต้องตามการอนุญาตให้ใช้สิทธิ ดังที่กล่าวไปข้างต้น วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคุณได้ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เป็นตัวเงินและคำขอชั่วคราวให้คุณหยุดการใช้เอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ คุณอาจถูกสั่งให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายนี้<br /><br /><strong>หากคุณพบเห็นการใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ขัดหรืออาจขัดต่อการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยเชื่อว่าได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณหรือของผู้อื่น สามารถร้องเรียนมาได้ที่ </strong><em>journal@law.chula.ac.th</em></p> <p> </p> รัฐสภากับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/283496 <p>-</p> ณรงค์เดช สรุโฆษิต ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ณรงค์เดช สรุโฆษิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 169 194 ความรับผิดทางแพ่งของบริษัทแม่ต่อผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตรายของบริษัทลูก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/270433 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรับผิดทางแพ่งของบริษัทแม่ต่อผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตรายของบริษัทลูก โดยเป็นการศึกษาวิจัยเอกสารจากบทบัญญัติกฎหมาย คำพิพากษาศาล หนังสือตำรา และบทความเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบันพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ยังไม่มีบทบัญญัติให้บริษัทแม่เข้ามารับผิดชอบในความเสียหายจากพื้นที่ปนเปื้อนสารอันตรายของบริษัทลูก หากบริษัทแม่มีส่วนร่วมในแหล่งกำเนิดมลพิษหรือกำกับดูแลบริษัทลูก แต่ขาดการยึดถือแหล่งกำเนิดมลพิษทางกายภาพหรือเจตนาเพื่อตนอย่างใดอย่างหนึ่งไป อันไม่ครบองค์ประกอบของการเป็นผู้ครอบครองที่ต้องรับผิดตามมาตรา 96 หากบริษัทแม่มีการกระทำที่ไม่คำนึงถึงความเป็นนิติบุคคลของบริษัทลูกที่ไม่ใช่การกระทำละเมิด หากแต่เป็นการใช้โครงสร้างความเป็นนิติบุคคลของบริษัทลูกในทางมิชอบ อันได้แก่ การใช้นิติบุคคลเป็นเครื่องมือเพื่อหลบเลี่ยงหรือรับหน้าที่หรือความรับผิด และการมีทรัพย์สินปะปนกัน ดังนั้น จึงสมควรกำหนดบทบัญญัติที่เกี่ยวกับความรับผิดของบริษัทแม่ภายใต้พระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้ผู้เสียหายในคดีมลพิษจะได้รับความเป็นธรรมในการเยียวยา</p> ภัทรานิษฐ์ พรหมอารักษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ภัทรานิษฐ์ พรหมอารักษ์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 49 72 การกำกับดูแลบริษัทโฮลดิ้งภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/278878 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการกำกับดูแลบริษัทโฮลดิ้งภายใต้พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 โดยเปรียบเทียบกับกฎหมายและแนวปฏิบัติของต่างประเทศ เพื่อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงกฎหมายที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย การวิจัยใช้วิธีการศึกษาเชิงเอกสาร โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบบทบัญญัติของกฎหมาย แนวปฏิบัติ และคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลบริษัทโฮลดิ้งตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสาธารณรัฐเกาหลี</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า กฎหมายการแข่งขันทางการค้าของไทยมีข้อจำกัดสำคัญในการกำกับดูแลบริษัทโฮลดิ้ง เนื่องจากนิยาม “ผู้ประกอบธุรกิจ” มีขอบเขตจำกัดเฉพาะผู้ที่ประกอบธุรกิจโดยตรง ทำให้ไม่ครอบคลุมถึงบริษัทโฮลดิ้งที่แม้จะมีอำนาจควบคุมบริษัทในเครือแต่มิได้ประกอบธุรกิจด้วยตนเอง ในขณะที่กฎหมายต่างประเทศมีการตีความอย่างกว้างให้ครอบคลุมถึงบริษัทที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอื่น หรือมีบทบัญญัติเฉพาะในการกำกับดูแลบริษัทโฮลดิ้ง การวิจัยนี้จึงเสนอให้แก้ไขนิยาม “ผู้ประกอบธุรกิจ” ให้ครอบคลุมถึงบริษัทที่มีอำนาจควบคุมหรือมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ประกอบธุรกิจอื่น ปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาความสัมพันธ์ทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการ และออกแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการพิจารณาอำนาจควบคุมและความรับผิดของบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล</p> พีรพงศ์ จงไพศาลสกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 พีรพงศ์ จงไพศาลสกุล https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 73 95 การควบคุมมิให้กฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ ศึกษากรณี กฎเกณฑ์ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/279114 <p>การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเอกสารซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประเด็นหลักดังต่อไปนี้<br />1) บทบัญญัติกฎเกณฑ์ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมายสามารถเป็นวัตถุแห่งการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของไทยได้หรือไม่<br />2) บทบัญญัติกฎเกณฑ์ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมายซึ่งกำหนดให้ใช้สัญชาติของสามีเป็นจุดเกาะเกี่ยวในความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสและให้ใช้สัญชาติของบิดาในความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดาและบุตรขัดหรือแย้งกับหลักความเสมอภาคระหว่างเพศตามรัฐธรรมนูญของไทยหรือไม่<br />จากการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พุทธศักราช 2481 ไม่ควรอยู่นอกขอบเขตของการควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการเลือกกำหนดจุดเกาะเกี่ยวของแต่ละลักษณะข้อกฎหมายล้วนได้รับอิทธิพลจากข้อความคิดที่ปรากฏอยู่ในกฎหมายแพ่งและระบบคุณค่าของสังคมในขณะที่ตรากฎหมาย นอกจากนี้ ยังไม่เคยปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยที่เกี่ยวกับหลักความเสมอภาคระหว่างเพศว่า ศาลอาศัยเหตุผลที่ว่าระบบคุณค่าที่อยู่เบื้องหลังบทบัญญัติของกฎหมายขัดต่อหลักความเสมอภาคระหว่างเพศเพื่อวินิจฉัยว่าบทบัญญัติกฎหมายใดขัดต่อหลักการดังกล่าว แต่จะต้องเป็นกรณีซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ปฏิบัติแตกต่างกันและส่งผลให้บุคคลเสียไปซึ่งสิทธิบางประการอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเหตุแห่งเพศ <br />ดังนั้น ผู้วิจัยเห็นว่าการวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบทบัญญัติกฎเกณฑ์ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย ควรนำระบบคุณค่าที่อยู่เบื้องหลังการบัญญัติกฎหมายมาพิจารณาประกอบด้วย นอกจากนี้ ควรแก้ไขจุดเกาะเกี่ยวในกฎหมายขัดกันของไทยให้เป็นกลางทางเพศโดยให้สามารถรองรับการก่อตั้งครอบครัวในบริบทของความหลากหลายทางเพศ</p> มุกกระจ่าง จรณี อรรัมภา ไวยมุกข์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มุกกระจ่าง จรณี, อรรัมภา ไวยมุกข์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 97 128 การกำหนดบทลงโทษทางปกครองและทางอาญาร่วมกันในกรณีความประมาทเลินเล่อของ ภาระผูกพันหลังการทำเหมืองขององค์กร: กรณีศึกษาเปรียบเทียบกฎระเบียบการทำเหมืองแร่ของประเทศอินโดนีเซีย ไทย และแอฟริกาใต้ https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/268144 <p>วิธีการทางกฎหมายอันเหมาะสมและบทบัญญัติของกฎหมายที่เพียงพอต่อการลงโทษนิติบุคลคลซึ่งละเลยหน้าที่อันต้องกระทำการหลังการขุดเหมืองแร่นั้นถือเป็นประเด็นในทางกฎหมายที่หลายประเทศทั่วโลกไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรนัก นอกจากการละเว้นหน้าที่ดังกล่าวโดยประมาทจะส่งผลร้ายทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน บริเวณรอบพื้นที่แล้ว การกระทำดังกล่าวยังส่งผลเสียต่อตัวนิติบุคคลด้วย ในอินโดนีเซียมีผู้เห็นว่าการบังคับใช้มาตรการบังคับทางปกครองเพียงอย่างเดียวก็สามารถป้องปรามการกระทำดังกล่าวได้อย่างเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายของอินโดนีเซียกับประเทศไทยและแอฟริกาใต้แล้ว พบว่ามีการใช้มาตรการทางอาญาควบคู่ไปกับมาตรการบังคับทางปกครอง ดังนั้น กรณีดังกล่าวจึงนำมาสู่ปัญหาของงานวิจัยฉบับนี้ว่า