วิธีการกลโกง ช่องทางการสื่อสาร และประสบการณ์ในการถูกมิจฉาชีพออนไลน์ หลอกลวงของผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง “วิธีการกลโกง ช่องทางการสื่อสาร และประสบการณ์ในการถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกลวงของผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย” ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการกลโกงและช่องทางการสื่อสารที่มิจฉาชีพออนไลน์ใช้หลอกลวงผู้สูงอายุและประสบการณ์ของผู้สูงอายุที่เคยถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกลวงในจังหวัดเชียงราย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ในตำบลต่าง ๆ ของจังหวังเชียงราย โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม โดยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมทางสถิติด้วยการวิเคราะห์เชิงพรรณา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษาพบว่า วิธีการกลโกง ช่องทางการสื่อสาร และประสบการณ์ในการถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกลวงของผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า วิธีการกลโกงที่มิจฉาชีพออนไลน์ใช้หลอกลวงมากที่สุด คือ การฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในลักษณะลูกโซ่ คิดเป็นร้อยละ 30.5 รองลงมา คือ ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้ทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อให้โอนเงินไปให้ คิดเป็นร้อยละ 27.25 และน้อยที่สุด คือ การฉ้อโกงโดยใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง คิดเป็นร้อยละ 3.75 ส่วนช่องทางที่เคยโดนหลอกลวงมากที่สุด คือ ช่องทางเฟซบุ๊ก คิดเป็นร้อยละ 44 รองลงมา คือ ไลน์ คิดเป็นร้อยละ 31.25 และน้อยที่สุด คือ อินสตาแกรม คิดเป็นร้อยละ 5.25 และเมื่อผู้สูงอายุรู้ว่าตนเองถูกหลอกลวงส่วนใหญ่ใช้การโพสต์หรือประกาศลงสื่อออนไลน์เพื่อเปิดเผยตัวมิจฉาชีพ คิดเป็นร้อยละ 46.75 รองลงมา คือ แจ้งความกับพนักงานตำรวจ คิดเป็นร้อยละ 25.75 และน้อยที่สุด คือ การตามเอาเงินคืน คิดเป็นร้อยละ 6.5