การจัดการธุรกิจยิมมวยไทยในกลุ่มจังหวัดอันดามัน

ผู้แต่ง

  • รังสรรค์ พลสมัคร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม
  • เฉลิมเกียรติ วงศ์วนิชทวี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสยาม
  • พิเชษฐ์ มุสิกะโปดก มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การจัดการ, ธุรกิจยิมมวยไทย, กลุ่มจังหวัดอันดามัน

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมและสถานะของธุรกิจยิมมวยไทยในกลุ่มจังหวัดอันดามัน และ 2) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการธุรกิจยิมมวยไทยในกลุ่มจังหวัดอันดามัน รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสมผสาน โดยใช้แนวคิด 7-S ของแมคคินซีย์และแนวคิดความยั่งยืนเป็นกรอบการวิจัย กลุ่มตัวอย่างในการสัมภาษณ์เชิงลึกคือ ผู้ประกอบการยิมมวยไทย ผู้จัดการยิมมวยไทยในกลุ่มจังหวัดอันดามัน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 8 คน และกลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถามคือ ผู้ประกอบการยิมมวยไทย ผู้จัดการยิมมวยไทย ผู้ฝึกสอนมวยไทย และพนักงานผู้ให้บริการยิมมวยไทยในกลุ่มจังหวัดอันดามัน โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นและสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบอย่างง่ายอีกครั้ง จำนวน 318 ชุด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชนิด คือแบบสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) จากสภาพแวดล้อมและสถานะของธุรกิจยิมมวยไทย พบว่า การประกอบการธุรกิจยิมมวยไทย ต้องเริ่มต้นจากความรักในมวยไทย มีวินัย ขยัน อดทน ใจกว้าง ยืดหยุ่นและมีน้ำใจนักกีฬา มีความรู้ในการจัดการอย่างเป็นระบบ คำนึงถึงคุณภาพ และยิมมวยไทยต้องสะอาด อากาศถ่ายเทได้สะดวก จัดวางอุปกรณ์มวยอย่างเป็นสัดส่วน มีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และ 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการธุรกิจยิมมวยไทย พบว่า ปัจจัยทั้ง 8 ด้านในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยการจัดการธุรกิจยิมมวยไทยด้านความยั่งยืนมีคะแนนสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ด้านค่านิยมร่วมมีคะแนนอันดับที่ 2 และด้านกลยุทธ์มีคะแนนอันดับที่ 3 ตามลำดับ

เอกสารอ้างอิง

เกศรา รักชาติ. (2549). องค์กรแห่งการตื่นรู้. กรุงเทพฯ: เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน).

กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้. แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันพุทธศักราช 2566 – 2570 ภูเก็ต: กลุ่มงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน.

จิรพันธุ์ สุวัตนนาคิน. (2561). การพัฒนาศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเชิงพาณิชย์: กรณีศึกษาบริษัทอุลตร้าไทเกอร์ จํากัด. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 7(2), 107-120.

ธัญลักษณ์ หงส์โต และคณะ. (2564). การบริหารค่ายมวยไทย สู่แชมเปี้ยน. วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.), 27(2), 103–114.

นาคิน คำศรี และคณะ. (2564). มาตรฐานและรูปแบบการบริหารจัดการสถาบันสอนมวยไทย.วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 47(2), 361-375.

พัชรมน รักษพลเดช และอนุพงศ์ แต้ศิลปสาธิต (2560). รูปแบบการจัดการธุรกิจมวยไทยอาชีพในประเทศไทย. Veridian E-Journal, สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 10(1), 1255-1269.

สำนักงานจังหวัดภูเก็ต. (2566). แผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ปี พ.ศ. 2566-2570. ภูเก็ต: สำนักงานจังหวัดภูเก็ต.

สุธามาศ โคกชู และคณะ. (2562) คุณภาพในการให้บริการของยิมมวยไทย RSM Academy.วารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2(3), 12-21.

อภิเดช วิสีปัต. (2561). ปัจจัยด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการในค่ายมวยไทย. (วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Channon, D. F., & Caldart, A. A. (2015). McKinsey 7S model. Wiley Encyclopedia of Management, 1. https://doi.org/10.1002/9781118785317.weom120005

Cochran, W. G. (1953). Matching in analytical studies. American Journal of Public Health and the Nations Health, 43, 684-691.

Geissdoerfer, M., Vladimirova, D., & Evans, S. (2018). Sustainable business model innovation: A review. Journal of Cleaner Production, 198, 401-416.

Kangpecth, P., & Deebhijarn, S. (2020). The boxing stadium operator’s performance variables in Thailand.

Mark, M. D., Nicholas J. A., Richard B. C. (2003). Fundamentals of Operations Management. New York: McGraw-Hill.

Peters, T., & Waterman Jr, R. H. (2011). McKinsey 7-S model. Leadership Excellence, 28(10).

Tavakol, M., & Dennick, R. (2011). Making sense of Cronbach's alpha. International Journal of Medical Education, 2, 53.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-03-31

รูปแบบการอ้างอิง

พลสมัคร ร. ., วงศ์วนิชทวี เ. ., & มุสิกะโปดก พ. . (2025). การจัดการธุรกิจยิมมวยไทยในกลุ่มจังหวัดอันดามัน. วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา, 15(1), 381–392. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JDAR/article/view/277289

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย