Piphatsepha Wangna

Main Article Content

ณหทัย สุขีลักษณ์
Bumrung Phattayakul
Dussadee Meepom

Abstract

This was a qualitative research. The primary data were collected through field-trip interview at Somdet Phra Pinklao Monument Courtyard, National Museum. The secondary data were analyzed from the related documents and researches. The results of the research were that Piphatsepha Wangna was founded by Ajarn Seri Wangnaitham. Piphatsepha Wangna was performed by music players from the Office of Performing Arts, Fine Arts Department. Piphatsepha Wangna Festival 1st was started on January 7th, 2002 Until now, there had been Piphatsepha Wangna Festival 17th. Piphatsepha Wangna Festival had been popular for the music players and the audiences because it was the only one stage in Thailand in performing the music of Piphatsepha ensemble. They have earned knowledge about Thai music from their experiences. The Thai musicians of the government agencies from all regions in Thailand have incorporated to present their abilities of playing music in Piphatsepha ensembles where the players can perform the music with their own styles but they still held on the traditional patterns of playing. The professional music players, the students and Thai youth who liked Thai music gain benefit from these performances. In terms of Songs, patterns, adjustments, the ways of playing, and the melodies, there were both conservative and creative which appropriate to the era. The audiences felt satisfied, got knowledge and be proud of their roots from the traditional playing styles. In order to preserve and inherit this festival, The government has been supported budget and the gathering of the music players from other organizations that effect to the development and change of Thai music in various aspects. The players have the opportunity to share their skills and knowledge that can help them to develop their ability continuously. All of these, the benefits from Piphatsepha Wangna Festival were having the idea and concept of the playing Thai music seminars in various topics including the development and sustainability of Thai music for the next generation.

Article Details

Section
Music

References

กรมวิชาการ. กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). คู่มือการจัดการสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพมหานคร: องค์การรับส่งสินค้าและ
พัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระทรวงศึกษาธิการ. (2538). การวัฒนธรรมศึกษากระบวนการบริหารและจัดการการวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ :
กระทรวงศึกษาธิการ.
ชาย โพธิสิตา. (2552). ศาสตร์และศิลป์แห่งการวิจัยเชิงคุณภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้ง
แอนด์พับลิชชิ่ง.
ดวงรุ่ง อ่อนสมพงษ์. (2557). ผลกระทบของการประชันปี่พาทย์วัดพระพิเรนทร์ต่อดนตรีไทย.
วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางค์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์,
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธนิต อยู่โพธิ์. (2523). เครื่องดนตรีไทย พร้อมด้วยตำนานการผสมวง มโหรี ปี่พาทย์ และเครื่องสาย.
กรมศิลปากร: จัดพิมพ์เผยแพร่.
พงษ์ศิลป์ อรุณรัตน์. (2550). ปฐมบทดนตรีไทย. นครปฐม: โครงการตำราและหนังสือคณะอักษรศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พัชราวรรณ ทับเกตุ. (2543). วิวัฒนาการของกองการสังคีต. รายงานวิชาประวัตินาฏยศิลป์ไทย
สาขานาฏยศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พิรุณ บุญพบ. (2549). วิเคราะห์การขับร้องเพลงหน้าทับปรบไก่ประเภทเพลงเสภาทางฝั่งธน.
วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาดุริยางค์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์,
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาศสุภา สีสุกอง. (2531). พัฒนาการของการศึกษาวิชาชีพดนตรีไทยในสมัยรัตนโกสินทร์. วิทยานิพนธ์ปริญญา
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาดุริยางค์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์,
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ราชบัณฑิตยสถาน. (2542). สารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคประวัตินักดนตรีและนักร้อง. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจำกัดอรุณการพิมพ์.
ฤดีรัตน์ กายราศ. (2555). สังคีตศิลป์ในสาสน์สมเด็จ เล่ม 2. กรมศิลปากร: พิมพ์เผยแพร่.
วิมาลา ศิริพงษ์. (2534). การสืบทอดวัฒนธรรมดนตรีไทยในสังคมไทยปัจจุบัน: ศึกษากรณีสกุลพาทยโกศลและสกุลศิลปบรรเลง. วิทยานิพนธ์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต สาขามานุษยวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วิรุฬ ตั้งเจริญ. (2552). วิสัยทัศน์ศิลปวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: สันติศิริการพิมพ์.
สำนักการสังคีต. (2545). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 1: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2546). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 2: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2547). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 3: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2548). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 4: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2549). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 5: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2550). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 6: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2552). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 7: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2553). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 8: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2554). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 9: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2555). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 10: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2556). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 11: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2557). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 12: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2558). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 12: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2559). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 13: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2560). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 14: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2561). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 15: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2562). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 16: กรมศิลปากร.
สำนักการสังคีต. (2563). ปี่พาทย์เสภาที่วังหน้าครั้งที่ 17: กรมศิลปากร.