แนวทางบูรณาการเพื่อความปลอดภัยในการย้ายถิ่นชาติพันธุ์ไตจากรัฐฉาน เข้าสู่ประเทศไทยทางชายแดนจังหวัดเชียงราย
คำสำคัญ:
การย้ายถิ่น, ความปลอดภัยในการย้ายถิ่น, ชาติพันธุ์ไต, รัฐฉาน, ชายแดนประเทศไทยบทคัดย่อ
การย้ายถิ่น เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมของกลุ่มประชากรโลกที่เกิดขึ้น เพื่อการอพยพโยกย้ายถิ่นที่อยู่ที่ทำมาหากิน ที่ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับตนเอง ครอบครัว และหมู่คณะมายาวนานนับพันปี อาจจะด้วยเหตุผลหลากหลายประการ จากการสภาพการผันแปรทางธรรมชาติ ความรุนแรงทางการเมืองการปกครองด้วยลัทธิความเชื่อ และทางภาวะขาดแคลน กดดันทางเศรษฐกิจ ดังเช่นที่เกิดกับกลุ่มชาติพันธุ์ไตในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดการย้ายถิ่นข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมติดตามมาในหลายๆประเด็นและหลายระดับทั้งในพื้นที่ต้นทาง ชุมชนชาติพันธุ์ไตในรัฐฉานเอง ชุมชนทางผ่าน ชายแดนจังหวัดเชียงรายและเมืองปลายทางเช่นจังหวัดเชียงราย และมีแนวโน้มรุนแรงและซับซ้อนขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ จัดทำแนวทางยุทธศาสตร์ นโยบายการป้องกันแก้ไขและพัฒนาอย่างเป็นระบบแบบแผน งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาบริบทและผลกระทบจากการย้ายถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ไตจากรัฐฉานเข้าสู่ประเทศไทยทางชายแดนจังหวัดเชียงราย และเพื่อจัดทำแนวทางบูรณาการความปลอดภัยในการย้ายถิ่น ของกลุ่มชาติพันธุ์ไตจากรัฐฉานเข้าสู่ประเทศไทยทางชายแดนจังหวัดเชียงราย เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างผู้ย้ายถิ่นชาติพันธุ์ไต การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญจำนวน 50 ราย สัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง กับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 30 ราย และ จัด โครงการอบรมแกนนำเยาวชนชนไตเพื่อการย้ายถิ่นที่ปลอดภัย (Shan Youth Safety Training to End Risky Migration) ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มชาติพันธุ์ไตส่วนมากเป็นคนไร้สัญชาติ เมื่อต้องการเดินทางข้ามแดนต้องใช้วิธีเดินหลบหลีก จ้างรถ จ้างคนนำทาง เดินทางลัดเลาะป่า ภูเขา หลบด่านตรวจ ข้ามเรือ ข้ามน้ำ มีอันตรายสูง รวมถึงอาจถูกทำร้ายจนถึงชีวิต ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีผลต่อชุมชนชายแดนในอำเภอแม่สายที่ต้องรับรองผู้ย้ายถิ่นที่ผิดกฎหมาย เกิดปัญหาเด็กที่เคลื่อนย้ายติดตามครอบครัวมา หรือเกิดใหม่ในชุมชนจะขาดเอกสารหลักฐาน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน และการบริการของรัฐ เป็นเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ ด้านแนวทางบูรณาการความปลอดภัยในการย้ายถิ่นได้มีโครงการนำร่องป้องกันกลุ่มเสี่ยง (SYSTERM) ด้วยการมีตัวแทนเยาวชนคัดเลือกจาก 19 องค์กรในพื้นที่ต้นทางรัฐฉาน ด้วยการพยายามนำแนวทางที่สอดคล้องกับหลักการสากลมาใช้อย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของกลุ่มชาติพันธุ์ไตและผู้ย้ายถิ่นทุกๆคนจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ที่ข้ามแดนเข้าสู่จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย
เอกสารอ้างอิง
Assawarangseekul A.(2019). Problems of Ethnic Groups in Thailand: Cultural Identity Changes. National Academic Conference Rangsit University for the year 2019. April 26, 2019.p.947-957.
Boonlert A.(2009). Discourse of “Alien” and Constructing “Otherness” of
the Displaced Shan. Journal of Social Sciences, Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University 21 (2), 103-41.
Bunrueang A.(2008). Migration For Education and Social Mobility : A Case
Study of Keng Tung Monks Studying in Religion Universities of Chiang Mai Province. Master of Arts (Regional Studies). Chiang Mai: Chiang Mai University
Charernwongsak K.(2003). Integral Thinking. Pimlak Krungtep:Success Medea.
Chatrakhom S. (1980). International Economical Labor (second printing)
Everett S. Lee. (1966). “A Theory of Migrations”, Demography, Vol. 3, No. 1, p. 49.
Gusztav Names. (2005) Integrated Rural Development the Concept and Its Operation. Budapest: Economics Hungarian Academy of Sciences. kf
International Organization for Migration (2013). Model change study project Migration of workers from Burma and its impact on Thailand.IOM Development Fund (IOM). International Organization for Migration. Bangkok office, Thailand.
Panyoy S. (2010). Case study of The Effects from Foreign Migrants Labor Sampran District Nakornpathom Province. Master Degree Decertation of Business Management, Public Management Branche, Commerce Since College, Burapa University.
Ramingwong P.(2015). “Living In-between”: The Distinctive Position of Shan Migrants in Thailand. interdisciplinary research journal. Vol. 4, No. 4, p.1-6.
Sai Sin A.(2009). escaping the crocodile of Burmese female workers A future Without light. Retrieved March 15, 2021 http://midnightuniv.tumrai.com/midnighttext/0009999808.html.Accessed January 15, 2015.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"บทความวิชาการในวารสารฉบับนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น"
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
