แนวทางการพัฒนาทีมงานของครูในโรงเรียนเครือข่ายแกลงบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2
DOI:
https://doi.org/10.14456/ojed.2020.23คำสำคัญ:
แนวทางการพัฒนาทีมงานของครู, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต 2บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเสนอแนวทางการพัฒนาทีมงานของครูในโรงเรียนเครือข่ายแกลงบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2 เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม คือ ผู้บริหารและครู จำนวน 102 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้การสัมภาษณ์ คือ ผู้บริหารและครู จำนวน 13 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า ภาพรวมแนวทางการพัฒนาทีมงานของครูในโรงเรียนเครือข่ายแกลงบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ระยองเขต 2 อยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุด คือ การสื่อสารระหว่างกันอย่างเปิดเผย รองลงมาคือ การสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำสุด คือ การปรึกษาหารือ แนวทางการพัฒนาทีมงานของครู กล่าวคือ ผู้บริหารสถานศึกษาต้องเสริมสร้างการพัฒนาทีมงานของครูโดยการสร้างบรรยากาศในการทำงานให้รู้สึกผ่อนคลาย เปิดใจ รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน เปิดโอกาสให้ครูได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หาแนวทางการแก้ปัญหาข้อบกพร่อง ยกย่อง ชมเชย ให้กำลังใจ ส่งเสริมให้ครูเพิ่มเติมความรู้ให้ตนเอง มีการวางแผนงาน วางคนในการทำงาน ติดตามการทำงาน ประเมินผลการพัฒนาทีมงานของครู โดยดูจากบรรยากาศในการทำงาน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การแก้ปัญหาร่วมกัน และความสำเร็จของงาน
เอกสารอ้างอิง
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). สุวีริยาสาส์น.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. (2545, 19 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 119 ตอนที่ 123 ก หน้า 19.
ลำเทียน เผ้าอาจ. (2559). การทำงานเป็นทีมของข้าราชการครูในโรงเรียนขยายโอกาส [งานนิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
วิลาวัณย์ จันทร์ไข่ และทีปพิพัฒน์ สันตะวัน. (2558). แนวทางการพัฒนาการทำงานเป็นทีม ของโรงเรียนในจังหวัดกำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 41. ใน บัณฑิตา อินสมบัติ (บ.ก.), รายงานสืบเนื่องจากการประชุมสัมมนาวิชาการนำเสนองานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 15, 21(30), 1307-1316.
http://gs.nsru.ac.th/files/1/114.pdf
สุวรรณา พงษ์ผ่องพูล. (2558). การทำงานเป็นทีมที่ส่งผลต่อการบริหารวิชาการของสถานศึกษา [วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต]. Intellectual Repository of Rajamangala University of Technology Thanyaburi (Repository@RMUTT). http://www.repository.rmutt.ac.th/bitstream/handle/123456789/2790/RMUTT-151670.pdf?sequence=1
สมนึก ภัททิยธนี. (2544). การวัดผลการศึกษา. ภาควิชาวิจัยและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2. (2562). แผนปฎิบัติการประจำปีงบประมาณ 2562. http://ita.rayong2.go.th/wp-content/uploads/2019/08/เล่มแผนปฏิบัติการ-สพป.รย.2-ปี-2562-1.pdf
หทัยรัตน์ ปิ่นโต. (2559). ความคิดเห็นของครูที่มีต่อการบริหารงานที่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม [การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิตไม่ได้ตีพิมพ์]. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม.
อริศษรา อุ่มสิน. (2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูผู้สอนในสถานศึกษา [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. Rambhai Barni Rajabhat University (RBRU E-Theses). http://www.etheses.rbru.ac.th/showthesis.php?theid=232&group=20
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Likert, R. (1932). The method of constructing an attitude scale. In M. Fishbein (Ed.), Readings in attitude theory and measurement (pp. 90–95). John Wiley & Sons.
Porter, L. W., Lawler, E. E., & Hackman, J. R. (1975). Behavior in organization (4th ed.). McGraw-Hill.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
