การออกแบบสวนสาธารณะเพื่อคนพิการโดยอ้างอิงผลจากการวิจัย: กรณีศึกษา พื้นที่ศูนย์กีฬาทางน้ำ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
Main Article Content
บทคัดย่อ
สวนสาธารณะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชุมชนเมืองในการเป็นพื้นที่ส่งเสริมสุขภาวะทางกายและทางใจของผู้คนทุกคนอย่างเท่าเทียม ทว่าสวนสาธารณะในปัจจุบันนั้นไม่มีการรองรับการใช้งานที่ดีพอสำหรับคนพิการ เช่นความปลอดภัยในการออกกำลังกาย การเข้าถึงพื้นที่ และการใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ งานวิจัยชิ้นนี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษารูปแบบการใช้งานสวนสาธารณะโดยคนพิการและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาเป็นแนวทางการออกแบบสวนสาธารณะสำหรับคนพิการ โดยมีการเก็บข้อมูลปฐมภูมิจากคนพิการและเจ้าหน้าที่หรือผู้ดูแลจำนวน 27 คน ผ่านกระบวนการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Interview) จากนั้นข้อมูลได้ถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อแตกเป็นประเด็นต่างๆผ่านกระบวนการวิเคราะห์แก่นสาระ (Thematic Analysis) ออกมาเป็น 11 หลักเกณฑ์ ได้แก่ 1) กิจกรรมทางกายภาพ 2) พบปะสังสรรค์ 3) พักผ่อน 4) ความปลอดภัย 5) สัญลักษณ์/ข้อมูล 6) วัสดุ 7) ต้นไม้พืชพรรณ 8) สิ่งอำนวยความสะดวก 9) การเรียนรู้ 10) ความเท่าเทียม และ 11) การเดินทาง ซึ่งผลลัพธ์จากประมวลหลักเกณฑ์ 11 ข้อสามารถแบ่งเป็น 2 สาระสำคัญได้แก่ 1) ประสบการณ์การใช้งานพื้นที่สวนสาธารณะ และ 2) รูปแบบ ความต้องการ และคำแนะนำในการใช้งานเชิงพื้นที่ โดยในแต่ละสาระสำคัญจะประกอบไปด้วยประเด็นย่อยต่างๆที่นำไปสู่แนวทางการออกแบบสวนสาธารณะเพื่อคนพิการด้วยแนวคิด “Finding Unity Through Difference” ซึ่งเป็นหลักแนวคิดในการส่งเสริมความหลากหลายของตัวตนและบุคลิกต่างๆให้มีความร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันประกอบไปด้วย 1) การออกแบบประเภทพื้นที่ 2) การออกแบบการเชื่อมต่อ 3) การออกแบบพื้นที่ออกกำลังกาย 4) การออกแบบพื้นที่พักผ่อน 5) การออกแบบพื้นที่ด้วยวิจิตรศิลป์ 6) การออกแบบด้านการส่งเสริมสุขภาวะทางกาย 7) การออกแบบด้านการส่งเสริมสุขภาวะทางใจ และ 8) การออกแบบด้านการส่งเสริมการใช้งานโดยผู้คนทุกช่วงวัยและทุกความสามารถทางร่างกาย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2563). สืบค้นจาก https://www.dep.go.th/th/law-academic/knowledge-base/disabled-person-situation
พัทมน เสลานนท์. (2564). โครงการการศึกษาออกแบบพื้นที่พักผ่อนสาธารณะเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมสุขภาวะที่ดีสำหรับคนพิการ.
สำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานครฯ. (2564). คู่มือการปฏิบัติงานของสำนักงานสวนสาธารณะสำนักสิ่งแวดล้อม. สืบค้นจาก https://webportal.bangkok.go.th/upload/user/00000231/data/plan64/210910_ParkPlan64.pdf
Anna Chiesura. (2004). The role of urban parks for the sustainable city. Landscape and Urban Planning. Volume 68. Issue 1. 2004. Pages 129-138.
American Planning Association (APA). (2006). Planning and Urban Design Standards, New Jersey, John Wiley & Sons.
Bonaiuto et al. (2003). Landscape and Urban Planning 65. Bilthoven, Netherlands. (p.5-18).
Department of Conservation and Natural Resources (DCNR) of Pennsylvania. (2010). Creating Sustainable Community Parks and Landscapes: A Guide to Improving Quality of Life by Protecting Natural Resources 2nd Edition.
Gulczynska, Anna. (2020). Horticultural Therapy and Gardening – Comparison of Dimensions. Studia Edukacyjne. 347-356. 10.14746/se.2017.46.22.
Samarthyam National Centre for Accessible Environments. (2014). Universal Accessibility Guidelines for Pedestrian, Non-motorized Vehicle and Public Transport Infrastructure. Retrieved from: https://shaktifoundation.in/wp-content/uploads/2014/02/Universal-accessibility-guidelines.pdf
Thaneshwari, Thaneshwari & Kumari, Poonam & Sharma, Rishu & Sahare, H.A. (2018). Therapeutic gardens in healthcare: A review. Annals of Biology. 34. 162-166.
The World Disability Union (WDU). (2019). The Universal Standards Guide for Person with Disabilities. Retrieved from: https://worlddisabilityunion.com/images/contents/FILEdabfc04d877ef5e.pdf
United States Environmental Protection Agency (EPA). (2023). (Meeting Community Needs, Protecting Human Health and the Environment: Active and Passive Recreational Opportunities at Abandoned Mine Lands).