นวัตกรรมการเรียนรู้โครงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชน กรณีซิ่ง ซ่า มั่วเซ็กส์ เสพยา (โครงการ 3 ซ.)

Main Article Content

วลัยพร รัตนเศรษฐ

Abstract

          การศึกษาวิจัยนวัตกรรมการเรียนรู้โครงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชน กรณีซิ่ง ซ่า มั่วเซ็กส์ เสพยา (โครงการ 3 ซ.) มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1.) เพื่อหารูปแบบการดำเนินการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน 2.) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานของตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี 3.) เพื่อศึกษาถึงสาเหตุที่แท้จริงของการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชน 4.) เพื่อถอดนวัตกรรมความสำเร็จของโครงการ 3 ซ.
          ผู้วิจัยได้ใช้เทคนิคการวิจัยคุณภาพได้แก่ การวิจัยเอกสาร การสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์เชิงลึก และใช้เทคนิคการสำรวจความคิดเห็นประกอบการศึกษา จากผลการศึกษา พบว่ารูปแบบของการดำเนินการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวคือ รูปแบบการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และวิธีการของตำรวจ ซึ่งใช้กลยุทธ์จับใจเด็กและเยาวชน 3 ซ. และการสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
          ด้านผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงาน พบว่า เด็กและเยาวชนเลิกพฤติกรรม 3 ซ.ทั้งหมด มีสัมมาคารวะ เชื่อฟังพ่อแม่มากขึ้น มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัยมากขึ้น ส่งผลให้ชุมชนและสังคมมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่า สาเหตุที่แท้จริงของการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมาจากปัจจัยภายในได้แก่ การมีครอบครัวที่แตกแยก ผู้ปกครองหย่าร้างกัน พ่อแม่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีรวมทั้งสนับสนุนลูกในทางที่ผิด และพฤติกรรมการดื่มสุราและเสพยาเสพติด และปัจจัยภายนอกได้แก่ เพื่อนชักชวน สื่อ ระบบการศึกษา และธุรกิจอู่แต่งรถที่สนับสนุนให้แข่งรถจักรยานยนต์ ต่างก็เป็นสาเหตุของการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ นวัตกรรมที่โดดเด่นของโครงการ 3 ซ. คือ การสร้างการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาของภาคส่วนต่างๆทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน การแปรเปลี่ยนบทบาททำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการขับเคลื่อนของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารจังหวัด
          สำหรับข้อเสนอแนะโครงการ 3 ซ. ควรมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆโดยภาครัฐควรให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน ภาคสังคมต้องมีความเข้าใจเด็กและเยาวชนตลอดจนมีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน

Article Details

Section
Research Article