论古汉语定语的结构类型
Main Article Content
Abstract
การวิเคราะห์รูปแบบโครงสร้างของหน่วยขยายนามภาษาจีนโบราณ
ตัวอักษรบนกระดองเต่าในยุคสมัยราชวงค์อินซาง หน่วยขยายนามในภาษาจีน ส่วนมากเป็นคำพยางค์เดียว มีเป็นวลีส่วนน้อยมาก สมัยราชวงศ์โจว ฉินจนถึงราชวงศ์ฮั่น ตะวันตกและฮั่นตะวันออก หน่วยขยายนามได้มีการพัฒนาเป็นอย่างมาก นอกจากคำนาม คำคุณศัพท์ คำบอกจำนวน ลักษณนาม คำกริยา คำวิเศษณ์ และวลีสามารถใช้เป็นหน่วย ขยายนามได้แล้ว ก็ยังมีหน่วยขยายนามซับซ้อนและหน่วยขยายนามในรูปแบบประโยคหรือ วลีต่างๆก็ยังสามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยขยายคำนามได้ บทความนี้มุ่งศึกษาลักษณะพิเศษ ของหน่วยขยายนามสมัยโบราณ ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้ดังนี้ คือ หน่วยขยายนามทั่วไป (หน่วยขยายคำนาม+คำหลัก) หน่วยขยายนามอยู่ด้านหลัง (คำหลัก+หน่วยขยายนาม) การ ละเว้นคำหลัก และการละเว้นหน่วยขยายนาม ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้มาจาก วรรณกรรมจีนโบราณ ผลจากการวิจัยพบว่ารูปแบบโครงสร้างหน่วยขยายนามในภาษาจีนมี การเปลี่ยนแปลงหลากหลาย ทำให้ภาษาสามารถสื่อความหมายได้อย่างราบรื่นคล้องจองกัน และมีรูปแบบประโยคหลากหลาย แต่ก็ยังคงรักษาสภาพของความสัมพันธ์ของความหมายเชิง ลึกในประโยคไว้ได้เหมือนเดิม
The classify of ancient Chinese attributive structure Analysis
In the Shang Dynasty Oracle era, the words in the Chinese attributive were mostly single-syllable words, without too many phrases. From Zhou Qin to the Han Dynasty, Chinese attribute had been developed greatly. Not only nouns, adjectives, quantifiers, verbs, adverbs and phrases but also multiple attribute, various phrases and complex attribute in sentence forms can act as attributive. From the ancient attributive syntax characteristics analysis, this paper divides the attributive type into four aspects: general attributive (attributive + center), rear attributive (attributive +center), the center word omission and attributive omitted. The study object is the ancient literature works. The study finds that the variable Chinese attributive structures, under the condition of invariable in keeping the statements in the deep semantic relations, make the language expression smooth and the language style colorful.
Article Details
ผลงานทางวิชาการที่ลงตีพิมพ์ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหรือผู้แปลผลงานนั้น หากนำลงในวารสารจีนศึกษาเป็นครั้งแรก เจ้าของผลงานสามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือหนังสืออื่นได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผลงานที่ได้รับพิจารณานำลงในวารสารจีนศึกษา เป็นผลงานที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนเจ้าของผลงานต้องจัดการเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์กับแหล่งพิมพ์แรกเอง หากเกิดปัญหาทางกฎหมาย ถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ ความคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวกับกองบรรณาธิการวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์