การบังคับใช้มาตรการทางอาญาควบคู่ไปกับมาตรการบังคับทางปกครองต่อความผิดฐานละเลยหน้าที่ที่พึงต้องกระทำหลังการขุดเหมืองแร่โดยประมาทจะมีผลสัมฤทธิ์มากกว่าการใช้มาตรการบังคับทางปกครองเพียงอย่างเดียวหรือไม่ และการใช้โทษทางอาญาในความผิดฐานดังกล่าวนั้นขัดต่อหลักความได้สัดส่วนและหลักการกำหนดความผิดในทางอาญาหรือไม่</p> <p>บทความวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาปัญหาดังกล่าวโดยเน้นการวิเคราะห์หลักเกณฑ์ทางทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง และเปรียบเทียบกฎหมายของประเทศไทยและแอฟริกาใต้</p> ฟาเรียน ริสกี้ ลิขสิทธิ์ (c) 2023 ฟาเรียน ริสกี้ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 129 150 ปัญหาของการตีความข้อยกเว้นด้านความมั่นคงตามมาตรา XXI(b) ขององค์การการค้าโลก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/276033 <p>บทความวิจัยนี้ศึกษาพัฒนาการของการตีความมาตรา XXI(b) ขององค์การการค้าโลก (WTO) เกี่ยวกับข้อยกเว้นด้านความมั่นคง ตั้งแต่ยุค GATT จนถึงปัจจุบัน โดยวิเคราะห์แนวปฏิบัติและคำวินิจฉัยในการยกอ้างข้อยกเว้นนี้ ผลการศึกษาพบว่า ในยุค GATT และ WTO ตอนต้น การตีความมาตรา XXI ยังขาดความชัดเจน โดยมีการอ้างอิงข้อยกเว้นนี้น้อยมาก และในกรณีที่มีการอ้างอิง ส่วนใหญ่มักยุติด้วยการเจรจา<br />ตกลงกันโดยไม่ผ่านกระบวนการวินิจฉัยที่จะก่อให้เกิดบรรทัดฐานหรือแนวปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ยุคสงครามการค้า การอ้างอิงข้อยกเว้นนี้ตามมาตรา XXI(b) ได้แพร่หลายมากขึ้น และคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทแห่ง WTO ได้แสดงแนวโน้มที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในหลายประเด็น เช่น การให้รัฐใช้ดุลพินิจในส่วนของบทนำและเป็นอำนาจพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทในบทเฉพาะ การแบ่งองค์ประกอบของบทบัญญัติและการตีความ “ผลประโยชน์สำคัญในด้านความมั่นคง” แต่ยังคงมีประเด็นที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องการตีความ “สถานการณ์ฉุกเฉินในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” และขอบเขตการใช้ดุลพินิจของรัฐที่จะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท</p> นิธินันท์ ลีธนะกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 นิธินันท์ ลีธนะกุล https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 151 167 การใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบในลักษณะการเอาเปรียบด้านการคุ้มครองข้อมูลและการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกา: ปัจจัยขับเคลื่อนและท่าทีของ FTC (ตอนที่ 1: ปัจจัยสภาพความเป็นจริงของตลาดและปัจจัยภายนอกจากสหภาพยุโรป) https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawchulajournal/article/view/278665 <p>ปัจจัยเรื่องสภาพความเป็นจริงของตลาดดิจิทัลที่เป็นตลาดที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูลซึ่งทำให้ตลาดดิจิทัลมีความเสี่ยงต่อการถูกผูกขาดโดยแพลตฟอร์มรายใหญ่ และทำให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และปัจจัยภายนอกจากอิทธิพลการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าในสหภาพยุโรป เป็นปัจจัยสองประการแรกที่ผลักดันให้คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐอเมริกา (FTC) มองความเกี่ยวพันระหว่างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับการป้องกันการผูกขาดในแบบบูรณาการมากขึ้นและรับเอาแนวคิดการใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบในลักษณะการเอาเปรียบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลมาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการผูกขาดของตน ซึ่งนำไปสู่การดำเนินคดีป้องกันการผูกขาดกับดิจิทัลแพลตฟอร์มรายใหญ่ในระลอกล่าสุดนับแต่ปี 2020 เป็นต้นมา รวมถึงการดำเนินคดีกับ Facebook ของ FTC</p> ปุลวิทย์ วาณิชยเศรษฐกุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ปุลวิทย์ วาณิชยเศรษฐกุล https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-09-29 2025-09-29 43 3 1 48