เจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลาที่มีต่อวิชาพลศึกษา
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเพื่อเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิชาพลศึกษา ตามตัวแปรเพศ แผนการเรียน และขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดสงขลา ประจำปีการศึกษา 2554 จำนวน 36 โรงเรียน มีจำนวนนักเรียน 5,530 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ของลิเคิร์ท (Likret) 5 ระดับ ที่ถามเจตคติของนักเรียน และการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนนเจตคติของนักเรียน โดยการทดสอบที (t-test) และการทดสอบเอฟ (F-test) ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว หากพบว่ามีความแตกต่างอย่างจากการวิเคราะห์ความแปรปรวน จะทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยใช้วิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe) ผลการวิจัยพบว่า
1. เจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิชาพลศึกษา มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยการเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรก ดังนี้ การเรียนวิชาพลศึกษาเป็นวิชาที่ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังให้ผู้เรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 รองลงมา คือ การเรียนวิชาพลศึกษาแล้วทำให้ผู้เรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.33 และการเรียนพลศึกษาทำให้มีสมรรถภาพทางกายดีขึ้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.30 ตามลำดับ และโดยรวมเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิชาพลศึกษาอยู่ในระดับมากเช่นกันซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.13
2. ผลการเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนชายและนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิชาพลศึกษาไม่แตกต่างกัน
3. ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิชาพลศึกษา ที่เลือกเรียนในแผนการเรียนสายวิทยาศาสตร์ สายศิลปศาสตร์ และสายภาษา มีเจตคติต่อวิชาพลศึกษา ไม่แตกต่างกัน
4. ผลการเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนชายและนักเรียนหญิง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่มีต่อวิชาพลศึกษา ที่เรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก มีเจตคติต่อวิชาพลศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. ผลการเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดสงขลา ที่เรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เป็นรายคู่ พบว่า นักเรียนที่เรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่กับนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนขนาดกลาง นักเรียนที่เรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่กับนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก มีเจตคติต่อวิชาพลศึกษาแตกต่างกัน และนักเรียนที่เรียน ในโรงเรียนขนาดกลางกับนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก มีเจตคติต่อวิชาพลศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
คำสำคัญ: เจตคติ, วิชาพลศึกษา