การศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการพัฒนาทักษะการพูดและการอ่านภาษาไทยของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

Main Article Content

สกลวรรธน์ ดันไทร
พัฒนา ศิริกุลพิพัฒน์
ชัชวาล ชุมรักษา
จินตนา กสินันท์

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


          บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการพัฒนาทักษะการพูดและการอ่านภาษาไทย ของนักเรียนโรงเรียนตำรวจตำรวจตระเวนชายแดนภาคใต้ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนภาคใต้ สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 44 จำนวน 36 คน ผู้ปกครอง จำนวน 36 คน และครูผู้สอนจำนวน 12 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็นแบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง และเจาะจงตัวบุคคล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


          ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาหลักของการอ่านภาษาไทยเกิดจากปัจจัย 5 ด้าน ได้แก่ ครอบครัว ตัวนักเรียน สถาบันการศึกษา ทักษะ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการสนับสนุนจากครอบครัว สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ไม่เอื้ออำนวย และขาดแคลนสื่อการสอนที่ทันสมัย จากปัญหานำไปสู่ความต้องการในการพัฒนาทักษะการพูดและการอ่านภาษาไทย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ นักเรียนต้องการพัฒนาทักษะการพูดและการอ่านภาษาไทยเพื่อเพิ่มความมั่นใจ และต้องการโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียน ครูผู้สอนต้องการสื่อการสอนที่ทันสมัยและเหมาะสม รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เพื่อแก้ปัญหาการขาดความต่อเนื่องในการเรียนการสอน และผู้ปกครองต้องการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียน และต้องการสื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อได้ฝึกฝนที่บ้าน จึงทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาการพูดและการอ่านภาษาไทยของนักเรียน โดยเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบและพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ภาษาไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

Article Details

บท
บทความวิจัย

References

เอกสารอ้างอิง

กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจการพิเศษ. (2564). รายงานผลการดำเนินงาน “โครงการส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 และ 44 ประจำปีงบประมาณ 2564”. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้.

จารุณี การี. (2562). ความต้องการและแนวทางการดำเนินงานคลังปัญญาตามแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมประเทศไทย 4.0: กรณีศึกษาสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. วารสารอินฟอร์เมชั่น, 26(2), 83–101.

จิตติขวัญ ภู่พันธ์ตระกูล, สุรัสวดี นราพงศ์เกษม, มิรินด้า บูรรุ่งโรจน, สรัญญา กฤษณานุวัตร. (2559). การประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต รูปแบบการพัฒนาทักษะการอ่านออก-เขียนได้ สำหรับนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์มลายูในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้. ภูเก็ต : มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต.

จินตวีร์ คล้้ายสังข์. (2555). อีเลิร์นนิ่งคอร์สแวร์-แนวทางสู่การปฏิบัติการเรียนการสอนอีเลิร์นนิง ในทุกระดับ. กรุงเทพมหานคร : บริษัท วี พริ้้นท์ 1991 จำกัด.

บรรจง ฟ้ารุ่งสาง. (2551). พหุวัฒนธรรมศึกษาชายแดนภาคใต้:แนวทางสู่การปฏิรูปการศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 19(1), 1–14.

วิภาดา มุกดา และ ศีลสุภา วรรณสุทธิ์. (2566). การศึกษาระบบออนไลน์วิถีใหม่ในช่วงโควิด 19. วารสารสิรินธรปริทรรศน์, 24(1), 102–11.

สำนักข่าวไทยพีบีเอส. (2560). ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขอย้ายออกจากพื้นที่ต่อเนื่อง. เรียกใช้เมื่อ 30 มกราคม 2556 จาก http://Newsthaipbs.or.Th/Content/143296.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.

อิทธิพันธ์ สุวทันพรกูล. (2561). การวิจัยทางการศึกษา: แนวคิดและการประยุกต์ใช้. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

CAKMAK, Fidel. (2022). Chatbot-Human Interaction and Its Effects on EFL Students’ L2 Speaking Performance and Anxiety. Novitas-ROYAL (Research on Youth and Language), 16(2), 113–131.

Dimitrios Ramandanis, & Stelios Xinogalos. (2023). Designing a Chatbot for Contemporary Education: A Systematic Literature Review. Information 2023, 14(503), 1–30.

Hamlin, D., & Flessa, J. (2018). Parental Involvement Initiatives: An Analysis. Educational Policy, 32(5), 697–727.

Piaget, J. (1971). The Theory of Stages in Cognitive Development. New York, NY: McGraw-Hill.

Panpinit, S. (2010). Research Techniques in Social Science. Bangkok: Wittiyapat.