ศึกษาความหมายและหลักการใช้คาลักษณนามในภาษาจีนกลางที่เป็นปัญหากับนักศึกษาไทย กรณีศึกษานักศึกษาวิชาเอกภาษาจีน ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่
##plugins.themes.bootstrap3.article.main##
摘要
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจาแนกประเภท ศึกษาความหมายและวิเคราะห์หลักการใช้คาลักษณนามในภาษาจีนกลางที่ผู้เรียนชาวไทยควรรู้และต้องใช้บ่อยๆ และเพื่อศึกษาข้อผิดพลาดของการใช้คาลักษณนามภาษาจีนกลางของนักศึกษาไทย จากการวิจัยพบว่า คาลักษณนามภาษาจีนที่นักศึกษาไทยควรรู้ แบ่งเป็น 8 ประเภท คือ 1.คาลักษณนามที่เป็นคาพ้องเสียง เช่น支(zhī)、只(zhī)、枝(zhī)2.คาลักษณนามที่เป็นคาพ้องความหมาย เช่น根(gēn)、支(zhī)、条(tiáo)3.คาลักษณนามที่ตัวอักษรคล้ายกันแต่มีความหมายและหลักการใช้ต่างกัน เช่น 篇(piān)、遍(biàn)4.คาลักษณนามที่ใช้กับคานามประเภทเดียวกัน เช่น คาลักษณนามที่ใช้กับคานามประเภทสัตว์ต่างๆ ได้แก่ 条(tiáo)、只(zhī)、匹(pī)5.คาลักษณนามที่เป็นคาพ้องความหมาย แต่มีความหมายในเชิงความรู้สึกที่แตกต่างกัน ได้แก่ คาว่า个(gè)และ 位(wèi)6.คาลักษณนามที่มีการใช้หลากหลาย(คาว่า个(gè))7.คาลักษณนามที่แสดงหน่วยการวัดต่างๆ เช่น公里(gōnglǐ)กิโลเมตร、米(mǐ)เมตร 8.คาลักษณนามอื่นๆ ที่ไม่จัดอยู่ในกลุ่มข้างต้น แต่ปรากฏในแบบเรียนและหนังสือเตรียมสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) ระดับ 1-6 ได้แก่瓶(píng)、岁(suì)、倍(bèi)、层(céng)
ด้านการศึกษาข้อผิดพลาดของการใช้คาลักษณนามภาษาจีนกลางของนักศึกษาไทย พบว่า คาลักษณนามที่เป็นคาพ้องความหมาย เช่น คาว่า 栋(dòng)นักศึกษาใช้ผิดมากที่สุด ร้อยละ 91 โดยสับสนกับการใช้คาว่า所(suǒ)、家(jiā)และ 座(zuò)คาลักษณนามที่ใช้กับคานามประเภทเดียวกัน เช่น คาลักษณนามที่ใช้กับคานามประเภทสัตว์ต่างๆ ได้แก่ คาว่า条(tiáo)นักศึกษาใช้ผิดมากที่สุด ร้อยละ 48 โดยสับสนกับการใช้คาว่า只(zhī)คาลักษณนามที่เป็นคาพ้องเสียง เช่น คาว่า棵(kē)นักศึกษาใช้ผิด ร้อยละ 71 โดยนักศึกษาสับสนกับการใช้คาว่า颗(kē)คาลักษณนามที่ตัวอักษรคล้ายกันแต่มีความหมายและหลักการใช้ต่างกัน เช่น คาว่า副(fù)นักศึกษาใช้ผิดร้อยละ 62 โดยสับสนกับการใช้คาว่า幅(fú)เป็นต้น
##plugins.themes.bootstrap3.article.details##
ผลงานทางวิชาการที่ลงตีพิมพ์ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหรือผู้แปลผลงานนั้น หากนำลงในวารสารจีนศึกษาเป็นครั้งแรก เจ้าของผลงานสามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือหนังสืออื่นได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผลงานที่ได้รับพิจารณานำลงในวารสารจีนศึกษา เป็นผลงานที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนเจ้าของผลงานต้องจัดการเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์กับแหล่งพิมพ์แรกเอง หากเกิดปัญหาทางกฎหมาย ถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ ความคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวกับกองบรรณาธิการวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์