การศึกษาเปรียบเทียบอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ระหว่างลักษณนาม จีน - ไทย“颗 [kē]”และ “เม็ด”
##plugins.themes.bootstrap3.article.main##
摘要
ลักษณนามภาษาจีน“颗 [kē]”และลักษณนามภาษาไทย“เม็ด” ต่างใช้เรียกสิ่งที่มีลักษณะทรงกลมเล็ก แต่การเลือกใช้คานามที่นามาประกอบมีความแตกต่างกัน จากแนวคิดของทฤษฎีภาษาศาสตร์ปริชาน พบว่า “อุปลักษณ์” เป็นกลไกหรือตัวนาที่สามารถอธิบายการขยายขอบเขตทางความหมายของรูปคา การเรียนรู้และการเข้าใจทฤษฎีนี้จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อการเรียนการสอนภาษา ทั้งภาษาแม่และภาษาต่างประเทศ ดังนั้น บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อศึกษาเปรียบเทียบขอบเขตของคานามที่ใช้ประกอบกับลักษณนามจีน-ไทย“颗 [kē]”และ“เม็ด” ภายใต้แนวคิดทฤษฎีอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ โดยเริ่มจากการศึกษาการขยายขอบเขตทางความหมายของลักษณนามจีน-ไทย“颗 [kē]”และ“เม็ด” จากนั้นกล่าวถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเหมือนและความต่างทางความหมายของลักษณนามทั้งสองภาษาในเชิงอุปลักษณ์ เพื่อสามารถใช้เป็นแนวทางการสอนลักษณนามภาษาจีนในฐานะเป็นภาษาที่สองได้ จากการศึกษาเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า การขยายขอบเขตของคานามที่นามาใช้ประกอบกับลักษณนามจีน-ไทย“颗[kē]”และ“เม็ด” มีความสัมพันธ์เชิงอุปลักษณ์ตามแนวคิดของทฤษฎีภาษาศาสตร์ปริชาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองภาษามีทั้งความเหมือนและต่างที่ได้รับอิทธิพลจากกระบวนการเรียนรู้และวัฒนธรรมระหว่างสองเชื้อชาติ
##plugins.themes.bootstrap3.article.details##
ผลงานทางวิชาการที่ลงตีพิมพ์ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหรือผู้แปลผลงานนั้น หากนำลงในวารสารจีนศึกษาเป็นครั้งแรก เจ้าของผลงานสามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือหนังสืออื่นได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผลงานที่ได้รับพิจารณานำลงในวารสารจีนศึกษา เป็นผลงานที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนเจ้าของผลงานต้องจัดการเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์กับแหล่งพิมพ์แรกเอง หากเกิดปัญหาทางกฎหมาย ถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ ความคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวกับกองบรรณาธิการวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์