สภาพและปัญหาการจัดการความรู้ของโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาในเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

Abstract

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการจัดการความรู้ของโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาในเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาในเขตมีนบุรีกรุงเทพมหานคร จำนวน 12 โรงเรียน โดยเป็นกลุ่มผู้บริหาร จำนวน 50 คน และครูผู้สอนจำนวน 651 คน รวมทั้งสิ้น 701 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามที่มีลักษณะแบบสอบถาม เป็นแบบตรวจสอบรายการ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการแจกแจง และค่าร้อยละ

ผลการวิจัยพบว่า โรงเรียนมีสภาพการจัดการความรู้ ด้านการแสวงหาความรู้คือ การกำหนดวิธีการสวงหาความรู้สูงที่สุด ปัญหาที่พบคือ บุคลากรขาดความสนใจในการแสวงหาความรู้ ส่วนด้านการสร้างความรู้คือ โรงเรียนมีการกำหนดวิธีในการสร้างความรู้สูงที่สุด ปัญหาที่พบคือ ขาดการบันทึกปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน ทั้งนี้ด้านการจัดเก็บความรู้ คือ โรงเรียนมีการกำหนดวิธีในการจัดเก็บความรู้สูงที่สุด ปัญหาที่พบคือ ขาดการส่งเสริมและสนับสนุนแหล่งจัดเก็บความรู้ที่มีประสิทธิภาพ ส่วนด้านการวิเคราะห์ความรู้และการจัดกลุ่มความรู้ คือ โรงเรียนมีการวิเคราะห์ความรู้และจัดกลุ่มความรู้ในด้านงานวิชาการสูงที่สุด ปัญหาที่พบคือ บุคลากรขาดทักษะในการวิเคราะห์แยกย่อยความรู้ ทั้งนี้ด้านการถ่ายโอนความรู้และการเผยแพร่ความรู้ คือ เปิดโอกาสให้บุคลากรโอนถ่ายความรู้และเผยแพร่ความรู้นาความรู้สูงที่สุด ปัญหาที่พบคือ ขาดความร่วมมือจากบุคลากร และด้านการประยุกต์ใช้ความรู้และการตรวจสอบความรู้ คือ โรงเรียนเปิดโอกาสให้บุคลากรนำความรู้ที่ประยุกต์แล้วไปใช้เพื่อประโยชน์ของโรงเรียนสูงที่สุด ปัญหาที่พบคือ ขาดความร่วมมือจากบุคลากรอื่นๆในการนำความรู้ไปใช้

คำสำคัญ: การจัดการความรู้ / สภาพการจัดการความรู้ / ปัญหาการจัดการความรู้

Abstract

The objective of this research is to study the current state and the problems on Knowledge Management in every private school in Minburi district, Bangkok. The populations used in this research are 12 private schools located in the Minburi district, which include 50 administrators and 651 teachers. The total population is 701 people. The tool used in this educational research is a checklist questionnaire. The analytical statistics contributed in this study were frequency tables and percentage.

The result of study on Knowledge Acquisition field founds that the employees are ignorant, not intellectual and aren’t interested on updating their knowledge to the further extent. The study on Knowledge Creation field founds that there’s no recording on the problems that the school have faced. At any rate, the study on Knowledge Storage field founds that there isn’t an efficient and a proper way to store educational resources. The study on Knowledge Analysis and Data Mining fields founds that the employees aren’t capable of contemplating data and organize the resources. The study on Knowledge Transfer and Dissemination field founds that there’s a lack of support from the employees. Lastly, on Knowledge Application and Validation, founds that there’s a lack of support by the employees on using their knowledge on a daily basis.

KEYWORDS: KNOWLEDGE MANAGEMENT / STATE OF KNOWLEDGE MANAGEMENT / PROBLEMS OF KNOWLEDGE MANAGEMENT