การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
การบริหารความขัดแย้งมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ที่จะนำพาสถานศึกษาของตนให้ก้าวไปข้างหน้า และพัฒนาไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล การบริหารความขัดแย้งที่ดีจะส่งผลดีต่อบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา (2) ประเมินความต้องการจำเป็นของการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้จำนวน 246 คน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 72 คน ครูจำนวน 174 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้เกณฑ์ร้อยละโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 2 ฉบับ คือ (1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง .80-1.00 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง .37-.77 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .96 (2) แบบสอบถามสภาพที่พึงประสงค์การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหาสถานศึกษา มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง .80-1.00 มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง .42-.82 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุง โดยใช้สูตร Modified Priority Needs Index (PNIModified)
ผลการศึกษา พบว่า (1) สภาพปัจจุบันการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (2) ผลการประเมินความต้องการจำเป็นของการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาเรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นเรียงลำดับค่าสูงที่สุดไปหา ต่ำที่สุด ได้แก่ ด้านการหลีกเลี่ยง ด้านการร่วมมือ ด้านการปรองดอง ด้านการประนีประนอม และด้านการเอาชนะตามลำดับ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
• บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจสอบทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ต่อ 1 เรื่อง จากภายในและภายนอกวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
• การตีพิมพ์และเผยแพร่ของวารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเซียนี้ เนื้อหาบทความ ทรรศนะและข้อคิดเห็นใด ๆ ในวารสารถือว่าเป็นของผู้เขียน โดยเฉพาะทางกองบรรณาธิการวารสาร หรือวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
เอกสารอ้างอิง
กมลนัทธ์ ศรีจ้อย. (2560). การบริหารจัดการความขัดแย้งของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดอุทัยธานี. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
จตุรงค์ สุวรรณแสง, อัจฉรา นิยมาภา และวิสุทธิ์ วิจิตรพัชราภรณ์. (2562). การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
นภาภรณ์ จตุรปา. (2560). สภาพการบริหารความขัดแย้งในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต บุรีรัมย์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน.
พจนีย์ มั่งคั่ง. (2560). ทฤษฎีหลักการและกระบวนการทัศน์ในการบริหารการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล.
วิกานดา เกษตรเอี่ยม. (2558). การสร้างทีมงาน. กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮ้าส์.
สุภรณ์ ทับทิมทอง. (2562). วิธีการจัดการความขัดแย้งของผู้บริหารที่มีผลต่อความผูกพันต่อสถานศึกษาของครูและบุคลากรในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขต 8. วารสารสังคมศาสตร์วิจัย, 10(1); 233-251.
สมคิด บางโม. (2558). องค์การและการจัดการ. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : วิทยพัฒน์.
เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์. (2560). ความขัดแย้งการบริหารเพื่อความสร้างสรรค์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ต้นอ้อแกรมมี่.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2. (2567). แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566-2570 (ฉบับปรับปรุง 2567). สกลนคร : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2.
Max, W. (1968). Economy and Society. Guenter Roth and Claus Wittich eds. New York: Bedminster Press.
Thomas and Kilmann. (2002). Thomas – Kilmann conflict mode Instrument. Houston: Gulf.