ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนและองค์การแห่งการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 13
คำสำคัญ:
ภาวะผู้นำทางวิชาการ, องค์กรแห่งการเรียนรู้, ประสิทธิผลของโรงเรียน, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 จังหวัดกระบี่บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับประสิทธิผลของโรงเรียน ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน และองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 13 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำทางวิชาการ และองค์การแห่งการเรียนรู้กับประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 3) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำทางวิชาการและองค์การแห่งการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 4) เพื่อสร้างสมการพยากรณ์ประสิทธิผลของโรงเรียนจากภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน และองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 13 กลุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอนในโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 13 จำนวน 191 คน โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น ตามขนาดของโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ แบ่งออกเป็น 3 ตอน ได้แก่แบบสอบถามภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนมีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง .41 ถึง .85 ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามเท่ากับ .93 แบบสอบถามองค์การแห่งการเรียนรู้ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ อยู่ระหว่าง .32 ถึง .88 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .96 และแบบสอบถามประสิทธิผลของโรงเรียน มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ อยู่ระหว่าง .56 ถึง .86 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation)การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple regression analysis) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 13 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนและองค์การแห่งการเรียนรู้ ของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง 2) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน และองค์การแห่งการเรียนรู้กับประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 มีความสัมพันธ์กันทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน และองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียนส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) สมการพยากรณ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน มี 4 ด้าน คือ ด้านการกำหนดภารกิจของโรงเรียน(X11), ด้านการส่งเสริมบรรยากาศทางวิชาการ(X13), ด้านการเรียนรู้เป็นทีม (X24) และด้านความคิดเชิงระบบ (X25) สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลของโรงเรียนจังหวัดกระบี่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 โดยรวมได้ร้อยละ 54.50 โดยสามารถเขียนเป็นสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ ดังนี้
Y= .66 + .26X11 + .22X13 + .21 X24 + .15X25
หรือในรูปสมการคะแนนมาตรฐานดังนี้
Z= .28Z11+.23Z13+.23Z24+.14Z25
เอกสารอ้างอิง
Bunphim, N. (2010). The relationship between learning organization in school On the effectiveness of school administration. Office of Kanchanaburi Educational Service Area. Sakon Nakhon: Thesis Master of Education, Faculty of Education, Sakon Nakhon Rajabhat University (in Thai)
Chaiwanijsiri, K. (1993). Factors effecting perormance success of private schools with a focus on school administrators. Master. Education Educational administration. Bangkok: Srinakharinwirot University, Prasarnmit. (in Thai).
Grader, B. L. (2003). Learning organization practices in public school: A middle school case study. Doctoral Dissertation in Educational Adminitration, The University of New Mexico.
Hoy, Wayne. K. & Cecil G. Miskel. (1991). Educational Administration : Theory Research and Practice: 4th ed. New York : Harper Collins.
Hallinger, P., & Murphy, J. (1985). Assessing the Instructional Management Behaviors of Principals. Elementary School Journal, 86, 217-247.
Jaikom, K. (2011). State of being a learning organization of far eastern university, Chiang Mai province. Chiang Mai: The Far Eastern University (in Thai).
Kerjcie, R. V. & Morgam, D.W. (1970). Determining sample size. New York: Harper and Row.
Mcllvain, S.L. (1986) Improving the instructional leadership of elementary principals though in-service training. Dissertation abstracts international , 47(6), 1959-A.
Mott, P. E.(1972). The Characteriatics of Effective Organizations. New York: Harper and Row.
Nithipasoetkun, P. (2004). Leadership and Learning Organization Factors Affecting School Elementary Education under the Office of the Basic Education Commission In the East Coast Development Zone. Chon buri: Master of Education, Educational Administration, Burapha University. (in Thai)
Oamthaw, P. (2005). A study of academic leadership of educational administrators in Nongkhai. Khon Kaen. Khon Kaen : Master Thesis. Graduate School of Management, Khon Kaen University. (in Thai)
Office of the Secondary Education Region 13. (2013). Annual Performance Report 2012. Bangkok: Office of the Secondary Education Region 13. (in Thai)
Pengbut, T. (2010). Organizational Factors Affecting School Productivity Effectiveness Under the Jurisdiction of the Office of the Basic Education Commission. Udon Thani: Ph.D. thesis Udon Thani Rajabhat University. (in Thai)
Runjaroen, T. (2003). School Administration Reform Education. (2). Bangkok: Sorghum. (in Thai)
Seangphring, K. (1998). A study of the academic leadership of the school administrators and their effectiveness. High school Department of General Education. Faculty of Education Chon buri : Master Thesis Burapha University. (in Thai).
Simachokdee, V. (2000). Quality is learning. (2nd ed). Bangkok. (in Thai)
Saweangkan, R. (2005). Relationship between executive personality and effectiveness of private education institution. Office of the Private Education Commission. Chon buri: Education: Master’s degree thesis College Burapa university. (in Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"บทความวิชาการในวารสารฉบับนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น"
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
