ผลกระทบกรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - จีน ต่อมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ในประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
ภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศ (Free Trade Area : FTA) มาตรการยกเว้นอากรศุลกากรนำเข้าสินค้า นับเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดำเนินนโยบายการเปิดเสรีทางการค้า เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านภาษี (Tariff Barrier) ระหว่างประเทศภาคีสมาชิก ส่งผลทำให้ลดต้นทุนการผลิตสินค้าภายในประเทศให้ต่ำลง แต่ในทางกลับกันอาจเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมทารกภายในประเทศ ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศได้เช่นเดียวกัน และจากการเจรจาภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน – จีน (ASEAN - China Free Trade Area: ACFTA) ส่งผลให้การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles: BEV) ภายใต้พิกัดศุลกากร 8703.80 จากประเทศจีน ได้รับการยกเว้นอากรศุลกากรนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ทั้งคัน (Completely Build Unit: CBU) โดยประเทศไทย กัมพูชาและสิงคโปร์ โดยบทความนี้จะกล่าวถึง ผลกระทบของการยกเว้นอากรศุลกากรนำเข้าดังกล่าวว่าเป็นมาตรการที่ขัดต่อแนวคิดการปกป้องและแนวคิดการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ภายในประเทศ อันก่อให้เกิดผลกระทบหลายประการกล่าวคือ เป็นการลดทอนประสิทธิภาพมาตรการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ ส่งผลกระทบต่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า BEV ที่สำคัญ (Technology & Innovation) รวมถึงส่งผลให้เกิดการเบี่ยงเบนด้านการลงทุน (Investment Diversion) ไปยังประเทศอื่นด้วย จึงเสนอให้ประเทศไทยเปิดการเจรจาเพื่อยกเลิกข้อผูกพันไม่เก็บอากรขาเข้า ควบคู่ไปกับการปรับใช้นโยบายเพื่อเร่งให้ผู้ประกอบการภายในประเทศปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV ภายในประเทศของตน เพื่อแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ของวารสารกฎหมาย (รวมถึง โดยไม่จำกัดเฉพาะ เนื้อหา รหัสคอมพิวเตอร์ งานศิลป์ ภาพถ่าย รูปภาพ ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ) เป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย และผู้ได้รับการโอนสิทธิทุกราย
1. วารสารกฎหมาย ให้อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอันไม่เฉพาะเจาะจงที่สามารถถูกถอนเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในการ
- เยี่ยมชมเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้ จากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือสื่อสารผ่านเว็บบราวเซอร์
- คัดลอกและจัดเก็บเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้บนลงคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านระบบความจำ cache
- สั่งพิมพ์เอกสารจากเว็บไซต์นี้สำหรับการใช้ส่วนตัวของคุณ
- ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกคุ้มครองภายใต้ Creative Commons Attribution 4.0 International License ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถคัดลอก แจกจ่าย ดัดแปลง ส่งต่อ ผลงานได้ ก็ต่อเมื่อผลงานและแหล่งข้อมูลได้รับการอ้างอิงอย่างเหมาะสม
2. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และเอกสารบนเว็บไซต์นี้ เช่น การคัดลอก ดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ส่งต่อ ตีพิมพ์ แจกจ่าย เผยแพร่ จัดแสดงในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งเว็บไซต์หรือเอกสารบนเว็บไซต์ โดยไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. คุณอาจขออนุญาตที่จะใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยการเขียนอีเมลล์มายัง journal@law.chula.ac.th
4. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้มงวดกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างมาก หากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าคุณได้ใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยไม่ถูกต้องตามการอนุญาตให้ใช้สิทธิ ดังที่กล่าวไปข้างต้น วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคุณได้ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เป็นตัวเงินและคำขอชั่วคราวให้คุณหยุดการใช้เอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ คุณอาจถูกสั่งให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายนี้
หากคุณพบเห็นการใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ขัดหรืออาจขัดต่อการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยเชื่อว่าได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณหรือของผู้อื่น สามารถร้องเรียนมาได้ที่ journal@law.chula.ac.th