A Comparative Study of Abortion in Islamic and Thai Criminal Laws
Keywords:
AbortionAbstract
The aim of this research is 1) to study the provisions of abortion in the Islamic Criminal Law. 2) Study the provisions of abortion of the fetus in Thai criminal law 3) Comparison of fetal abortion provisions in Islamic and Thai criminal law where the researcher relies on the method of analysis and comparison in the study of salaries similarities and the difference between the criminal laws.
The study concluded that fetal abortion is a criminal offense in Islamic and Thai criminal law. It is for the purpose of protecting the fetus in pregnancy on the ground, and that the perpetrator should be punished for what he did, except in the exceptional case. Certainly the Islamic Criminal Code and Thai had agreed to require the miscarriage of fetal error in three elements: 1) Abortion 2) Pregnant woman 3) Intention. The Islamic criminal law has gone to prove the criminal error of a person, who deliberately or unintentionally miscarried the fetus, While the Criminal Code of Thailand to prove the criminal error of those who deliberately abort the fetus only, and that the punishment of the culprit in the perspective of Islamic criminal law is in six things: jealousy, disbelief, arrogance, deity and punishment and prevention of inheritance. While we have seen the concept of fetal abortion in the perspective of Thai criminal law is only in the abortion of the fetus during pregnancy or the fetus is dead, and that the punishment of the offender is the introduction of imprisonment or fine or both.
References
กันยา สุวรรณแสง, (2538). จิตวิทยาทั่วไป General Psychology. อักษรพิทยา. กรุงเทพมหานคร.
จิตติ ติงศภัทิย์, (2532).คำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ตอนที่ 2 และภาค 3. สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา. กรุงเทพมหานคร.
ญาด อัลหัก อะลี, (1994). บุหูษ วะ ฟะตาวา อิสลามีย์ ฟิ เกาะฎอยา มุอาศิเราะฮฺ. อัลอัซฮัร อัชชะรีฟ : อัลอะมานะฮฺ อัลอามมะฮฺ ลิ ลุจญนะฮฺ อัลอุลยา ลิ อัดดะอฺวะฮฺ อัลอิสลามียะฮฺ.
นวลฉวี ศรีประไหม, (2537).การทำแท้งในสังคมไทยกับมุมมองของพุทธศาสนา. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เพียงจิต ตันติจรัสวโรดม, (2551). สิทธิเสรีภาพในการทำแท้งของหญิง. มหาวิทยาลัยรามคำแหง.กรุงเทพมหานคร.
มะอฺมูน อัรเราะฟาอียฺ, (2011). “ญะรีมะฮฺ อัลอิจญฮาฎ ฟิ อัตตัชรีอฺ อัลญินาอียฺ อัลอิสลามียฺ: อัรกานุฮา วา อุกูบาตุฮา (ดิรอซะฮฺ ฟิกฮียะฮฺ มุกอรอนะฮฺ)”. วารสาร อัลอุลูม อินสานียะฮฺ มหาวิทยาลัย อันนะญาห์ อัลวะเฏาะนียะฮฺ. ฉบับที่ 25(5).
มุหัมมัด ฏอฮิร อิบนุ ษูร, มะกอศิด อัช ชัรอียะฮฺ อัล อิสลามียะฮฺ, ดาร อัลมะกอยิส, อัลอุรดุน, 1999, หน้า: 206.
มุหัมมัด สะอฺด อิบนุ อะหมัด, (1418). มะกอศิด อัชชะรีอะฮฺ อัลอิสลามียะฮฺ. ดาร อัลฮิจเราะฮฺ.
มุหัมมัด อะลี อัลบาร, (1991. อัลญะนีน อัลมะชูฮฺ วะ อัลอัมรอฎ อัลวะรอษียะฮฺ. ดาร อัลเกาะลัม. ดิมัชกฺ.
มูลนิธิเพื่อสุขภาพและสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ของสตรี (แห่งประเทศไทย) สอส. (2556). “สถิติและสถานการณ์การแท้งในประเทศไทย”. จากอินเตอร์เน็ต http://www.womenhealth.or.th/home-facts-aboriton.html
ยูสุฟ อัลก็อรฎอวียฺ, (1997). อัลหะลาล วะ อัลหะรอม ฟิ อัลอิสลาม.พิมพ์ครั้งที่ 22. มักตะบะฮฺ วะฮฺบะฮฺ.
วะฮฺบะฮฺ อัซซูหัยลี, (1989). อัลฟิกฮฺ อัลอิสลามีย์ วะ อะดิลละตุฮู, พิมพ์ครั้งที่ 3. เล่ม 3.ดาร อัลฟิกร. ดิมัชก.
ศอและห์ บะชีร, (2012-2013). อัลหิมายะฮฺ อัลญินาอียะฮฺ ลิ อัลญะนีน ฟิ เฎาอี อัลมุมารอสะฮฺ อัฏฏิบบียะฮฺ อัลหะดีษะฮฺ ดิรอซะฮฺ มุกอรอนะฮฺ. วิทยานิพนธ์ ฟิ อัลกอนูน ฟัรอา อัลอุกูด วะ อัลมัสอูลิยะฮฺ. กุลลิยะฮฺ อัลหุกูก มหาวิทยาลัย ญะซาอิร.
สุพจน์ เชื้อประกอบกิจ, (2546).สิทธิในการทำแท้งของหญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้อเอดส์, วิทยานิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สุพร เกิดสว่าง, (2523).ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลักลอบทำแท้งในประเทศไทย. ธีระการพิมพ์. กรุงเทพมหานคร.
อัดดารมีย์, (2013). อัลมุสนัด อัลญามิอฺ (สุนัน อัดดารมีย์). ดาร อัลบาชาอิร อัลอิสลามียะฮฺ.
อันนะวาวี,( 1930). เศาะเหี๊ยะหฺ มุสลิม บิ ชัรหิ อันนะวาวี. เล่ม 11. อัลมิศรียะฮฺ บิ อัลอัซฮัร. อิดาเราะฮฺ มุหัมมัด อับดุลลาฏีฟ.
อิบน หิซัม, อะบี มุหัมมัด อะลี อิบน อะหมัด อิบน สะอีด อิบน หิซัม. (1352). อัลมะหัลลา. เล่ม 11. อิดาเราะฮฺ เฏาะบาอะฮฺ อัลมุนีรียะฮฺ ลิ มุหัมมัด มุนีร อัดดิมัชกียะฮฺ. อียิปต์.
อิบน อาบีดีน, มุหัมมัด อามีน อัชชะฮีร บิ อิบน อาบีดีน.(1404). หาชิยะฮฺ อิบน อาบีดีน อัลมุสัมมาฮฺ หาชอิยะฮฺ ร็อด อัลมุหตาร อะลา อัดดัร อัลมุคตาร. พิมพ์ครั้งที่ 3. เล่ม 1,3. มะฏอบิอฺ มุศเฏาะฟา อัลบาบี อัลหัลบี.อียิปต์.
อิบรอฮีม อิบนุ มุหัมมัด กอสิม, (2002). “อะหกาม อัลอิจญฮาฎ ฟิ อัลฟิกฮฺ อัลอิสลามีย”. วิทยนิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัยอัลอิมาม มุหัมมัด อิบน สะอูด อัลอิสลามีย.
อับดุลลอฮฺ อัฏเฏาะรีกี,(ม.ป.ป.).ตันซีม อันนัสลุ วา เมากิฟ อัชชะรีอะฮฺ อัลอิสลามียะฮฺ มิน ฮู. ม.ป.ท.
อัรร็อมลี, ชัมสุดดีน มุหัมมัด อิบน อะบี อัลอับบาส อะหมัด, (2003). นิฮายะฮฺ อัลมุหตาจญ อิลา ชัรหฺ อัลมัน ฮาจญ ฟิ อัลฟิกฮฺ อะลา มัซฮับ อัลอิมาม อัชชาฟิอีย์. พิมพ์ครั้งที่ 3. เล่ม 8. ดาร อัลกุตุบ อัลอิลมียะฮฺ. เบรูต.
อัลเกาะรอฟี, ชะฮาบุดดีน อะหมัด อิบน อิดรีส อัลเกาะรอฟี, (1994). อัซซะคีเราะฮฺ. เล่ม 4. มุหัมมัด หัจญีย์.ดาร อัลฆ็อรบี อัลอิสลามีย์. เบรูต.
อัลบะอฺลี, บัดรุดดีน อะบี อับดุลลอฮฺ มุหัมมัด อิบนุ อะลี, (1368). มุคตะศ็อร อัลฟะตาวา อัลมิศรียะฮฺ ลิ อิบนิ ตัยมียะฮฺ. ดาร อัลกุตุบ อัลอิลมียะฮฺ. เบรูต.
อัลบะฮูตี, มันศูร อิบนุ ยูนุส อิบนุ อิดรีส อัลบะฮูตี, (1402).กิชาฟุ อัลกินาอฺ อัน มะตัน อัลอิกนาอฺ.เล่มที่ 6. ดาร อัลฟิกรฺ. เบรูต.
อัลบูฏี, มุหัมมัด สะอีด รอมฎอน, (1976). มัสอะละฮฺ ตะหดีด อันนัสลุ วิกอยะฮฺ วะ อิลาญา. มักตะบะฮฺ อัลฟา รอบี.
อัลเมาสูอะฮฺ อัลฟิกฮียะฮฺ อัลกูเวตียะฮฺ. มตินักวิชาการอาวุโสของซาอุดิอารเบีย เลขที่ 140 วันที่ 20/6/1407. เล่ม 2.