มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จออนไลน์
Main Article Content
บทคัดย่อ
ปัญหาการเผยแพร่ข่าวเท็จออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น จึงได้จัดทำการวิจัยเพื่อ (1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และหลักการของมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จ (2) ศึกษากฎหมายระหว่างประเทศตามอนุสัญญาอาชญากรรมไซเบอร์ และกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จของประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน และเยอรมนี (3) วิเคราะห์กฎหมายที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จตามกฎหมายไทยเปรียบเทียบกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จของต่างประเทศ และ (4) นำผลการวิเคราะห์มาสังเคราะห์เป็นแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จให้เหมาะสมและมีความชัดเจนยิ่งขึ้น การวิจัยนี้เป็นการวิจัยคุณภาพ โดยศึกษามาตรการอาญาและมาตรการปกครองในการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จออนไลน์ ทั้งที่เป็นเอกสารภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ผลการศึกษาพบว่า (1) สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ แต่หากการใช้สิทธิและเสรีภาพกระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้อื่น รัฐสามารถเข้าแทรกแซงโดยการบัญญัติกฎหมายจำกัดสิทธิและเสรีภาพได้ (2) จากการศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน และเยอรมนี พบว่า การป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จมีการบัญญัติเป็นกฎหมายเฉพาะ การกำหนดคำนิยามที่ชัดเจน กำหนดขอบเขตความรับผิดตามระดับความร้ายแรง ให้อำนาจแก่ฝ่ายปกครองในการออกคำสั่งในการจัดการกับข่าวเท็จ และกำหนดมาตรการสำหรับผู้ให้บริการในการกำกับดูแลตนเอง (3) ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเฉพาะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและปราบปรามข่าวเท็จออนไลน์ (4) จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยการกำหนดคำนิยามและขอบเขตการกระทำความผิดให้ชัดเจน ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐมีคำสั่งทางปกครองในการจัดการกับข่าวเท็จ และกำหนดมาตรการและโทษปรับทางปกครองสำหรับผู้ให้บริการ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์และเนื้อหาในเว็บไซต์ของวารสารกฎหมาย (รวมถึง โดยไม่จำกัดเฉพาะ เนื้อหา รหัสคอมพิวเตอร์ งานศิลป์ ภาพถ่าย รูปภาพ ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ) เป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย และผู้ได้รับการโอนสิทธิทุกราย
1. วารสารกฎหมาย ให้อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอันไม่เฉพาะเจาะจงที่สามารถถูกถอนเมื่อใดก็ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในการ
- เยี่ยมชมเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้ จากคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือสื่อสารผ่านเว็บบราวเซอร์
- คัดลอกและจัดเก็บเว็บไซต์และเอกสารในเว็บไซต์นี้บนลงคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านระบบความจำ cache
- สั่งพิมพ์เอกสารจากเว็บไซต์นี้สำหรับการใช้ส่วนตัวของคุณ
- ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกคุ้มครองภายใต้ Creative Commons Attribution 4.0 International License ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถคัดลอก แจกจ่าย ดัดแปลง ส่งต่อ ผลงานได้ ก็ต่อเมื่อผลงานและแหล่งข้อมูลได้รับการอ้างอิงอย่างเหมาะสม
2. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้คุณใช้สิทธิอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และเอกสารบนเว็บไซต์นี้ เช่น การคัดลอก ดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ส่งต่อ ตีพิมพ์ แจกจ่าย เผยแพร่ จัดแสดงในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งเว็บไซต์หรือเอกสารบนเว็บไซต์ โดยไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลหรือโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. คุณอาจขออนุญาตที่จะใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยการเขียนอีเมลล์มายัง journal@law.chula.ac.th
4. วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้มงวดกับการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างมาก หากวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าคุณได้ใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์นี้โดยไม่ถูกต้องตามการอนุญาตให้ใช้สิทธิ ดังที่กล่าวไปข้างต้น วารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคุณได้ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เป็นตัวเงินและคำขอชั่วคราวให้คุณหยุดการใช้เอกสารดังกล่าว ทั้งนี้ คุณอาจถูกสั่งให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายนี้
หากคุณพบเห็นการใช้เอกสารอันมีลิขสิทธิ์ของวารสารกฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ขัดหรืออาจขัดต่อการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยเชื่อว่าได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณหรือของผู้อื่น สามารถร้องเรียนมาได้ที่ journal@law.chula.ac.th