การเพิกถอนนิติกรรม “ฉ้อฉล” และการปกป้องเจ้าหนี้ของบริษัทในประเทศไทย: เปรียบเทียบกับกฎหมายอังกฤษและเยอรมัน

Main Article Content

Adam Reekie

บทคัดย่อ

หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในประเทศไทยฉบับล่าสุด ยอมรับความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาผลประโยชน์ของบุคคลหลายกลุ่มในการตัดสินใจของกิจการ รวมทั้งผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ของบริษัท อย่างไรก็ดี เมื่อสภาพแวดล้อมทางกฎหมายไม่เป็นไปในทางเดียวกับคุณค่าที่แสดงไว้ในหลักการดังกล่าว จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงที่กิจการจะละเลยข้อบังคับที่ขัดกัน บทความนี้ศึกษาแง่มุมหนึ่งของการคุ้มครองเจ้าหนี้ของบริษัทโดยการใช้กฎหมายว่าด้วยบริษัทและกฎหมายล้มละลาย และสิทธิที่จะเพิกถอนนิติกรรมฉ้อฉล ซึ่งกฎหมายไทยในเรื่องนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับกฎหมายว่าด้วยบริษัทและกฎหมายล้มละลาย คือได้รับการปลูกถ่ายจากต้นแบบกฎหมายยุโรปในช่วงคริสศตวรรษที่ 19 และคริสศตวรรษที่ 20 ตอนต้น ซึ่งกฎหมายอังกฤษและเยอรมันมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี การศึกษาเปรียบเทียบแหล่งที่มาของกฎหมายเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า แม้กฎหมายไทยจะมีลักษณะคล้ายกับกฎหมายเหล่านี้เมื่อพิจารณาโดยผิวเผิน แต่แท้จริงแล้วกฎหมายไทยมีพัฒนาการที่ต่างไป กล่าวคือ แม้ว่ากฎหมายอังกฤษและเยอรมันจะมีพัฒนาการเรื่องการคุ้มครองเจ้าหนี้ที่ต่างกัน แต่กฎหมายทั้งสองระบบใช้วิธีการทดสอบแบบภาววิสัยในการแก้ปัญหาเรื่องการเจือจางสินทรัพย์ในบริบทบางประการ ซึ่งต่างจากกฎหมายไทยที่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการกระทำอันขาดจริยธรรมโดยบุคคลภายในบริษัทเพื่อให้เจ้าหนี้สามารถได้รับการเยียวยาได้ แนวคิดของกฎหมายไทยดังนี้จึงต่างอย่างชัดเจนกับกฎหมายในประเทศที่นำมาเปรียบเทียบ ในที่สุดแล้ว กฎหมายไทยสนับสนุนให้มีความยืดหยุ่นในการที่บุคคลภายในบริษัทจะสามารถบริหารทรัพย์สินของบริษัท แม้ว่าจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อเจ้าหนี้ หากว่าการกระทำถือเป็นการกระทำที่มีจริยธรรม ข้อสรุปเหล่านี้จึงค้านกับข้อสันนิษฐานโดยนัยในการนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาใช้ รวมทั้งค้านกับการนำหลักการนี้ไปใช้ในสภาพแวดล้อมทางกฎหมายของประเทศไทย

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิชาการ