ความเป็นไปได้ของการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐสำหรับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
Main Article Content
บทคัดย่อ
ปัจจุบันการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างกันโดยวิธีใด จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 และกฎหมายลำดับรอง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทด้านพลังงานที่แปรรูปมาจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับการยกย่องจากหน่วยงานภายนอกหลายแขนงว่ามีศักยภาพและความเชี่ยวชาญเป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศ เล็งเห็นโอกาสที่จะต่อยอดศักยภาพและความเชี่ยวชาญดังกล่าว โดยหนึ่งในโอกาสที่น่าสนใจ ก็คือ การร่วมลงทุนในกิจการของรัฐในรูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ที่จะเน้นการนำศักยภาพและความเชี่ยวชาญในด้านหน่วยธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกอันเป็นจุดแข็งของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มาใช้ในการดำเนินโครงการของรัฐ อย่างไรก็ดี รูปแบบโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ ยังคงทำให้เกิดความสับสนในเรื่องสถานะองค์กรจนอาจเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดข้อพิพาทหรือข้อสงสัยอันเกี่ยวพันกับสถานะทางกฎหมายและการมีสิทธิเข้าร่วมประมูลงานในกิจการของรัฐของบริษัทฯ ได้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในรูปแบบของการลงทุนโดยตรงจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือการลงโดยบริษัทในเครืออาทิ เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ประกอบการพิจารณาการตัดสินใจ และการชี้แจง สำหรับร่วมลงทุนในกิจการของรัฐของโครงการต่าง ๆ ในอนาคตต่อไป
Article Details
ลิขสิทธิ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ของวารสารกฎหมาย (รวมถึง โดยไม่จำกัดเฉพาะ เนื้อหา รหัสคอมพิวเตอร์ งานศิลป์ ภาพถ่าย รูปภาพ ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ) เป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย และผู้ได้รับการโอนสิทธิทุกราย
1. วารสารกฎหมาย ให้อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอันไม่เฉพาะเจาะจงที่สามารถถูกถอนเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในการ
- เยี่ยมชมเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้ จากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือสื่อสารผ่านเว็บบราวเซอร์
- คัดลอกและจัดเก็บเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้บนลงคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านระบบความจำ cache
- สั่งพิมพ์เอกสารจากเว็บไซต์นี้สำหรับการใช้ส่วนตัวของคุณ
- ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกคุ้มครองภายใต้ Creative Commons Attribution 4.0 International License ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถคัดลอก แจกจ่าย ดัดแปลง ส่งต่อ ผลงานได้ ก็ต่อเมื่อผลงานและแหล่งข้อมูลได้รับการอ้างอิงอย่างเหมาะสม
2. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และเอกสารบนเว็บไซต์นี้ เช่น การคัดลอก ดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ส่งต่อ ตีพิมพ์ แจกจ่าย เผยแพร่ จัดแสดงในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งเว็บไซต์หรือเอกสารบนเว็บไซต์ โดยไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. คุณอาจขออนุญาตที่จะใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยการเขียนอีเมลล์มายัง journal@law.chula.ac.th
4. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้มงวดกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างมาก หากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าคุณได้ใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยไม่ถูกต้องตามการอนุญาตให้ใช้สิทธิ ดังที่กล่าวไปข้างต้น วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคุณได้ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เป็นตัวเงินและคำขอชั่วคราวให้คุณหยุดการใช้เอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ คุณอาจถูกสั่งให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายนี้
หากคุณพบเห็นการใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ขัดหรืออาจขัดต่อการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยเชื่อว่าได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณหรือของผู้อื่น สามารถร้องเรียนมาได้ที่ journal@law.chula.ac.th