การพัฒนาเทคโนโลยีระบบฟาร์มอัจฉริยะแบบอัตโนมัติสำหรับปลูกบัวบก เพื่อให้มีปริมาณสารสำคัญสูง

ผู้แต่ง

  • เกศศิรินทร์ แสงมณี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • พนิดา แสนประกอบ พรอุดมทรัพย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • นพวรรณ์ พรศิริ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

คำสำคัญ:

การพัฒนาเทคโนโลยี, ฟาร์มอัจฉริยะ, บัวบก

บทคัดย่อ

การพัฒนาเทคโนโลยีระบบฟาร์มอัจฉริยะแบบอัตโนมัติสำหรับปลูกบัวบกให้มีปริมาณสารสำคัญสูง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระบบฟาร์มอัจฉริยะที่ควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงเรือนให้เหมาะสมต่อการสร้างสารสำคัญในบัวบกแต่ละพันธุ์ที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ที่ไม่มีสารปนเปื้อน โดยแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรม ได้แก่ 1) การออกแบบและพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะในโรงเรือนโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบฝังด้วยโปรแกรม Arduino ในการเขียนโค้ดเพื่อควบคุมอุปกรณ์ ทำการปลูกบัวบกในโรงเรือนแบบจั่ว 2 ชั้น ขนาด 4 x 12 เมตร พบว่า ระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะเพื่อควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ในบรรยากาศ อุณหภูมิในโรงเรือนที่ควบคุมระบบพ่นหมอก และความชื้นในดินที่ควบคุมระบบน้ำแบบมินิสปริงเกอร์ สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือนให้อยู่ในระดับที่มีเหมาะสมจนส่งผลให้บัวบกมีการเจริญโตที่ดีได้ทุกฤดู 2) การศึกษาผลของบัวบกแต่ละพันธุ์ที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ภายใต้โรงเรือนอัจฉริยะที่ปราศจากสารปนเปื้อน โดยวางแผนการทดลองแบบ Split plot in CRD จำนวน 3 ซ้ำ  โดยมีสิ่งทดลองดังนี้ ปัจจัยหลัก คือ พันธุ์ปลูกบัวบก ได้แก่ พันธุ์นครปฐม พันธุ์อุบลราชธานี และพันธุ์ระยอง ปัจจัยรอง คือ การจัดการปุ๋ย ได้แก่ ใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำเกษตรกร และการใส่ปุ๋ยหมักถ่านชีวภาพอัตรา 1000 กิโลกรัมต่อไร่ ที่ปลูกในแต่ละฤดู บันทึกข้อมูล ได้แก่ สัณฐานวิทยาของบัวบกแต่ละพันธุ์ ปริมาณโลหะหนักในใบบัวบก ปริมาณสารสำคัญ และปริมาณสารเอเชียติโคไซด จากการทดลอง พบว่า บัวบกพันธุ์อุบลราชธานีให้ผลผลิตดีที่สุด พันธุ์ระยองให้ผลผลิตต่อพื้นที่ต่ำสุด เมื่อวิเคราะห์ปริมาณโลหะหนักในใบบัวบกทุกพันธุ์ที่ปลูกแบบใส่ปุ๋ยเคมีและอินทรีย์ พบว่า อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานทั่วไปของ Thai Herbal Pharmacopoeia (Thai Herbal Pharmacopoeia Volume 1, 0, 1998 2000) พันธุ์ระยองที่ปลูกในทุกฤดูมีปริมาสารสำคัญมากที่สุด ในฤดูร้อน มีปริมาณสารประกอบฟินอลิก ปริมาณสารประกอบฟาโวนอยด์ และฤทธิ์ตานอนุมูลอิสระดวยวิธี DPPH มากที่สุด 10.59 mgGAE/g DW 105.38 mgGAE/g DW และ 4.48 ตามลำดับ ปริมาณสารเอเชียติโคไซด์ พบว่า พันธุ์ระยองที่ปลูกในฤดูฝนมีปริมาณสารมากที่สุดคือ 34.48 เปอร์เซ็นต์ และการปลูกโดยใช้ปุ๋ยหมักถ่านชีวภาพจากเปลือกทุเรียนอัตรา 1000 กิโลกรัมต่อไร่ มีการผลิตปริมาณสารสำคัญมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบการปลูกในโรงเรือนระบบฟาร์มอัจฉริยะและปลูกนอกโรงเรือน พบว่า การปลูกในโรงเรือนให้ปริมาณสารปริมาณเอเชียติโคไซด์สูงกว่าการปลูกนอกโรงเรือน ซึ่งการปลูกบัวบกในระบบโรงเรือนอัจฉริยะและปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ส่งผลให้บัวบกมีผลผลิตและปริมาณสารสำคัญมากกว่าการปลูกนอกโรงเรือน อีกทั้งยังสามารถควบคุมโรคและแมลงที่ระบาดในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนได้ ซึ่งเป็นแนวทางให้เกษตรกรนำไปใช้พัฒนาในการผลิตบัวบกเพื่อนำไปใช้ในการผลิตบัวบกให้มีปริมาณสารสำคัญสูงได้ต่อไปในอนาคต

