การทำงานเป็นทีมของครูโรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์

ผู้แต่ง

  • ณัฐวดี ใจช่วงโชติ
  • เพ็ญวรา ชูประวัติ, ดร.

คำสำคัญ:

การทำงานเป็นทีม, ระยะการพัฒนาทีม

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเอกสาร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษากรอบแนวคิดองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม 2) เพื่อศึกษากรอบแนวคิดการพัฒนาการทำงานเป็นทีม  โดยใช้วิธีการสังเคราะห์จากเอกสารที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบบันทึกข้อมูล

ผลการวิจัยพบว่า 1.กรอบแนวคิดองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ

1) การกำหนดเป้าหมาย ประกอบด้วยการมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย ความชัดเจนของเป้าหมาย ความเข้าใจในเป้าหมาย และการให้ความสำคัญกับเป้าหมาย  2) การมีส่วนร่วม ประกอบด้วย การมีส่วนร่วมในการวางแผน  การมีส่วนร่วมในการดำเนินการ การมีส่วนร่วมในการประเมินผล การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน 3) การรับรู้บทบาท หน้าที่ ประกอบด้วย โครงสร้างการทำงาน การรับรู้ขอบเขตของการทำงาน และการปฏิบัติหน้าที่  4) การสื่อสาร ประกอบด้วย การเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น และประเภทของการสื่อสาร 5) บรรยากาศในการทำงาน ประกอบด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก การยอมรับและไว้วางใจ และการรับฟังความคิดเห็น 6) ภาวะผู้นำ ประกอบด้วย การแสดงบทบาทผู้นำและผู้ตาม การปรับตัว การพัฒนาตนเอง การสร้างแรงจูงใจ และการจัดการความขัดแย้ง 2.กรอบแนวคิดการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของ Tuckman & Jensen (1977) ได้แบ่งระยะของการพัฒนาทีมเป็น 5 ระยะ ได้แก่ 1. ระยะก่อตัว (Forming stage)

  1. ระยะระดมความคิด (Storming stage) 3. ระยะกำหนดบรรทัดฐาน (Norming stage)

4. ระยะปฏิบัติงาน (Performing stage) และ 5. ระยะสิ้นสุด (Adjourning stage)

ประวัติผู้แต่ง

ณัฐวดี ใจช่วงโชติ

นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาบริหารการศึกษา ภาควิชานโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา   

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เพ็ญวรา ชูประวัติ, ดร.

อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารการศึกษา ภาควิชานโยบาย การจัดการ และความเป็นผู้นำทางการศึกษา

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-12-20

รูปแบบการอ้างอิง

ใจช่วงโชติ ณ., & ชูประวัติ เ. (2018). การทำงานเป็นทีมของครูโรงเรียนวัดหลักสี่พิพัฒน์ราษฎร์อุปถัมภ์. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 12(4), 438–451. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/OJED/article/view/161420