ผลการสอนรายวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษด้วยหลักการสอนแบบ 5 เสาต่อความสามารถใน การอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย

ผู้แต่ง

  • อรวิภา ดุรงค์ธรรม คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สุมาลี ชิโนกุล คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

DOI:

https://doi.org/10.14456/ojed.2022.27

คำสำคัญ:

การอ่านภาษาอังกฤษ, การปรับพื้นฐานการอ่าน, ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการสอนรายวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษด้วยหลักการสอนแบบ 5 เสาต่อความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีผลการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษต่ำและ 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนต่อการเรียนรายวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษด้วยหลักการสอนแบบ 5 เสา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยนี้ประกอบด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 10 คน โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่มีผลการเรียนวิชาการอ่านชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่ำกว่า 2.5 และสมัครใจร่วมการวิจัย การสอนวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษด้วยหลักการสอนแบบ 5 เสาของ Shanahan (2005) ประกอบด้วย การรับรู้หน่วยพื้นฐานของเสียง โฟนิคส์ ความคล่องแคล่วในการอ่านออกเสียง การเรียนรู้คำศัพท์ และการอ่านเอาความ ใช้เวลาทั้งสิ้น 80 ชั่วโมง เครื่องมือในการวิจัยได้แก่แผนการสอน แบบทดสอบวินิจฉัย และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง คะแนนจากการใช้แบบทดสอบวินิจฉัยก่อน และหลังเรียนถูกนำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงบรรยาย และ Wilcoxon Signed Ranks Test เพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลง และใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาในการวิเคราะห์ความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนที่เข้าร่วมรายวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษด้วยหลักการสอนแบบ 5 เสามีพัฒนาการด้านการอ่านทั้ง 5 เสาอย่างมีนัยสำคัญ Z= -2.812 p= .005 2) นักเรียนพึงพอใจต่อการจัดการสอนรายวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษ ต้องการให้มีการจัดการสอนรายวิชาดังกล่าวให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนวิชาการอ่านต่ำ และแนะนำให้ใช้เวลาการสอนน้อยกว่า 3 ชั่วโมงตลอดปีการศึกษา ผลที่ได้จากการวิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการอ่านให้นักเรียนในการเรียนการสอนชั้นเรียนปกติหรือการปรับพื้นฐานต่อไป

เอกสารอ้างอิง

Alderson, D. C. & Urquhart, H. (1984). Reading in Foreign Language. Longman Press.

Grabe, W. & Stoller, L. F. (2002). Teaching and Research Reading. Pearson Education.

Sriprasit, I. (2009). New Research-based Literary Framework in ELT in Thailand by Intergrating the Phonics Approach (Bottom-up) with the whole Language Approach (Top-down) in Teaching Thais to Read and Write English as well as to overcome Dylexia. https://citeseerx.ist.psu.edu/viewdoc/download?doi=10.1.1.489.4774&rep=rep1&type=pdf

National Reading Panel. (2000). Teaching Children To Read: An Evidence-Based Assessment of the Scientific Research Literature on Reading and Its Implications of Reading Instruction. http://www.nichd.nih.gov/publications/pubs/nrp/documents/report.pdf

Pearson Education. (2014). Woodcock Reading Mastery Tests (3rd ed.). http://www.pearsonclinical.com/education/products/100000264/woodcock-reading-mastery-tests-third-edition-wrmt-iii.html#tab-resources

Sangthongjhin, W. (1986). A Level of English Reading Ability of Student at the Lower Secondary Education Level. Chulalongkorn University.

Shanahan, T. (2005). The National Reading Panel Report: Practical Advice for Teachers. Learning Point Associates.

Wichadee, S. (2005). The Effects of Cooperative Learning on English Reading Skills and Attitudes of the First-Year Students at Bangkok University. http://www.bu.ac.th/knowledgecenter/epaper/july_dec2005/saovapa.pdf.

Wisaijorn, P. (2003). Teaching Reading Comprehension to Thai EFL Students: Reciprocal Teaching Procedure in Small Group Work. [Unpublished doctoral dissertation], University of Canberra.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-04-22

รูปแบบการอ้างอิง

ดุรงค์ธรรม อ., & ชิโนกุล ส. (2022). ผลการสอนรายวิชาปรับพื้นฐานการอ่านภาษาอังกฤษด้วยหลักการสอนแบบ 5 เสาต่อความสามารถใน การอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 17(1), OJED1701027. https://doi.org/10.14456/ojed.2022.27

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย