การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศของ โรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, การบริหารงานวิชาการ, ความเป็นเลิศ, โรงเรียนขนาดเล็กบทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาองค์ประกอบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก 2) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก 3) สร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก 4) ศึกษาผลการใช้และประเมินรูปแบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี พื้นที่วิจัย คือ โรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 345 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือผู้ทรงคุณวุฒิในการสัมภาษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิในการสนทนากลุ่ม ผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมินคุณภาพ โดยใช้วิธีการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบสัมภาษณ์เชิงลึก 2) แบบสอบถาม 3) แบบประเมินคุณภาพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติเพื่อหาความต้องการจำเป็นคือ PNImodified
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาองค์ประกอบของการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ได้แก่ การส่งเสริมด้านการวิจัยเกี่ยวกับ
การเรียนการสอน การจัดการเรียนรู้อย่างครูอย่างมืออาชีพ ด้านภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารการกระจายอำนาจทางวิชาการให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม การมุ่งเน้นผลลัพธ์ของผู้เรียน ผู้ปกครอง
และผู้เกี่ยวข้อง การมีเครือข่ายการบริหารงานด้านวิชาการ 2) ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นในการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก พบว่า องค์ประกอบที่มีความต้องการจำเป็นในพัฒนามากที่สุด คือ ด้านการส่งเสริมด้านการวิจัยเกี่ยวกับ การเรียนการสอน รองลงมาคือ ด้านการจัดการเรียนรู้อย่างครูอย่างมืออาชีพ และด้านภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหาร ตามลำดับ 3) ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก มีองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการส่งเสริมด้านการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1) ชื่อรูปแบบ 2) หลักการของรูปแบบ 3) วิธีดำเนินการ 4) แนวการประเมิน 5) เงื่อนไขความสำเร็จ 4) ผลการทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก ผลการประเมินคุณภาพเป็นดังนี้ ด้านที่มีระดับคุณภาพมากที่สุด คือคุณภาพด้านความเป็นประโยชน์มี ระดับคุณภาพมากที่สุด รองลงมาคือ คุณภาพด้านความเหมาะสม มีระดับคุณภาพมากที่สุด คุณภาพด้านความเป็นไปได้ ระดับคุณภาพมากที่สุดตามลำดับ
เอกสารอ้างอิง
กันตวุฒิ การดี. (2565). แนวทางการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศของสถานศึกษาขนาดเล็กในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
นฤมล รัตน์อ่อน และ อาคม อึ่งพวง. (2564). ความต้องการจำเป็นในการพัฒนางานด้านวิชาการของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5. Journal of Roi Kaensarn Academi, 6(8), 205-219.
พิรดา มาลาม. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัยธมศึกษา เขต 24 (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
มณีวรรณ แหวนหล่อ. (2561). สภาพการบริหารงานวิชาการของครูในระดับประถมศึกษา (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยรังสิต.
สมาน อัศวภูมิ. (2559). ความเป็นเลิศและการจัดการความเลิศ. วารสารบริหารการศึกษาบัวบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 16(1), 1 - 7.
อมลรดา พุทธินันท์. (2561). รูปแบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา.
Bardo, J.W. & Hartman, J.J. (1982). Urban sociology: A systematic introduction. New York: F.E. Peacock.
Good, C.V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill.
Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607 – 610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
