มาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันการฟ้องปิดปากในคดีอาญา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การมีส่วนร่วมในประเด็นสาธารณะของประชาชนเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามที่กฎหมายรับรองไว้โดยรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แสดงออก ร้องเรียน หรืออื่น ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางสาธารณะย่อมต้องได้รับความคุ้มครอง อย่างไรก็ดี แม้ว่าในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมสำหรับการกลั่นกรองคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องโดยไม่สุจริตและพนักงานอัยการจะมีดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องคดีก็ตาม แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการนำกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเป็นเครื่องมือในการปิดกั้นโดยการฟ้องหรือร้องทุกข์ต่อการกระทำที่ตนเองอ้างว่าได้รับความเสียหายโดยมีวัตถุประสงค์ในการยับยั้งการมีส่วนร่วมทางสาธารณะของประชาชน เรียกว่า “การฟ้องปิดปากในคดีอาญา” ซึ่งมีผลในการข่มขู่ยับยั้งที่รุนแรง เพราะผลบังคับทางอาญาย่อมกระทบต่อเนื้อตัวร่างกาย และยังทำให้ผู้ฟ้องปิดปากมีอำนาจต่อรองกับผู้ถูกฟ้องได้มากกว่าคดีประเภทอื่น
บทความฉบับนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ปัญหาของการฟ้องปิดปากในประเทศไทย อันได้แก่ ปัญหาของมาตรการกลั่นกรองคดีกรณีราษฎรและปัญหาของการใช้ดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องคดีของพนักงานอัยการสำหรับกรณีฟ้องปิดปาก รวมถึงปัญหาของร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ซึ่งได้ความว่าควรจะนำมาตรการยื่นคำขอยุติคดีโดยเร็วมาใช้สำหรับป้องกันการฟ้องปิดปากในชั้นวิธีพิจารณา
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ของวารสารกฎหมาย (รวมถึง โดยไม่จำกัดเฉพาะ เนื้อหา รหัสคอมพิวเตอร์ งานศิลป์ ภาพถ่าย รูปภาพ ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ) เป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย และผู้ได้รับการโอนสิทธิทุกราย
1. วารสารกฎหมาย ให้อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอันไม่เฉพาะเจาะจงที่สามารถถูกถอนเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในการ
- เยี่ยมชมเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้ จากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือสื่อสารผ่านเว็บบราวเซอร์
- คัดลอกและจัดเก็บเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้บนลงคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านระบบความจำ cache
- สั่งพิมพ์เอกสารจากเว็บไซต์นี้สำหรับการใช้ส่วนตัวของคุณ
- ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกคุ้มครองภายใต้ Creative Commons Attribution 4.0 International License ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถคัดลอก แจกจ่าย ดัดแปลง ส่งต่อ ผลงานได้ ก็ต่อเมื่อผลงานและแหล่งข้อมูลได้รับการอ้างอิงอย่างเหมาะสม
2. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และเอกสารบนเว็บไซต์นี้ เช่น การคัดลอก ดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ส่งต่อ ตีพิมพ์ แจกจ่าย เผยแพร่ จัดแสดงในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งเว็บไซต์หรือเอกสารบนเว็บไซต์ โดยไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. คุณอาจขออนุญาตที่จะใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยการเขียนอีเมลล์มายัง journal@law.chula.ac.th
4. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้มงวดกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างมาก หากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าคุณได้ใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยไม่ถูกต้องตามการอนุญาตให้ใช้สิทธิ ดังที่กล่าวไปข้างต้น วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคุณได้ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เป็นตัวเงินและคำขอชั่วคราวให้คุณหยุดการใช้เอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ คุณอาจถูกสั่งให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายนี้
หากคุณพบเห็นการใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ขัดหรืออาจขัดต่อการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยเชื่อว่าได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณหรือของผู้อื่น สามารถร้องเรียนมาได้ที่ journal@law.chula.ac.th