การพัฒนาอัตลักษณ์ร่วมของชุมชนภาคใต้ตอนบนเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์
คำสำคัญ:
การพัฒนาอัตลักษณ์ร่วม, ชุมชนภาคใต้ตอนบน, เศรษฐกิจสร้างสรรค์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพปัญหาในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน 2) อัตลักษณ์บุคคลและอัตลักษณ์ร่วมในปัจจุบันของชุมชนในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง 3) องค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาอัตลักษณ์ร่วมเชิงวัฒนธรรมด้านอาหารและการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของชุมชนภาคใต้ตอนบนเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ 4) สร้างรูปแบบการพัฒนาอัตลักษณ์ร่วมเชิงวัฒนธรรมด้านอาหารและการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของชุมชนภาคใต้ตอนบนเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดำเนินการวิจัยด้วยวิธีคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เอกสารทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์แก่นสารและการสังเคราะห์จากข้อมูลการสัมภาษณ์ จำนวน 31 คน
ผลการวิจัย พบว่า 1) หน่วยงานภาครัฐทั้งสองจังหวัดไม่ค่อยให้การสนับสนุนด้านความสะดวกในการให้ความรู้ กระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์ และการเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ประจำถิ่น 2) อัตลักษณ์ร่วมของสองจังหวัดคือ อาหารพื้นถิ่น อาหารจีนฮกเกี้ยน และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ จปร. 108 และ จปร. 109; 3) องค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาของจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองคือการสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนผู้ประกอบการและการสนับสนุนจากภาครัฐ และ 4) รูปแบบที่ได้ประกอบด้วย (1) การสร้างภาคีเครือข่ายระหว่างประชาชนทั้งสองจังหวัด (2) การบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ทั้งด้านการท่องเที่ยว และอาหารพื้นถิ่น (3) การถ่ายทอดภูมิปัญญาวิธีการทำอาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อสรรค์สร้างเป็นอาหารจีนฮกเกี้ยนประจำจังหวัด (4) การต่อยอดองค์ความรู้ด้วยการผสมผสานภูมิปัญญาการถนอมอาหารซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมกับกรรมวิธีสมัยใหม่
เอกสารอ้างอิง
นครินทร์ น้ำใจดี. (2565). การพัฒนาสินค้าทางวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในย่านเมืองเก่าเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 14(2), 218–231.
ปาริชาต กสิรพ. (2563). อัตลักษณ์ชุมชนท่ามกลางการต่อสู้เปลี่ยนแปลงดิ้นรนของชาวประมงพื้นบ้านริมฝั่งแม่น้ำบางนรา จังหวัดนราธิวาส (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ปิ่นวดี ศรีสุพรรณ. (2561). เอกสารประกอบการสอนการวิจัยเชิงคุณภาพ. อุบลราชธานี: คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตโต). (2531). ธรรมนูญชีวิต. กรุงเทพฯ: อมรินทร์ พริ้นติ้งกรุ๊พ.
วรพจน์ วิเศษศิริ. (2565). การสร้างอัตลักษณ์ไทยของผู้พลัดถิ่นชาวไทย บ้านสิงขร ดินแดนตะนาวศรี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร.
วิไลวรรณ ทวิชศรี. (2560). อัตลักษณ์ชุมชน: แนวคิดและการจัดการเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยหลักพุทธสันติวิธีของเทศบาลตำบลเชียงคาน จังหวัดเลย. Journal of Arts Management, 1(2).
วิศัลย์ศยา รุดดิษฐ์. (2555). ความเกี่ยวข้องระหว่างวัฒนธรรมกับภาษา. ค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2566, จาก https://curadio.chula.ac.th/Images/Class-Onair/th/2012/th-2012-06-14.pdf
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2554). แผนพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555–2559). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561–2580 (ฉบับย่อ). ค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2566, จาก https://www.nesdc.go.th
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน). (2564). CEA Outlook จับกระแสอนาคตเศรษฐกิจสร้างสรรค์. ค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2566, จาก https://article.tcdc.or.th
สิริน ฉกามานนท์. (2563). แนวทางการสืบสานคุณค่าและอัตลักษณ์ร่วมทางวัฒนธรรม: น้ำพริกแห่งอุษาคเนย์ (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อธิป จันทร์สุริย์. (2563). การพัฒนาตัวบ่งชี้การจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นฐานสู่การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์จังหวัดชุมพร (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
อานนท์ อาภาภิรมย์. (2525). สังคมวัฒนธรรมประเพณีไทย (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
Wikipedia.org. (2566). สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. สืบค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2566, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Akdu, U., & Pehlivan, N. (2014). Social participation in sustainable tourism development. Hospitality and Tourism, Manchester Metropolitan University, 2(1), 76–84.
Asantael, W. M. (2014). The relationship between tourism and socio-economic aspects of the Maasai in Ngorongoro Conservation, Tanzania. Business and management horizons, 2 (1), 78 -97.
Barnouw, V. (1964). An introduction to anthropology (4th ed.). Homewood: Dorsey Press.
Bierstedt, P. A., Meehan, E. J., & Samuelson. (1964). Social sciences. New York: McGraw-Hill.
Broom, L., & Selznick, P. (1969). Sociology. New York: Harper & Row.
Design for Creative Economy. (2020). เศรษฐกิจสร้างสรรค์คืออะไร. ค้นเมื่อ 25 ธันวาคม 2566, จาก http://www.dce.arch.chula.ac.th/creative-economy/
Herskovits, M. J. (1952). Economic anthropology: The economic life of primitive peoples. New York: W.W. Norton & Company Inc.
Lussetyowati, T. (2014). Preservation and conservation through cultural heritage tourism: Case study of Mus Reverside Palembang. Elsevier ScienceDirect. (Unpublished)
Melucci, A. (1995). กระบวนการแห่งอัตลักษณ์ร่วม. ใน Johnston, H., & Klandermans, B. (Eds.), การเคลื่อนไหวทางสังคมและวัฒนธรรม (เผยแพร่ 2013, หน้า 41–63). ISBN 9781134224029.
Streubert, H. J., & Carpenter, D. R. (1995). Qualitative research in nursing: Advancing the humanistic imperative. Philadelphia: J. B. Lippincott Company.
Stryker, S. (1968). Identity salience and role performance: The relevance of symbolic interaction theory for family research. Journal of Marriage and the Family, 30, 558–564.
Stryker, S., & Burke, P. J. (2000). The past, present, and future of an identity theory. Social Psychology Quarterly, 63, 284–297.
Woodward, K. (1997). Identity and difference. London: Sage Publications in association with The Open University.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
