แนวทางการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานเป็นทีม กับการบริหารงานวิชาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน ของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4
คำสำคัญ:
การทำงานเป็นทีม, การบริหารวิชาการ, ผู้บริหารสถานศึกษาบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การบริหารงานวิชาการเป็นหัวใจสำคัญของสถานศึกษา ซึ่งมีความจำเป็นต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผน การลำดับขั้นตอนการดำเนินงาน การช่วยเหลือ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การสื่อสารแบบเปิดเผย การให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน หากบุคลากรในสถานศึกษามีการทำงานเป็นทีมที่ดี ก็มีแนวโน้มที่ทำให้งานวิชาการประสบความสำเร็จไปด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ในทางตรงกันข้ามถ้าบุคลากรในสถานศึกษาใดมีการทำงานเป็นทีมน้อย ก็มีแนวโน้มที่ทำให้งานวิชาการมีการปฏิบัติน้อยตามไปด้วย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการจัดการศึกษาในสถานศึกษา ในการนี้ผู้วิจัยเป็นครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 มีความสนใจที่จะศึกษาในประเด็นดังกล่าวในหน่วยงานของตนเอง เพื่อนำมาสู่การพัฒนาที่ถูกต้อง เหมาะสมได้ต่อไป จากสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาวิจัยในเรื่อง แนวทางการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานเป็นทีมกับการบริหารงานวิชาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการทำงานเป็นทีมของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 2) ศึกษาการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 3) ศึกษาความสัมพันธ์ของการทำงานเป็นทีมกับการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 4) พัฒนาแนวทางการทำงานเป็นทีมกับการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 ประชากร ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 11 โรงเรียน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 38 คน ครู จำนวน 829 คน รวมทั้งสิ้นเป็น จำนวน 867 คน ตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 ปีการศึกษา 2566 กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเทียบกลุ่มตัวอย่างของ Krejcie & Morgan (1970: 607-610) ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 36 คน ครูจำนวน 265 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์สหสัมพันธ์อย่างง่ายตามแนวคิดของเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า 1) การทำงานเป็นทีมของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 โดยรวมภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการมีปฏิสัมพันธ์ ด้านการยอมรับนับถือ ด้านการติดต่อสื่อสาร ด้านการไว้วางใจซึ่งกันและกัน ด้านเป้าหมายของทีม เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ตามลำดับ 2) การบริหารงานวิชาการของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 กลุ่ม 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และรายด้านมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงจากค่ามากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ด้านการวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน ด้านการพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษา ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ด้านการนิเทศการศึกษา ด้านการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ตามลำดับ 3) การทำงานเป็นทีมของสถานศึกษาโดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัย โดยด้านที่มีความสัมพันธ์สูงสุด คือ ด้านการวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน และด้านการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และด้านที่มีความสัมพันธ์น้อยที่สุดคือ ด้านเป้าหมายของทีม และด้านการวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน
เอกสารอ้างอิง
ขณิศรา ต้นสอน. (2565). การศึกษาการทำงานเป็น ทีมของผู้บริหารและครูในจังหวัดสุพรรณบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9. วารสารสิรินธรปริทรรศน์. 23 (2).
ชัยวัฒน์ อุทธา. (2556). การมีส่วนร่วมของครูผู้สอน ในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่. วารสารบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น.2(1).
ดุสิตา เลาหพันธุ์ และภัคณัฏฐ์ สมพงษ์ธรรม. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการทํางานเป็นทีมของครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตจังหวัด ตราด สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17. วารสารวิชาการ. มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย. ฉบับสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์. 9 (3).
นนทวัตร ทาหอม. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานเป็นทีมกับการบริหารงานวิชาการของ โรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ปทุมกาญจน์ ทรงอาจ. ชยากานต์ เรืองสุวรรณ. (2565). แนวทางการพัฒนาการทำงานเป็นทีม ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม. วารสารการบริหารการปกครองและนวัตกรรมท้องถิ่น.
ยงยุทธ เกษสาคร.(2552). ภาวะผู้นําและการทำงานเป็นทีม. กรุงเทพฯ: วี.เจ.พริ้นติ้ง.
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ. (2556). การสร้างทีมงาน. กรุงเทพฯ: ดวงกมลสมัย.
สุวรรณา พงษ์ผ่องพูล, ปริญญา มีสุข. (2560). การทำงานเป็นทีมที่ส่งผลต่อการบริหารงานวิชาการ ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ปทุมธานี เขต 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณทิต. สาขาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
อรอัยริน เลิศจิรชัยวงศา. ลินดา นาคโปย และกัญกร เอี่ยมพญา. (2564). ทักษะการบริหารของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี. วารสารสิรินธรปริทรรศน์. 22 (1).
อริศษรา อุ่มสิน. (2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัย ราชภัฏรำไพพรรณี.
อารี ศรีใสพัฒนกุล, อรุณ จุติผล และสำเริง จันชุม. (2560). บทบาทของครูผู้ช่วยในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2. วารสารนาคบุตรปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.9 (1) : 194.
อำนวย มีสมทรัพย์. (2553). การศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างการทำงานเป็นทีมกับการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
Jasper. J. D. (2010). Teaming as a School Enhancement strategy: An Examination of the Conditions. Features and Dynamics of Teacher Work Teams in two Local Elementary Schools.
Grimmer. Jordan. L. (2014). Leadership and Team Building Factors that Contribute to the Success of Archives and Records. [online]. Available.from: http://cedar.wwu.edu/ wwuet/336/.
Krejcie, R.V.and Morgan, D.W. (1970). Determining Sampling Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement. 30 (3).
Pitoe, J.V. (2014). How do school management tems experience teams experience teamwork: A case study in the school in school in the Kamweng district. Uganda Mediterrnean. Journal of social science, 5 (3).
Smith, David. (2006). Exploring Innovation. Berkshire: McGraw-Hill Education.
Woodcock, M. & Francis, D. (1994). Teambuilding strategy. (2nd ed.). England : Gower House.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 ภาวนาสารปริทัศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.