การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจเรื่อง ภาษาท่าและ นาฏยศัพท์ โดยการใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้วัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพชุดฝึกทักษะ เรื่อง ภาษาท่าและนาฏยศัพท์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ เรื่อง ภาษาท่าและนาฏยศัพท์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ เรื่อง ภาษาท่าและนาฏยศัพท์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งมีประชากรกลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 193 คนโรงเรียนเลยอนุกูลวิทยา อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย ได้มาจากการการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย มีจำนวนนักเรียน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้นาฏศิลป์โดยใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ  เรื่องภาษาท่าและนาฏยศัพท์ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที

          ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะนาฏศิลป์ร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ เรื่องภาษาท่าและนาฏยศัพท์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3   มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.00 /90.63 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้  80 / 80 2) ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลัง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ เรื่อง ภาษาท่าและนาฏยศัพท์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05   3) ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ โดยรวมของของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกทักษะร่วมกับหลักการเรียนแบบร่วมมือ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62, S.D =0.49)  เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด เป็นอันดับ 1 คือ ผู้เรียนได้ฝึกทักษะต่างๆ เกิดความมั่นใจในตนเองและกล้าแสดงออก  ( = 4.69, S.D =0.53)