การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารโรงเรียนเอกชน สอนศาสนาอิสลามในจังหวัดสตูล
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดสตูล และเปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดสตูล จำแนกตาม ขนาดของโรงเรียน ประสบการณ์ทางการบริหาร และคุณวุฒิทางการศึกษาของผู้บริหาร รวบรวมข้อมูลจากผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จำนวน 66 คน ด้วยวิธีสุ่มแบบแบ่งชั้นและสุ่มอย่างง่าย โดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมาซึ่งแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเลือกตอบตามรายการ ตอนที่ 2 วัดระดับการใช้หลักธรรมาภิบาลมีลักษณะประมาณค่า 5 ระดับ โดยแบบสอบถามมีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.78 และค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของ ครอน บราชเท่ากับ 0.98 สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยค่า F-test ผลการวิจัยพบว่า ระดับการใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดสตูลโดยรวมมีค่าเฉลี่ยในระดับปานกลาง ( = 3.62) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านหลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม และหลักความคุ้มค่า อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ย 3.53, 3.52, 3.50, และ 3.57 ตามลำดับ ด้านหลักคุณธรรมและหลักความรับผิดชอบอยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ย 3.83 และ 3.68 ตามลำดับ
ผลการเปรียบเทียบระดับการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดสตูล โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจาณาเป็นรายด้านพบว่า ผู้บริหารในโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง มีระดับการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดสตูล ด้านหลักความคุ้มค่า มากกว่า ผู้บริหารในโรงเรียนขนาดใหญ่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
คำสำคัญ หลักธรรมาภิบาล, การบริหารจัดการสถานศึกษา, โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม.