ผลของการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวโดยใช้แนวคิดการรับรู้ภาวะการเคลื่อนไหวของร่างกาย ที่มีต่อความสามารถทางกลไกของเด็กออทิสติก ที่มีระดับสติปัญญาปานกลาง

Authors

  • ภาษา ทะรังศรี สาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • รศ.ดร.รัชนี ขวัญบุญจัน อาจารย์ประจาสาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Keywords:

กิจกรรมการเคลื่อนไหว, การรับรู้ภาวะการเคลื่อนไหวของร่างกาย, ACTIVITY, BODILY–KINESTHETIC, MOTOR ABILITY, AUTISTIC CHILDREN WITH MODERATE INTELLECTUAL LEVEL, ความสามารถทางกลไก, เด็กออทิสติกที่มีระดับสติปัญญาปากลาง,

Abstract

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลของการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวโดยใช้แนวคิดการรับรู้ภาวะการเคลื่อนไหวของร่างกาย ที่มีต่อความสามารถทางกลไกของเด็กออทิสติกที่มีระดับสติปัญญาปานกลาง ก่อนการทดลองและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ เด็กออทิสติกที่ มีความผิดปกติทางด้านพัฒนาการตามเกณฑ์การวินิจฉัยจากแพทย์ ระดับกลุ่มที่มีอาการปานกลางเรียกว่า Moderate Autism มีอายุอยู่ระหว่าง 14-18 ปี ที่กาลังศึกษาในโรงเรียนกาฬสินธุ์ปัญญานุกูลจังหวัดกาฬสินธุ์ จานวน 10 คน โดยเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ทาการทดลอง 8 สัปดาห์ มีการทดสอบก่อนการทดลอง หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 และหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 8 จากนั้นนาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบความแตกต่างของคะแนนค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติแบบ (F-test) โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวชนิดวัดซ้า (One Way ANOVA with Repeated Measures) เมื่อพบความแตกต่างจึงใช้การทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธีของ(LSD) โดยการทดสอบความมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลของการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวโดยใช้แนวคิดการรับรู้ภาวะการเคลื่อนไหวของร่าง กายทาให้ความสามารถทางกลไกด้านการทรงตัว ด้านความคล่องแคล่วว่องไว และด้านการทางานประสานสัมพันธ์ ของร่างกายของกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังการทดลอง 4 สัปดาห์ และหลังการทดลอง 8 สัปดาห์ เมื่อเปรียบ เทียบกับก่อนการทดลอง 2) ค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบความสามารถทางกลไกด้านการทรงตัว, ด้านความคล่อง แคล่วว่องไว, ด้านการทางานประสานสัมพันธ์ของร่างกาย ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 4 กับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 8 และก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 8 มีความแตก ต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05

This research is an experimental research. The purpose is to study and compare the results of the activity by the perception of body movements. On motor ability of children with autism have average intelligence. Before and after the experiment. The sample used in this study. Children with autism Developmental disorders are diagnosed based on criteria from the doctor. The group has called moderate Moderate Autism aged between 14-18 years who are studying in schools in Kalasin province Panyanukul 10 randomly selected sampling (Purposive Sampling) test conducted 8 weeks before the trial. After the experiment, 4 weeks and 8 weeks after treatment The data were analyzed by standard deviation. The standard deviation and test the difference of the average by using statistical models (F-test) by ANOVA one way of repeated measures (One Way ANOVA with Repeated Measures) was significantly different, so take the test. The difference with a pair of lysergic acid diethylamide (LSD) by testing a statistically significant level. 05.
The results of this experimentation revealed that: 1) Effects of activity by the perception of body movements can make the balancing mechanism. The agility And the coordination of the body of the subjects had improved at 4 weeks and 8 weeks after treatment compared to before treatment. 2) that Average test scores, motor ability, the balance, the agility. The coordination of the body. During the pre-trial and post test 4 weeks after the end of 4th week as after the 8th week and the first experiments after the 8th week there is a different significant statistical level. 05.

Downloads

How to Cite

ทะรังศรี ภ., & ขวัญบุญจัน ร. (2015). ผลของการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวโดยใช้แนวคิดการรับรู้ภาวะการเคลื่อนไหวของร่างกาย ที่มีต่อความสามารถทางกลไกของเด็กออทิสติก ที่มีระดับสติปัญญาปานกลาง. An Online Journal of Education, 10(2), 457–470. Retrieved from https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/35327