An Analysis and Comparison the performance of Tan-Yong Thai Buddhist and Thai Muslim
คำสำคัญ:
วิเคราะห์เปรียบเทียบรูปแบบการแสดงเพลงตันหยง, การแสดงเพลงตันหยง แบบไทยพุทธ, การแสดงเพลงตันหยงแบบไทยมุสลิมบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ประวัติความเป็นมาและรูปแบบของการแสดงเพลงตันหยง 2) รูปแบบและองค์ประกอบของการแสดงเพลงตันหยงแบบไทยพุทธและแบบไทยมุสลิม 3) วิเคราะห์เปรียบเทียบรูปแบบการแสดงเพลงตันหยงแบบไทยพุทธและแบบไทยมุสลิม ใช้วิธีดำเนินการวิจัยโดยการศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์นักดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ ผู้แสดง นักวิชาการ และการสังเกตสาธิตท่ารำและท่าเต้น การขับร้องเพลงตันหยงจากผู้แสดงคณะไทยพุทธและไทยมุสลิม ตลอดจนดำเนินการสนทนากลุ่มย่อยเพื่อพิจารณายืนยันข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ นำผลสรุปจากการสนทนากลุ่มย่อยมาวิเคราะห์และสรุปผลนำเสนอในงานวิจัย
ผลการศึกษาพบว่า 1) การแสดงเพลงตันหยงมีลักษณะที่ผสมผสานของวัฒนธรรมพื้นบ้านและวัฒนธรรมมลายูที่มาจากการเต้นรำพื้นเมือง เรียกว่าระบำชาวเกาะ และการเต้นรำแบบคลาสสิกของชาวโปรตุเกส มีการพัฒนาจนเกิดเป็นการแสดงเพลงตันหยง รูปแบบการแสดงมีทั้งบทเพลงและการเต้นโดยมีบทเพลงที่แปลเป็นภาษาไทยสอดแทรกข้อคิดในการดำเนินชีวิตและเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิง 2) การแสดงเพลงตันหยงแบบไทยพุทธและแบบไทยมุสลิม มีรูปแบบการแสดงลักษณะขั้นตอน องค์ประกอบของการแสดงในลักษณะคล้ายคลึงกันต่างกันที่รายละเอียดของวิธีการแสดง 3) การแสดงเพลงตันหยงแบบไทยพุทธ ในขั้นตอนการแสดงไม่มีการไหว้ครูแต่มีการโหมโรงด้วย คองก้า เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมเป็นสัญญาณบอกว่าการแสดงจะเริ่มขึ้น บทร้องเป็นภาษาไทยขึ้นต้นด้วยคำว่า ตันเอย ตันหยง ไม่มีเครื่องดนตรีในการดำเนินทำนอง การขับร้องไม่ใช้ทำนองเพลงรองเง็งแต่ผู้ขับร้องมีการทำทำนองเองเพื่อประกอบจังหวะในการบรรเลงดนตรี การแต่งกายของนักแสดงสวมเสื้อลักษณะคล้ายเสื้อยะหยา นุ่งผ้าปาเต๊ะ มีผ้าคล้องคอ ทรงผมรวบขึ้นติดดอกไม้ประดับที่ศีรษะ นักดนตรีสวมเสื้อเชิ้ตคอปก มีผ้าคาดศีรษะ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ท่ารำมีการประยุกต์ขึ้นใหม่ลักษณะคล้ายคลึงกับท่ารำของการแสดงนาฏศิลป์ไทย ไม่เน้นการเคลื่อนไหวของสะโพก ส่วนการแสดงเพลงตันหยงแบบไทยมุสลิม ในขั้นตอนการแสดงมีการไหว้ครูด้วยการบรรเลงเพลงลาฮูดัว บทร้องเป็นภาษาไทยขึ้นต้นด้วยคำว่า บุหงาตันหยง มีเครื่องดนตรีในการดำเนินทำนองคือไวโอลิน การแต่งกายของนักแสดงสวมเสื้อลักษณะคล้ายเสื้อยะหยา นุ่งกระโปร่งผ้าปาเต๊ะสำเร็จรูป ท่ารำพัฒนาการมาจากการแสดงรองเง็งชาวเล เน้นการเคลื่อนไหวของสะโพก
เอกสารอ้างอิง
กิตติชัย รัตนพันธ์. (2549). ดนตรี-นาฏศิลป์พื้นบ้านภาคใต้. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์โอเดี่ยนสโตร์.
นพศักดิ์ นาคเสนา. (2546). นาฏยประดิษฐ์: ระบำพื้นเมืองภาคใต้. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขานาฏศิลป์ไทยภาควิชานาฏยศิลป์คณะศิลปกรรมศาสตร์,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมบูรณ์ คำลือ. สัมภาษณ์, 16 ธันวาคม 2558.
สาลินี กลันตัน. สัมภาษณ์, 20 ตุลาคม 2558.
อภิณัฐถา ทองเกลี้ยง. (2552). ศึกษาศิลปะพื้นบ้านรองเง็งในพื้นที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่.วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต,สาขาวิชาไทยคดีศึกษา, มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
"บทความวิชาการในวารสารฉบับนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น"
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
