โครงสร้างวากยสัมพันธ์คาประสมไทย-จีนที่ส่งผลต่อผู้เรียนภาษาในฐานะภาษาที่สอง
##plugins.themes.bootstrap3.article.main##
摘要
ปัจจุบันการเรียนการสอนคาศัพท์ในภาษาจีนและภาษาไทยได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันโครงสร้างวากยสัมพันธ์ของคาประสมถือได้ว่าเป็นหัวข้อใหม่ที่ท้าทายสาหรับผู้วิจัยในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ผู้วิจัยได้ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาจีนในฐานะภาษาที่สองเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาโครงสร้างวากยสัมพันธ์คาประสมไทย-จีนที่ส่งผลต่อผู้เรียนภาษาในฐานะภาษาที่สอง2) วิเคราะห์โครงสร้างวากยสัมพันธ์โครงสร้างของคาประสม 3 ประเภท ได้แก่ โครงสร้างประธานภาคแสดง โครงสร้างส่วนขยาย (ขยาย+หลัก) (หลัก+ขยาย)และโครงสร้างส่วนเสริมที่ส่งผลผู้เรียนภาษาในฐานะภาษาที่สอง 3)เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขและพัฒนาการเรียนเรื่องคาศัพท์ในการสอนภาษาในฐานะภาษาที่สอง กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาสาขาวิชาเอกภาษาจีน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศิลปากร จานวน 100 คน และนักศึกษาจีนสาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยเป่ยไหว้ สาธารณรัฐประชาชนจีน จานวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1)โครงสร้างวากยสัมพันธ์ทางภาษาที่คล้ายกันช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ภาษาในฐานะภาษาที่สองง่ายขึ้น 2) โครงสร้างวากยสัมพันธ์คาประสมภาษาไทยและภาษาจีนส่งผลให้ผู้เรียนมีการโยกย้ายภาษาในเชิงบวก 3)ระดับความรู้ของผู้เรียนที่ต่างกันจึงส่งผลให้ระดับการถูกรบกวนจากภาษาแม่นั้นต่างกัน และ แนวทางแก้ไขและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเรื่องคาศัพท์ในการสอนภาษาในฐานะภาษาที่สองนั้นควร1) เน้นย้าโครงสร้างคาภาษาไทยและภาษาจีนที่ต่างกันเพื่อให้นักศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น 2)เน้นย้าโครงสร้างคาภาษาไทยและภาษาจีนที่เหมือนกันเพื่อให้นักศึกษาได้มีความเข้าใจง่ายขึ้น
##plugins.themes.bootstrap3.article.details##
ผลงานทางวิชาการที่ลงตีพิมพ์ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหรือผู้แปลผลงานนั้น หากนำลงในวารสารจีนศึกษาเป็นครั้งแรก เจ้าของผลงานสามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือหนังสืออื่นได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผลงานที่ได้รับพิจารณานำลงในวารสารจีนศึกษา เป็นผลงานที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนเจ้าของผลงานต้องจัดการเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์กับแหล่งพิมพ์แรกเอง หากเกิดปัญหาทางกฎหมาย ถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ ความคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวกับกองบรรณาธิการวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์