เอกสารอ้างอิง

นราธิป ทองปาน และธนาพัฒน์ เที่ยงภักดิ์. (2559). ระบบรดน้้าอัตโนมัติผ่านเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สาย. วารสารวิชาการการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม, 3(1), 35 – 43.

นันทวัน บุณยะประภัสร. (2542) . สมุนไพรไม้พื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: ประชาชน.

ประนอม ใจอ้าย. (2556). วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตบัวบก. กรุงเทพฯ: กรมวิชาการเกษตร.

รัตติกานต์ วิบูลย์พานิช. (2560). การออกแบบตัวต้นแบบระบบโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อส่งเสริมความสะดวกสบายให้กับผู้สูงอายุโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเพื่อทุกสรรพสิ่ง. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.

สุรพงษ์ อนุตธโต. (2566). การวิจัยพันธุ์บัวบกเพื่อเพิ่มผลผลิตและสาระสำคัญ. พิจิตร: ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร กรมวิชาการเกษตร.

อนันต์ พิริยะภัทรกิจ, พรกมล รูปเลิศ, กนกอร อัมพรายน์ และณัฐพงค์ จันจุฬา. (2562). การศึกษาลักษณะสัณฐานวิทยาของบัวบกสายพันธุ์ต่าง ๆ. Thai Journal of Science and Technology, 8(1), 55 – 65.

อนันต์ พิริยะภัทรกิจ, พัชรี เดชเลย์, พรกมล รูปเลิศ และปุญญพัฒน์ พลพิมพ์. (2565). การเจริญเติบโตและผลผลิตบัวบกจาก 5 แหล่งปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์. วารสารวิชชา, 46(2), 128 – 140.

อุทัยวรรณ ทรัพย์แก้ว ไกรสิงห์ชูดี เพ็ญจันทร์สุทธานุกูล และพงษ์รวี นามวงศ์. (2563). การเพิ่มศักยภาพการผลิตบัวบกคุณภาพเพื่อเป็นพืชสมุนไพรปลอดสารพิษและโลหะหนัก. กรุงเทพฯ: กรมวิชาการเกษตร.

อุทัยวรรณ ทรัพย์แก้ว ไกรสิงห์ชูดี เพ็ญจันทร์สุทธานุกูล และพงษ์รวี นามวงศ์. (2566). การเพิ่มศักยภาพใบบัวบกคุณภาพสูงเพื่อเป็นพืชสมุนไพรปลอดสารพิษและโลหะ. วารสารเกษตรและการจัดการ, 6(1), 69 – 78.

อุทัยวรรณ ทรัพย์แก้ว. (2563). การเพิ่มศักยภาพการผลิตบัวบกคุณภาพเพื่อเป็นพืชสมุนไพรปลอดสารพิษ. กรุงเทพฯ: สํานักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กรมวิชาการเกษตร.

Alqahtani A., Tongkao-on, W., Li, K.M., Razmovski-Naumovski, V., Chana, K. & and Lia, G.Q. (2014). Seasonal variation of triterpenes and phenolic compounds in australian Centellaasiatica (L.) Urb. Phytochem. Anal, 26, 436–443.

Chew, Y.L., Lim, Y.Y., Omar, M. & Khoo, K.S. (2008). Antioxidant activity of three edible seaweeds from two areas in South East Asia. LWT - Food Science and Technology, 41(6), 1067-1072, doi: https://doi.org/10.1016/j.lwt.2007.06.013

Srithongkul, J., Kanlayanarat, S., Srilaong, V., Uthairatanakij, A. & Chalermglin, P. (2011). Effects of light intensity on growth and accumulation of triterpenoids in three accessions of Asiatic pennywort (Centella asiatica (L.) Urb.). Journal of Food, Agriculture & Environment, 9(1), 360-363.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-22

รูปแบบการอ้างอิง

แสงมณี เ., แสนประกอบ พรอุดมทรัพย์ พ., & พรศิริ น. (2025). การพัฒนาเทคโนโลยีระบบฟาร์มอัจฉริยะแบบอัตโนมัติสำหรับปลูกบัวบก เพื่อให้มีปริมาณสารสำคัญสูง. วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา, 15(3-4), 1122–1138. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/JDAR/article/view/279190

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย