การจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้, การจัดการเรียนรู้เชิงรุก, การจัดการเรียนรู้สำหรับครูบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ครูที่มีความประสงค์เข้าร่วมการพัฒนาเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ 1) การพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 2) ศึกษาประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถาม และคู่มือการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า
- การจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีกิจกรรมการเรียนรู้ 6 กิจกรรม เรียกว่า CLISPA Model ได้แก่ 1) การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้แบบร่วมมือ (C: Cooperative Learning ) 2) จัดให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอน ( L: Learner Centered Learning ) 3) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนจัดการข้อมูล ข่าวสาร ( I: Information Activities Learning ) 4) การจัดการกระบวนการคิดและแก้ปัญหา (S: Solving Problems Leaning ) 5) การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง (P: Practical Evaluation Learning ) และ 6) ผู้เรียนต้องทำกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลา (A: Activities all Time Learning ) - ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นครูมีระดับความพึงพอใจมากที่สุด (=4.56) เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยรายด้านพบว่า ด้านการให้นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก มากที่สุด คือ (= 4.74) รองลงมา คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนจัดการข้อมูล ข่าวสาร ซึ่งอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด (= 4.73) และน้อยที่สุดคือ ด้านการจัดการเรียนรู้ (= 4.33)
เอกสารอ้างอิง
Production of graduates To have 21st century skills. Bangkok. Support
centerAnd learning and teaching.Sripatum University.
Porntadawit.N.(2017). Development of Active Learning in Learning Management Subject. UTK Journal, 11(1), 85-94.
Aussarachagan.F.(2015). A Model Of Improving Studen’s. Conceptual
Knowledge Of Seismic Wave Using Active Learning .( Master Thesis) .Chunburi.Burapa University. (in Thai)
Suksamran, P., Chaiprasert, P., & Srisangyong, S. (2016). A study of biology learning achievement and metacognition using constructionism theory on biodiversity for grade 12 students. Journal of Education Naresuan University, 18(3), 189-201. (in Thai)
Gorjarern.P.(2014). Innovation to Promote Student Learning Outcome of Specific Communication Engineering Course by Attractive Activities with E-learning System. APHEIT International Journal. ,20(2),124-135. (in Thai)
Sompout.P.(2016). Organized Active Learning By Instructional Model With Case-Based. Phranakhon Rajabhat Research Journal (Humanities and Social Sciences) 11(2), 260-270. (in Thai)
Sangprasert.V.(2017). The Developmant Of A Learning Management Process Based On Active Learning Concept In Promoting Upper Secondary School StudentsงTUDENTS’Critical English Speaking Ability . Journal Of Education :Faculty Of Education Srinakharinwirot University, 18(1), 106-124. (in Thai)
Pusitrattanavalee.S., Jinnge.P.,Yimsud.C.(2017). Active Learning Instructional
Model of Teachers in Southern College Technology. Journal of Southern Technology ,10(1), 151-158. (in Thai).
